“อิงฟ้า” ตอบปม “ยุวเฟิร์น” โดนปลดฟ้าผ่า เชื่อน้องยังเด็กอาจจะคิดไม่ทัน ส่วนตัวมองว่าไม่ผิด แต่ไม่เหมาะสม เผยบอสไม่ได้ห้ามพูดถึง แต่ไม่ควรเปรียบเทียบ เข้าใจมุมมอง “ณวัฒน์” มีโทร.มานอยด์ ฟีลน้อยใจ งานนี้ช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าจะง้อต้องรอให้ใจเย็น แจงภาพเข้าพบ “สารวัตรแจ๊ะ” เพราะไปเก็บข้อมูลมาถ่ายซีรีส์ ได้รับบทปังทั้งปี เหมือนเป็นการชาเลนจ์ตัวเอง
ทำเอาแฟนนางงามเสียงแตก จากกรณีที่ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล”บอสใหญ่ของเวทีมิสแกรนด์ สั่งปลดฟ้าผ่า “ยุวเฟิร์น ยุวภรณ์ ทรงงาม”มิสแกรนด์กรุงเทพมหานคร 2024 และรองอันดับ 5 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2024 หลังเจ้าตัวไลฟ์สดตอบคำถามแฟนๆ เรื่องการประกวดเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ซึ่งเป็นเวทีคู่แข่งมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ในเชิงเปรียบเทียบว่ามีจุดเด่นแตกต่างกัน โดยบางคนมองว่าเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินไป ล่าสุดวันนี้ (18 ก.ค.) ได้เจอนางงามรุ่นพี่อย่าง “อิงฟ้า วราหะ”ในงานเปิดตัวแคมเปญใหม่กับเจ้าสัว สาวอิงฟ้าก็ได้แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้ โดยมองว่าไม่ได้ผิด แต่ไม่เหมาะสม
“ได้ดูค่ะ คือถ้าถามในความคิดเห็นของฟ้า คือเราก็เข้าใจในมุมมองของบอสนะ ว่าความที่เราเป็นเจ้าขององค์กร เวลาที่หนูจะกดไลก์ หรือหนูจะแสดงความยินดีกับอีกบริบทหนึ่ง เขาก็ไม่เคยว่าเรานะ ก็มีการโทร.คุยกัน เขาก็บอกว่าพี่ไม่เคยว่านะจะกดไลก์ จะแสดงความยินดี แต่ว่าในเมื่อเราพูดในเชิงการเปรียบเทียบ มันเป็นสิ่งที่วันนี้เราอยู่กับองค์กร เราก็ไม่ควรที่จะทำ ซึ่งเราก็มองภาพไปที่น้องยุวเฟิร์น อาจจะด้วยน้องยังเด็กหรือน้องคิดไม่ทัน หรือพูดไปเพื่อจะแสดงความคิดเห็นอะไรก็ตาม ที่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของน้องเขา
ถามว่ามันผิดไหม มันก็ไม่ได้ผิด แต่ว่ามันอาจจะไม่ได้เหมาะสมกับจุดที่น้องอยู่แค่นั้นเอง ซึ่งก็มีการปรับตัวกันว่า เราอยู่ตรงนี้ เราก็ต้องรู้จักเจ้านายเรา ว่าเขาชอบอะไร เขาไม่ชอบอะไร บางอย่างคิดได้ แต่ไม่จำเป็นต้องพูดเสมอไปหรือว่าความเหมาะสมนิดหนึ่ง ถ้าถามว่าหนูเป็นบอส หนูก็มีความน้อยใจนิดหนึ่ง ในการพูดที่เปรียบเทียบ มันอาจจะไม่ควรที่จะต้องออกสื่อหรืออะไรก็แล้วแต่ มันก็อยู่ที่ความเหมาะสม ให้น้องเก็บไว้เป็นบทเรียน ณ ประเด็นตรงนี้มันมีทั้งคนที่เข้าใจและคนที่ไม่เข้าใจอยู่ดี”
