“อ้อม” เจ้าหนี้ “ปู มัณฑนา” ยันไม่ได้มีอาชีพปล่อยเงินกู้ ลั่นถ้ายังโกหกจะเปิดหลักฐานเด็ด ไม่ต้องร้องไห้ น้ำตาไม่ช่วย ถ้ารักครอบครัวต้องพูดความจริง ด้าน “ลูกหมี” เผยจ่าย 1.4 ล้านพร้อมจบ ยินดีขอโทษแต่ต้องใช้หนี้ก่อน “ลิลลี่” ขอโทษพฤติกรรมก้าวร้าว ยันไม่ได้ด่าบ.ยูซัมมิต ปัญญาอ่อน เซอร์ไพรส์เจ้าหนี้โผล่เพิ่มกลางวงแถลง
ยังคงไม่จบง่ายๆ สำหรับกรณที่ “ลูกหมี รัศมี ทองสิริไพรศรี”และ “ลิลลี่ เหงียน” รวมทั้งผู้เสียหายรายอื่น เข้าแจ้งความและออกสื่อแฉว่า “ปู มัณฑนา หิมะทองคำ” ยืมเงิน 2 ล้านแล้วไม่คืน แถมยังจ่ายเช็คเด้ง โดยก่อนหน้านี้ “ปู” พร้อมกับสามี “หาญส์ ภักดีหาญส์ หิมะทองคำ”ได้แถลงข่าว โดยฝ่ายปูเปิดใจทั้งน้ำตา และได้มีการพูดพาดพิงถึง “อ้อม อรัญญา ณัฐวัชรเสถียร” หนึ่งในเจ้าหนี้ ประมาณว่าปกติก็ปล่อยดอกปล่อยเงินกู้อยู่แล้ว รวมถึง “ลูกหมี” เองก็ปล่อยเงินกู้ให้ร้านแว่นตา ล่าสุดวันนี้ (15 ก.ค.) ทาง คุณอ้อม พร้อมกับ ลูกหมี รวมถึง ลิลลี่ เหงียน และทนายกุ้ง อำนวยพร มณีวรรณ์ ก็เลยตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงถึงเรื่องนี้ หลังเดินทางมาถ่ายรายการ คนดังนั่งเคลียร์ ที่ช่อง 8
ซึ่งขณะกำลังแถลงข่าวอยู่นั้น ก็ได้มีเจ้าหนี้รายใหม่โผล่เพิ่ม เป็นชายหนุ่มชื่อ “โทนี่”บอกว่าได้ทำสัญญากู้ยืมเงินเมื่อปี 64 แต่ขอไม่เปิดเผยจำนวนเงิน เพราะยังไม่ได้รวบรวมหลักฐาน วันนี้ตั้งใจแค่มาปรึกษากับทนายกุ้งเท่านั้น
ส่วนที่ “ลูกหมี”และ “ปู มัณฑนา” มีนัดไกล่เกลี่ยรอบ 2 ที่ สน.ทองหล่อ ในวันพรุ่งนี้ (16 ก.ค.) เวลา 16.00 น. ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมาอยู่ๆ ก็ได้มีการแจ้งยกเลิกกะทันหัน โดยลูกหมีชี้แจงผ่านพีอาร์ ว่าเนื่องจากทางทีมทนายเจ้าหนี้ ได้แจ้งว่า ทางลูกหนี้ได้แจ้งความกลับเจ้าหนี้ ในข้อหาดอกเบี้ยเกินกฏหมายกำหนด และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณากับลูกหมี ทนายกุ้ง และทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทางลูกหมีจึงขอยกเลิกการเดินทางไป สน.ในวันพรุ่งนี้
