“อาไท” เผยสภาพจิตใจดีขึ้น พยายามมูฟออนได้แล้ว 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ของทุกอย่างยังวางไว้ที่เดิม เก็บไว้เป็นความทรงจำเพราะรัก บอกไม่ค่อยอยากพูดถึงอดีต เพราะอยากให้เกียรติ ตั้งแต่เลิกกันยังไม่คุย ไม่กล้าแม้แต่ส่องไอจี ดีใจร่วมงาน “นาย ณภัทร” มีให้กำลังใจกันตลอด หัวอกเดียวกัน แค่มองตาก็เข้าใจ
กลายเป็นพี่น้องหัวอกเดียวกันไปแล้ว สำหรับ “อาไท กลมกิ๊ก”สุภทัต โอภาส กับพระเอกหนุ่ม “นาย ณภัทร เสียงสมบุญ” เพราะเพิ่งประกาศจบความสัมพันธ์ กับแฟนสาวคนสวยอย่าง “น้ำเพชร อิสรีย์ ธรากูลพิพัฒน์”กับ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์”แบบตามกันมาติดๆ งานนี้พอได้มาทำงานร่วมกัน ในภาพยนตร์เรื่อง “มานะแมน” ก็เลยเหมือนแค่มองตาก็เข้าใจ ไม่ต้องพูดอะไรกันมากมาย
“ร่วมงานกับพี่นายก็ดีมากครับ เขาเป็นคนน่ารักสำหรับผมนะ เขาเป็นคนสุภาพแล้วจริงใจ ไม่ว่าเราจะมีเรื่องอะไรเขาจะให้คำแนะนำเราได้ เรื่องรถ เรื่องบ้าน เราทำบ้านเวลาไล่ๆ กัน แล้วเราชอบรถเหมือนกัน ส่วนเรื่องหัวใจถามว่ามีการปรับทุกข์กันไหม ก็ไม่เชิงปรับทุกข์ครับ แต่วันที่เรามีทุกข์ ด้วยความที่เขาเป็นพี่ชาย เขาไม่มีทางปล่อยให้น้องทุกข์อยู่แล้ว เขาก็เข้ามาปลอบเรา จะจับมือเรา ด้วยความน่ารักของเขานะ แล้วก็น้องครับสู้ๆ นะ”
บอกตัวเองไม่ได้ร้องไห้ แต่เหมือน “นาย” จะร้อง
“ผมไม่ร้อง แต่เหมือนพี่นายจะร้อง ไม่ใช่ๆ แต่เขาจับมือผมจริงๆ เขาบอกว่า น้องครับสู้ๆ นะ ยังไงก็ตามเดี๋ยวมันจะผ่านไปมันก็จะดีขึ้นนะครับ เขาน่ารักมาก (แล้วเราปลอบเขายังไง?) เขาเอามือไว้ด้านหลัง ผมจะกุมอยู่แล้ว แต่เขาเอามือหลบ ก็เลยไม่ทัน ไม่หรอกๆ เราก็ให้กำลังใจในฐานะน้องครับผม”
เหมือนเป็นเพื่อนกัน คุยกันทุกเรื่อง คล้ายในเรื่องที่แสดง
“คล้ายๆ ชีวิตจริงช่วงนี้เหมือนกับในหนัง ก็ประมาณหนึ่ง ใช้คำว่าในช่วงเขาทุกข์ใจ เราก็ไม่เคยหนีหาย มีอะไรก็โทร.มา”
มีไลน์ไปให้กำลังใจว่าสู้ๆ เพราะส่วนตัวก็ยังไม่หายดี
“เราก็บอกคำเดียวว่า สู้ๆ เพราะผมก็ยังไม่หายดีเท่าไหร่”
สนิทกันมากขึ้นเลย เพราะหัวอกเดียวกัน มองตาก็รู้ใจ
“ใช่ครับผม พี่เขาก็ขอบคุณครับ เหมือนมองตาแล้วรู้ใจ เมื่อกี้ก็ไปนั่งมองตากันอยู่ในห้อง”
ส่วนตัวสภาพจิตใจดีขึ้น มูฟออนได้ 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว
“ดีแล้วครับ ถามว่าแอบร้องไห้ไหม ถ้าแอบพี่ก็ไม่รู้หรอก ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาก็ดีครับ บางเรื่องอาจจะดูไม่ดี แต่ข้อดีคือเราก็ได้ประสบการณ์ชีวิตในครั้งนี้ เรื่องการเยียวยาตัวเอง สำหรับผมการทำงานการอยู่กับเพื่อน การอยู่กับครอบครัวช่วยได้เยอะ ยื้อให้เรากลับมาได้ และพยายามคิดอยู่ตลอด ว่าต้องมีความสุขกับตัวเองให้ได้แล้วจริงๆ ถามว่าตอนนี้มูฟออนได้หรือยัง ก็ยังไม่สนิทใจร้อยเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ ให้สัก 80 แล้วกัน 80 เปอร์เซ็นต์คือมูฟออนแล้ว”
ของทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิม เก็บเป็นความทรงจำอยู่ในความคิดถึง
“ถ้าพูดก็เหมือนจะดูเรียกร้องอะไรไหม โอเคผมจะพูดแบบลูกผู้ชายตรงไปตรงมา ทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิม สิ่งของของเขายังอยู่เหมือนเดิม ตัวเขาแค่ไม่อยู่ แต่เขาอยู่ในความทรงจำเรา อยู่ในความคิดถึงของเราตลอด พยายามจะมูฟให้ได้ครับ จริงๆ เราไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องอดีต เพราะเราก็ให้เกียรติเขาด้วยแหละ เราไม่รู้ว่าเขาจะยังไงแล้ว เราไม่รู้ละ เพราะนั่นคือชีวิตของเขาแล้ว”
ยังอยู่กับบรรยากาศเก่าๆ เพราะรักคำเดียว
“รักแหละ คำเดียว แต่เรารู้ว่าเรารักเขาแบบไหนแล้วนะ เราก็รักในแบบของคนที่คอยหวังดีกับเขาแล้วกัน”
ตั้งแต่เลิกยังไม่ได้คุย และไม่กล้าส่องไอจี
“ไม่ได้คุยแล้วครับ ไม่กล้าส่องครับ”
โตขึ้นเยอะจากความรักครั้งนี้
“ก็โตขึ้นเยอะอยู่ครับ เยียวยาตัวเองด้วยการทำงาน ทำงานอยู่กับเพื่อนให้ได้นานที่สุดก่อนเข้าบ้าน ผมอยู่แค่กิจกรรมที่ตัวเองทำ แทงสนุ๊กกับตีกอล์ฟ ถ้าสมมุติเลิกงานแล้วผมจะเข้าไปแทงสนุ๊กกับเพื่อน จนง่วงผมถึงกลับบ้าน ผมว่าหลายคนก็เป็น ไม่ใช่แค่ผมหรอก ต่อให้ง่วงแค่ไหน กลับไปถ้ามันมีอะไรในหัวก็นอนไม่ค่อยหลับหรอก มันก็จะมีคิดอะไรของมันไปเรื่อย ถามว่ามีนอนที่โต๊ะสนุ๊กไหม ก็พยายามแล้วแต่เขาไม่ให้นอน ขอนอนข้างใต้ด้วย แต่เขาบอกว่าไม่ได้เหมือนกัน”
เจ็บแล้วกลัว ยังไม่กล้าจีบใครใหม่
“ยังกลัวอยู่ ต้องเว้นก่อนสักพักหนึ่ง มันกลายเป็นกลัวจริงๆ นะ ผมไม่รู้ใครเป็นบ้าง พอมันเจ็บ แล้วมันกลัวจริงๆ นะ ถามว่าเพื่อนมีแนะนำไหม ว่าลองคุยกับคนนี้สิ ก็ไม่มีครับ ผมก็ไม่มีเพื่อนด้วย เพื่อนน้อยก็เลยไม่มีใครแนะนำ”
ทำงานเก็บเงินสร้างความมั่นคงให้ครอบครัว และสร้างอนาคตให้ตัวเอง
“ตอนนี้พยายามสร้างความมั่นคงให้ที่บ้าน และสร้างอนาคตให้ตัวเอง ด้วยการทำงานเก็บเงินให้ได้เยอะที่สุด ผมอยากทำธุรกิจเร็วๆ นี้ แต่เกี่ยวกับของกินนี่แหละ แต่ยังไม่บอกว่าคืออะไร แต่เร็วๆ นี้แหละเกี่ยวกับของกิน ก็อาจจะแบบสิ้นปี วางแผนเรียบร้อยแล้วครับ”