ตกใจถูกปลดออกจากเวที Face of beauty แต่งานนี้ไม่ใช่แค่บอสตัดสินใจคนเดียว ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ
“อันนี้หนูก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าข้างในเขามีกระบวนการตัดสินใจอะไร อย่างไรบ้าง แต่เท่าที่ทราบในแต่ละเรื่อง จะไม่มีบอสแค่คนเดียว ก็รู้สึกว่าในองค์กรเขาก็จะนอยด์กันหมด รวมๆ หลายๆ ท่าน กับสิ่งที่น้องพูดออกไป ณ ตรงนี้ก็คงช่วยอะไรน้องไม่ได้จริงๆพอเข้าตลาดหุ้นก็รู้สึกว่าองค์กรเราจะมีผู้ใหญ่หลากหลายท่านเข้ามา ที่จะมีการตัดสินใจในแต่ละอย่าง ที่จะเป็นการประกาศว่า อะไรนู่นนี่นั่น ซึ่งตัวหนูเองก็ไม่ทราบเข้าไปลึกถึงตรงนั้น แต่ก็แอบตกใจเหมือนกัน”
สามารถพูดชื่อหรือแสดงความยินดีกับนางงามอีกเวทีหนึ่งได้ แต่การพูดเปรียบเทียบมันไม่ควรอยู่แล้ว
“จริงๆ หนูว่าการแสดงความยินดี การพูดถึง หรืออะไรอย่างนี้พูดได้เลย เพราะตัวหนูเอง เวลาเราไลฟ์ก็มีคนถาม หนูก็พูดนะ อย่างมีคนพิมพ์ชื่อนางงามอีกเวทีหนึ่งขึ้นมา หนูก็พูดถึง หนูก็ชื่นชมเพราะหนูก็รู้สึกว่ามันไม่ได้ผิด ถ้าเราไม่ได้เปรียบเทียบกันว่าอันไหนดีกว่า อันไหนเด่นกว่า อันไหนด้อยกว่า เราจะไม่พูดแบบนั้น เพราะเรารู้สึกว่าอีกเวทีมันก็ดีเหมือนกัน ดีกันไปในคนละแบบไม่อย่างนั้นคงไม่เติบโตมาถึงขนาดนี้ เราก็มองว่า เราก็ควรจะรู้ว่าเราจะต้องพูดอะไร เพราะมันเป็นเรื่องเซนซิทีฟ เราก็รู้อยู่แล้ว”
เผย “บอสณวัฒน์” โทร.มาหาฟีลน้อยใจ
“ก็คุย เขาก็โทร.มา เขาก็นอยด์ ฟีลน้อยใจของเขานั่นแหละ ว่าพี่ไม่เข้าใจว่าทำไมน้องถึงต้องเปรียบเทียบ ซึ่งเราก็บอกว่าหนูได้ดูคลิปแล้ว แล้วเขาก็บอกว่า ปกติเวลาที่จะแสดงความคิดเห็นอะไรพี่ไม่เคยว่านะ แต่ว่าอย่าเปรียบเทียบ เพราะมันคือสิ่งที่ตัวเขาเองเขาก็ต่อสู้ด้วยองค์กรของเขามาตัวคนเดียวตั้งแต่ไหนแต่ไร และเป็นเด็กในองค์กรด้วยที่มาเปรียบเทียบข้อเด่นข้อด้อย เขาก็เลยรู้สึกแบบนั้น”
ไม่เคยโดนห้ามเป็นเพื่อนกับอีกเวที แค่ต้องเลือกตอบในบางคำถาม
“อ๋อ ไม่ๆๆ เขาไม่เคยห้าม ไม่ใช่แค่กับตัวหนูนะ ถ้าสังเกตดีๆ ในองค์กร มีน้องคนนั้นรู้จักคนนี้ ก็เป็นเรื่องปกติ ก็ไม่มีการห้ามแต่ไหนแต่ใดตั้งแต่หนูได้ตำแหน่งมา เพราะมีคนถามนับครั้งไม่ถ้วน แต่เราเลือกที่จะตอบในบางคำถาม ที่เราสามารถตอบได้เท่านั้นเอง”