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปทางทนายกิ่ง ทนายความของปู ก็ได้เผยว่าพรุ่งนี้ปูไม่ไปสน. แล้ว รอเจอกันที่ศาลทีเดียว
อ้อม : “วันนี้จะมาชี้แจง ที่เขาบอกว่าอ้อมทำปล่อยดอก ปล่อยเงินกู้อยู่แล้ว ซึ่งไม่จริงค่ะ ครั้งแรกให้ยืมเพราะช่วยเหลือ แต่ต่อๆ มาเขาก็ยืมอีก บอกจำเป็นต้องใช้เงิน อ้อมก็ปฏิเสธ เขาเลยพูดถึงเรื่องลงทุนทำธุรกิจคอลลาเจนกับเพื่อน บอกกำไรดีมาก ปันผลดีมาก แล้วไม่กี่วันต่อมาเขาก็ชักชวนอ้อมทำด้วย คือไม่ได้มีการปล่อยดอกปล่อยเงินกู้เหมือนที่เขามาพูด ตอนยืมครั้งแรกเขาเสนอดอกเบี้ยให้เอง 3 เปอร์เซ็นต์ค่ะ ที่ทนายฝั่งเขาบอกว่า เขาใช้ดอกอ้อมจนทบต้นทบดอก มันไม่ใช่ดอกเบี้ยนะ มันคือปันผลตอบแทนที่เขาต้องให้อ้อม ว่าอ้อมลงทุนเท่านี้ เขาจะปันผลเท่าไหร่ มีรายละเอียดหมด
เขาพูดว่ามันเป็นเงินดอกเบี้ย แต่อ้อมให้เขาเขียนในข้อความว่าเป็นปันผล เป็นแบ่งกำไร ซึ่งมันไม่ใช่ ยิ่งมาบอกว่าพี่ลูกหมีให้เขาเซ็นกระดาษเปล่า ส่วนอ้อมให้เขียนเขาก็เขียน เขาไม่รู้อะไรเลย คือเขาไม่ใช่เด็ก 3 ขวบนะ ให้เขียนให้เซ็นอะไรก็ทำ มันฟังไม่ขึ้นค่ะเขามีพฤติกรรมชอบกล่าวอ้างถึงบุคคลที่สองที่สาม พูดยังไงก็ได้เพื่อให้ได้เงิน อ้อมมีตัวอย่าง รอบที่แล้วเขาบอกว่าพี่สะใภ้เขาเป็น CEO หลายบริษัท เดือดร้อนเรื่องการเงิน แต่อ้อมมั่นใจว่าพี่สะใภ้เขาไม่รู้เรื่อง เขาเอาชื่อพี่สะใภ้มาแอบอ้างว่าต้องการเงิน เขาเป็น CEO หลายบริษัทเขาต้องมีเงิน คงไม่มาเดือดร้อนขอยืมใครแบบทยอยจ่าย
อ้อมยืนยันว่าอ้อมมีหลักฐาน คนที่พูดความจริงเขาจะเอาหลักฐานออกมาโชว์ แต่เขาเคยเอาหลักฐานมาโชว์ไหม ออกมาพูดแต่ละทีไม่เห็นมีหลักฐานเลย มีแต่น้ำตาที่ออกมา น้ำตาช่วยไม่ได้นะคะหลักและความจริงเท่านั้นค่ะ ว่าใครเป็นคนพูดจริง ถ้าเขาอยากไกล่เกลี่ยจริงๆ ให้เขามาคุยกับอ้อม ไม่ต้องส่งบุคคลที่สามมา ถ้าส่งบุคคลที่สามไม่ไกล่เกลี่ย หรือว่าให้บุคคลที่สามถือเงินมาเลย ทางที่ดีที่สุดคือคืนเงิน เขารู้อยู่แล้วว่าเขาเอาเงินเราไปลงทุนด้วย ถ้าไม่ไกล่เกลี่ยก็จะดำเนินการเต็มที่ค่ะ แต่ถ้าเราได้เงินคืนก็จบค่ะ ก็ไม่ได้อยากมีเรื่องราวอะไร ยอด 1,160,000 บาทค่ะ