วิธีง้อคงต้องรอให้ใจเย็น เรื่องปลดออกจากซีรีส์ไม่มีผลกระทบ เพราะไม่ใช่ตัวหลักอยู่แล้ว
“ก็คงต้องรอให้เขาใจเย็น สุดท้ายก็เชื่อว่าเขาไม่ใช่คนใจร้ายอะไรหรอก เพราะตัวเราเองเราก็เคยทะเลาะกับเขาเลย ก็ต้องรอเวลาให้มันดีขึ้นเชื่อว่าเวลาจะช่วย พอเขาใจเย็นลง เดี๋ยวเขาก็หายเอง เพราะสุดท้ายแล้ว ก็เป็นลูกของเขาอยู่ในองค์กรเขา ก็หนีกันไม่พ้นอยู่ดีก็เป็นกำลังใจให้น้อง ให้เรียนรู้ในจุดที่ตัวเองที่จะต้องอยู่ว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไร (มีโดนปลดออกจากซีรีส์ด้วย?) ตอนเห็นก็ตกใจเหมือนกัน แต่ว่าต้องบอกอย่างนี้ก่อนว่า ในซีรีส์บทที่น้องได้เล่นก็ไม่ได้เป็นตัวหลักอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมันมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดอยู่แล้ว ผลกระทบกับซีรีส์ก็น่าจะไม่มี เพราะว่าน้องเป็นแขกรับเชิญเฉยๆ ไม่ใช่ตัวหลักค่ะ”
แจงภาพเข้าพบ “สารวัตรแจ๊ะ” เพื่อไปเรียนรู้อาชีพตำรวจสืบสวน มาใช้ในชีรีส์ “หยดฝนกลิ่นสนิม”
“รูปออกมาเหมือนหนูโดนรวบ คือเราไปขอความรู้เขา เดี๋ยวเราจะได้ถ่ายซีรีส์เกี่ยวกับเรื่องของการเป็นตำรวจ เป็นหน่วยสืบสวนอะไรอย่างนี้ ก็จะต้องมีการทำการบ้านค่อนข้างเยอะ ก็เลยอยากได้กูรูที่เก่งมากๆ เพราะเรามีเวลาที่จะต้องเวิร์กช็อปค่อนข้างไม่เยอะ ก็เลยอาจจะต้องรวบรัดเลย คือใช้การเรียนรู้จากคนที่เก่งมากๆ ไปเลย ถามว่าทำไมถึงเลือกสารวัตรแจ๊ะ จริงๆ ทีมงานเป็นผู้เลือกค่ะ ทีมงานจากหยดฝนกลิ่นสนิม แล้วก็ทางทีวีธันเดอร์ จะมีการลงมติกัน ว่าอยากจะให้เราไปลงเรียนรู้กับใคร ก็ดีนะวันนั้น อยู่กันทั้งวันเลย เขาก็จะเปิดให้ดูว่าในหลักการทำงานของเขามีอะไรบ้าง เขาก็ดีใจด้วยค่ะที่เราได้นำหน่วยสืบสวนของเขามาเผยแพร่ ที่ปกติในเรื่องของการสืบสวน เขาไม่ค่อยที่จะได้เผยแพร่และมีการบอกสักเท่าไร ก็ถือว่าเป็นการร่วมงานที่ตอบโจทย์กันได้ดี”
การไปได้เรียนรู้ในชีวิตจริง ช่วยเสริมการแสดงได้เยอะมาก
“ช่วยได้มากค่ะ เพราะว่าจริงๆ การทำงานในแต่ละฝ่ายและอาชีพ ซึ่งเราก็มาจากการเป็นศิลปิน ส่วนงานที่เป็นตำรวจและราชการ เราก็ไม่รู้หลัก 1 2 3 4 5 ในการทำงานของเขา ซึ่งเรื่องนี้เราสู่บทบาทเป็นสารวัตรด้วย ก็เลยต้องเรียนรู้ ว่าบุคลิกการเดินก็ต่างแล้ว จากบุคลิกนางงามเขาเดินแบบนี้ แล้วตำรวจเขาเดิน เขามีอะไรยังไง วิธีการสังเกตคน และก็หลายๆ เรื่องในกระบวนการทำงาน ก็เอามาใช้ในชีวิตเราได้ด้วย”
ไม่ห่างไกลจากตัวจริง เพราะชอบสังเกตคนแบบเงียบๆ อยู่แล้ว