ส่วนหลักฐานอันนี้ อ้อมจะไม่โชว์ แต่ถ้าเขายังชอบพูดโกหก อ้อมจะเอาหลักฐานนี้เปิด มันเป็นหลักฐานที่อยู่ในมืออ้อมนานมากแล้ว เขาชอบเอาบุคคลที่สองที่สามมาแอบอ้าง หรือพูดยังไงก็ได้ให้ตัวเองได้เงิน ซึ่งบุคคลนี้เป็นผู้ใหญ่ระดับประเทศ ถ้าพูดออกไปเนี่ย อ้อมไม่รู้ว่าคุณหาญส์เขาทราบพฤติกรรมภรรยาเขาไหม แต่ครั้งที่แล้วเขารู้สึกผิด เขาเย็นลงแล้ว อ้อมเลยจะไม่โชว์ แต่จะบอกว่ามีอะไรให้เล่าความจริงให้สามีและทนายฟังทั้งหมด เพราะเขาเป็นคนช่วยคุณ อ้อมมั่นใจว่าเขาไม่ได้เล่าความจริงให้สามีฟังทั้งหมด แล้วก็ฝั่งทนายฝั่งเขา ว่าอย่ารับรองพฤติกรรมเขาเยอะ ขนาดสามีเขาอยู่บ้านด้วยกันทุกวัน เขายังให้สัมภาษณ์ว่าเขาไม่รู้พฤติกรรมของภรรยาเขาทั้งหมด เพราะฉะนั้นทนายคือคนนอก อย่ามั่นใจหรือรับรองเขาเยอะค่ะ เป็นห่วง
อ้อมไม่ได้อยากจะเหยียบเขา ไม่ได้อยากให้เขาไม่มีที่ยืนในสังคม แต่อยากให้เขาลงมาคุยกับเจ้าหนี้ได้แล้ว อย่าเลือกยืนบนหัวเจ้าหนี้อีกต่อไป ออกมาพูดความจริง อย่าโกหก เอาหลักฐานออกมาเลย ไม่ต้องมาร้องไห้ น้ำตาช่วยไม่ได้ ถ้าเขายังดันทุรังว่าฉันไม่ผิด ฉันถูกกระทำ เดี๋ยวเขาจะไม่มีที่ยืนเอง และถ้ายังพาดพิงอะไรที่ไม่เป็นความจริงอีก หลักฐานนี้ก็จะถูกปล่อยออกมา หยุดพฤติกรรมอย่างนี้ ถ้ารักลูกกับสามี
เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เกิดจากการกระทำของพี่เอง พี่ไม่ต้องโทษใคร แค่ออกมายอมรับ ออกมาขอโทษ ถอนคดีกับทุกคนไปซะ ให้เรื่องราวมันจบๆ ถ้าพี่รักลูก รักสามี รีบจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ต่างฝ่ายต่างขอโทษกัน อ้อมเชื่อสังคมไทย ใครสำนึกผิดเขาก็พร้อมจะให้อภัย อย่ายืดเยื้อกันไปอีกเลย”
ทนายกุ้ง : “ส่วนของลูกหมีก็เหมือนเดิม พรุ่งนี้ 16.00 น. ที่สน.ทองหล่อ ไปไกล่เกลี่ย แต่จะไกล่เกลี่ยได้หรือไม่ ก็รอดูอีกที ถ้าเขามีเงินสดมา 1.4 ล้านลูกหมีรับไหม (หัวเราะ)”
ลูกหมี : “เรื่องสัญญาเงินกู้ เขาบอกว่าเขาเซ็นกระดาษเปล่า คือลูกหมีเป็นคนเขียนเองทั้งหมด ลายมือลูกหมี แต่ยังไม่มีใครเซ็น แล้วก็ส่งไปให้เขา เขาก็ส่งกลับมาเป็นใบเดิมที่เขาเซ็นแล้ว ลูกหมีไม่ได้ส่งกระดาษเปล่าค่ะ พอเซ็นครบก็ถ่ายรูปส่งไปให้เขาดู แล้วบอกว่าให้เขาปริ๊นต์เอา หรือเจอกันเดี๋ยวเอาไปให้ก็ได้ (ปูยืนยันไม่ได้ขอยืม แต่เราอยากปล่อยดอก เพราะปกติปล่อยให้ร้านแว่นอยู่แล้ว?) ลูกหมีลงทุนผลิตกับร้านแว่นตา ซึ่งแบรนด์ชื่อ LR แต่แว่นตาไม่ได้เกิดขึ้น ร้านแว่นตาติดเงินลูกหมีจริง แต่เป็นการทำธุรกิจแว่นไม่ได้ปล่อยเงินกู้”
“ปู” บอกพรุ่งนี้จะจ่าย 1.4 ล้าน แต่ “ลูกหมี” ต้องไปออกรายการเพื่อขอโทษเขาตามจำนวนรายการที่ไปออก
ลูกหมี : “พรุ่งนี้พี่ๆ นักข่าวก็อยู่ที่สน.ทองหล่ออยู่แล้ว ก็ยอมขอโทษได้เลยค่ะ ไม่มีปัญหาใดๆ เลย พี่ปูก็มีส่วนดีมากมาย แต่ส่วนเสียคือเรื่องใหญ่ที่เป็นความเดือดร้อนของลูกหมี ทุกคนหนักหน่วงหมด แต่คุณจะมาพูดมุมเดียว ว่าคุณหนักหน่วงจากการที่เรามาแถลงข่าววันที่ 13 มิถุนายน แล้วเราหนักหน่วงตั้งแต่ 1 มกราคม คุณไม่คูณไปละ ว่าระยะเวลาที่เราให้โอกาสรอคอยมานานมันตีมูลค่าได้ไหม มันมีโอกาสมากมายแต่ไม่เคลียร์”
ทนายกุ้ง : “ถ้าพรุ่งนี้ไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ กระบวนการทางกฎหมายก็ว่ากันต่อไปค่ะ”
ลูกหมี : “ถ้าพรุ่งนี้เขาเอาเงินสดมา 1.4 ล้าน เราถอนแจ้งความแน่นอนค่ะ จะ 1.4 ล้าน หรือ 1.6 ล้าน ก็รับค่ะ เพราะเราต้องใช้เงิน รอมานานแล้วจริงๆ อยากให้จ่ายเต็มด้วยซ้ำ ตอนรับก็รับไปเต็มๆ ลูกหมีขอโทษได้ถ้าพูดจาไม่ดีไป ยินดีขอโทษ ขอให้คืนเงินมา เรื่องไปออกรายการ ลูกหมีไปออกได้ถ้ารายการเชิญมา แต่จะโทร.ไปบอกขอออกรายการมันเป็นไปไม่ได้จริงๆ การที่จะขอโทษเขาไม่ใช่เรื่องใหญ่โต”
ถามบ้าหรือเปล่า ใช้สมองส่วนไหนคิด จะให้ไปขอโทษก่อนใช้หนี้คืน
ลูกหมี : “มันเป็นไปไม่ได้ คือพูดอะไรตลกๆ คิดว่าตัวเองเขียนบทได้คนเดียว แล้วใช้คำว่าเดินสาย คือต้องให้ลูกหมีเดินสายออกรายการไปขอโทษ มันไม่ใช่เดินสายเสร็จแล้วค่อยให้เงินเหรอ บ้าเปล่า ใช้สมองส่วนไหนคิด มันไม่ใช่ (เขาบอกว่าคำขอโทษอาจจะไม่เพียงพอก็ได้?) ต้องให้ลูกหมีรำขอโทษเหรอคะ แถลงแล้วรำ เต้นฮิปฮอป หรือว่าแจ๊สแดนซ์ขอโทษเหรอที่มันจะเหมาะสม หรือให้เดินแบบไปขอโทษไป คือนึกออกไหม ลิลลี่รำได้ไหม?”