“จริงๆ ก็ไม่มากเท่าไหร่ คือหนูเป็นคนที่ชอบสังเกตคนอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่ได้สังเกตคนแบบกระโตกกระตาก เป็นคนที่ชอบเก็บรายละเอียดคนแบบนิ่งๆ อยู่แล้ว ถือว่าเอามาใช้ได้ในตัวสารวัตรตุลย์”
บู๊เต็มที่ จะได้เห็นความเท่ในตัวละครเยอะ
“เรื่องนี้บู๊เต็มที่ค่ะ ถือเป็นอีกหนึ่งบทบาทคาแรกเตอร์ที่เพิ่มความสามารถของเราลงไปในนั้นอีก หนึ่งอย่างที่คนอาจจะไม่ค่อยเห็นมาก่อนเลยก็ได้ ส่วนลุคเท่ๆ คูลๆ น่าจะได้เห็นบ้างแล้ว เพราะปกติเล่นเป็นคนจน (หัวเราะ) เป็นคนจน เป็นคนน่าสงสาร เป็นคนแบบไม่สู้คนบ้าง ในเรื่องนี้เราก็จะได้เห็นอีกหนึ่งบทบาท เป็นคาแรกเตอร์ที่มีความเท่ในตัวละครเยอะ”
ปีนี้ได้รับแต่บทปังๆ ถือเป็นการชาเลนจ์ตัวเอง
“ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ชาเลนจ์เรา จริงๆ มันก็ทำให้หนูเติบโตขึ้นในเส้นทางที่เราวาดหวังไว้อย่างการ ได้เป็นนางงามเราก็ได้ตำแหน่งแล้ว เราจะเป็นนักร้อง เราก็มีซิงเกิ้ล หรือว่าเราอยากจะเป็นนักแสดงเราก็ได้เล่นภาพยนตร์ ซีรีส์ รวมถึงละคร ก็ถือว่าเราคอมพลีท ที่เหลือก็อยู่ที่เราจะพัฒนาตัวเองไปยังไง ให้ต่อยอดจากสิ่งที่เราได้โอกาสมาให้ไปได้ไกลที่สุด เราก็ทำเต็มที่ สู้เต็มที่”
ตอนนี้ไปทางนักแสดงมากกว่านักร้อง
“ตอนนี้เหมือนไปในทางนักแสดงซะมากกว่า ด้วยโอกาสที่ผู้ใหญ่เขามอบมาให้ในแต่ละค่าย แต่ละช่องที่ยื่นมา ส่วนตัวหนูเองก็อยากพรู๊ปตัวเองในด้านการแสดงด้วย เพราะมันก็ต่อยอดในด้านของการพรีเซ็นเตอร์ ในด้านต่างๆ ที่ตามมาได้ดีด้วย”
เป้าหมายโตขึ้นในทุกๆ วัน
“รู้สึกว่าตัวเองก็โตขึ้นในทุกๆ วัน ถึงแม้บางครั้งจะอยากเป็นเด็ก แต่เราก็ต้องโตขึ้น เหมือนมันก็เป็นอีกก้าวหนึ่งที่ทำให้เรา ปีหน้าก็จะ 30 แล้วก็ถือว่าเริ่มไปในทิศทางที่เป็นทางการมากขึ้น และทำอะไรก็ไปให้สุด ติดเล่นให้น้อยลง หรือถ้าจะติดเล่นก็ดูบางโอกาส เท่าที่เราจะทำได้”
มีเวลาว่างดูแลตัวเองบ้าง สุขภาพโอเค แต่เหนื่อยง่ายเพราะพักผ่อนน้อย
“(หัวเราะ) ก็พอมีบ้าง เราก็ต้องดูแลตัวเอง เหมือนแบบว่าในส่วนที่ทำได้ อย่างเช่น เราไม่มีเวลาเข้าคลินิก เราก็ทำสปาเองในบ้าน ไม่มีเวลาออกกำลังกาย เราก็เลือกทานอาหารค่อนข้างคลีน สุขภาพตอนนี้ก็โอเคนะคะ รู้สึกโอเค จะมีในเรื่องของความเหนื่อยง่ายนิดหนึ่ง อาจจะมาจากการที่เราพักผ่อนน้อย หรือบางทีก็จะมีตื่นมาแล้วหน้าบวมหรืออะไรอย่างนี้ เกิดเอฟเฟกต์จากการพักผ่อนน้อยด้วยก็มี”