ลิลลี่ : “พร้อมบวงสรวงเลยค่ะ พร้อมเลยค่ะ ถ้าได้เงิน”
ลูกหมี : “เอาอย่างนี้ งั้นพี่ขอโทษก่อนไหม ตั้งแต่ 1 มกราคมเช็คมันเด้ง รอจนวันที่ 13 มิถุนายน พี่ขอโทษลูกหมีก่อนสิ แล้วเดี๋ยวลูกหมีขอโทษกลับ เอาเงินทุกคนไปแล้วจะมากลับคำหัวหมอ คือมันไม่ใช่ แค่คุณยอมรับ บอกแล้วว่าให้ยอมรับ แต่คุณเลือกจะไม่แก้ปัญหาเอง แล้ววันนี้ก็มีผู้เสียหายมาอีกเป็นรายใหม่”
โทนี่ : “ผมรู้จักกับพี่ปูมานานแล้ว เป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน ปกติผมเป็นนักร้อง เวลามีงานเขาก็จะจ้างเราไปร้อง ส่วนเรื่องเงินตอนแรกเริ่มจากจำนวนไม่เยอะ แต่ขอไม่บอกตัวเลข เพราะเราเกรงใจที่จะพูดครับ ถามว่ากี่หลัก คือผมร้องเพลงกลางคืน ก็คงต้องร้องติดต่อกันหลายปีกว่าจะได้ยอดนี้ ลักษณะคือเขาบอกว่าขอยืม จะนำไปลงทุนธุรกิจทำของเล่นเด็ก ตอนเซ็นสัญญาเขาพาผมไปเจอเพื่อนเขา เขาบอกว่าถ้าไม่สบายใจ เดี๋ยวเซ็นสัญญาเงินกู้ให้เขายืมให้เพื่อนจริงๆ แต่เดี๋ยวเขาเป็นคนเซ็นให้ ส่วนดอกเบี้ยไม่ได้ระบุ แต่จะได้รับตามกฎหมาย สัญญาฉบับแรกที่เซ็นถ้าจำไม่ผิดน่าจะปี 64
จริงๆ ผมรู้ข่าวแต่ไม่ได้ออกมา เพราะไม่อยากทะเลาะ ไม่อยากให้มีความรู้สึกไม่ดี เราก็ยังรอได้และเขาก็ติดต่อตลอด แต่ที่ออกมาเพราะคิดว่าถ้าไม่ออก ก็จะไม่มีหลักฐานอะไรเลย กลัวเขาเคลียร์ทุกคนแล้วของเราจะนานไปอีกคือไม่ได้อยากจะแจ้งความ แค่อยากแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหนี้เหมือนกัน ในการยืมหรือร่วมทุน ทุกครั้งจะเอ่ยถึงบุคคลที่สามครับ จะพูดถึงเพื่อน แต่ส่วนที่มีการลงทุน บางทีเขาก็มีกำไรให้นะครับ พอครบดีลเขาก็แบ่งให้จริงๆ และการยืมครั้งล่าสุดก็คือปีนี้ครับ ที่พ่อแม่เขาเข้าโรงพยาบาล”
“ลิลลี่” ยืนยันเห็นกับตาตัวเอง “ปู” โชว์เงินในบัญชีให้ดูเหลือ 14 บาท
ลิลลี่ : “วันนั้นหนูเห็นกับตาตัวเอง เขาร้องไห้เสียใจบอกว่าไม่มีตังค์ ลี่เลยโชว์เงินในบัญชีตัวเองว่าเหลือแค่ 250,000 บาท เขาก็โชว์ของเขาว่าพี่เหลือแค่นี้ ก็คือ 14 บาท อันนี้คือความจริงค่ะ (แต่เขาบอกไม่ได้ถังแตก?) ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่คุณจะถังแตกหรือไม่ถังแตกไม่รู้ แต่เงิน 7 หมื่นมันน้อยมาก ศักยภาพอย่างเขาจ่ายลี่ได้อยู่แล้ว (เขายืนยันจะคืนเงิน บอกไม่ต้องยกหนี้ให้ แล้วก็ไม่ต้องขอโทษเขาด้วย?) ก็ใช้มาค่ะ อยากได้เหมือนกัน ก็คือเงินหนูนะคะ ก็โล่งใจถ้าเขาใช้ก็คือใช้
แต่หนูเสียใจอีกเรื่องหนึ่ง คือถ้าเกิดเขามาฟ้องหนูอีกคน หนูไม่ได้ล่วงเกินบริษัทยูซัมมิตนะคะ ไม่ได้บอกว่ายูซัมมิตปัญญาอ่อน หนูบอกว่าพี่ปูมาเอาเงินกับหนู หนูต้องคุยกับพี่ปู ทำไมหนูต้องคุยกับยูซัมมิต ปัญญาอ่อน หนูหมายถึงแบบนี้ ลี่ขอโทษค่ะบริษัทคุณตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือพวกเรามันดีมาก แต่พวกเราไม่โอเค หนูอยากใช้หัวใจคุยกับพี่ปู ไม่อยากคุยกับยูซัมมิต แต่ถ้าเขาแจ้งไปแล้วก็ต้องขอความกรุณา หนูมีเหตุผล แต่ถ้าหนูพลั้งปากเร็วเกินไป หนูก็ยอมรับกรรม เรื่องที่หนูว่าเขาหน้าด้าน หนูก็ขอโทษเขาไปแล้ว หนูทำตัวไม่ดีเอง หนูพร้อมปรับตัว ก็ให้พี่กิ่ง (ทนายกิ่ง ทนายของฝั่งปู) เห็นใจหนูเถอะค่ะ อย่าฟ้องหนูเลย
ส่วนเรื่องคลิปเสียงที่บอกว่าถ้าไม่ออกมาภายใน 2 วันจะปล่อย ก็มีอยู่จริงค่ะ แต่หนูยังสงสารพี่ปูอยู่ หนูไม่ได้เกลียด หนูไม่เอาก็ได้เงิน 670.000 บาท แต่ถ้าให้ก็เอาค่ะ ยังไงก็ขอรอดูพฤติกรรมเขาก่อน เพราะตอนนี้คือลี่ปล่อยวางแล้ว มองแค่ข้อบวก พี่ปูทำให้ลี่เป็นดั่งซุป’ตาร์ในวันนี้ค่ะ ถามว่าคลิปนี้มันน่ากลัวขนาดไหน ก็ว้าวเลย อลังการงานสร้าง พูดมากไม่ได้ แค่ถ้าออกมาทุกคนจะห๊ะเลย มันไม่ดีเลยแหละ (พรุ่งนี้ไปสน.ไหม?) หนูดังเพราะเขานะ พรุ่งนี้มันมีงาน รับเงินมาแล้ว แต่ถ้าทันก็จะไป”
ขอโทษก่อนหน้าที่แสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าว
ลิลลี่ : “ลี่ขอโทษนะคะ ลี่ไม่แก้ตัว ลี่เป็นคนถ้าดีก็ดีมาก ร้ายก็ร้ายมาก แต่พฤติกรรมเลวร้ายของลี่ มันไม่ได้ออกมา 10 กว่าปีแล้ว เนื่องจากใช้ธรรมะปฏิบัติจิตใจ แต่ ณ วันนี้ลี่ใช้อารมณ์ ลี่ขอโทษ ลี่ขอโอกาส ตอนนี้ลี่เชื่อฟังทุกคน ไปอ่านคอมเมนต์แล้วนั่งมองตัวเองยังตกใจตัวเองเลย ลี่ไม่ใช่คนแบบนั้นนะ ลี่ยึดหลักความดีและการถูกต้อง”