“นิว วงศกร” ดีใจ “นาว ทิสานาฎ” เรียนจบแล้ว เห็นตรงกันการแต่งงานสำคัญ แต่ยังไม่จำเป็น มองเป็นประเพณีที่ฟุ่มเฟือย ใช้เงินเยอะ ลั่นไม่อยากมีลูก กลับมาใช้ชีวิตด้วยกัน เป็นครอบครัวเดียวกันก็พอแล้ว ไม่รู้กลับมาจะเล่นละครหรือเป็นเชฟ บอก 2 ปีละครไม่รอ เด็กใหม่พัฒนาขึ้นทุกวัน
ในที่สุดหวานใจ “นาว ทิสานาฎ ศรศึก” ก็เรียนจบเชฟแล้ว อีก 6 เดือนเป็นช่วงฝึกงาน และได้กลับมาเมืองไทย งานนี้หวานใจอย่าง “นิว วงศกร ปรมัตถากร” ได้เผยกลางงานบวงสรวงละคร “บุหลันมันตรา” ณ สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 อาร์เอส กรุ๊ป บอกเพิ่งบินไปหา เรียนจบเมื่อไหร่ค่อยวางแผนชีวิต จะกลับมาเป็นเชฟหรือเล่นละคร
“เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วเพิ่งบินไปหาครับ ก็อยู่ที่นั่นแหละครับ ไม่ได้ออกต่างจังหวัดหรือไปไหนไกล เพราะน้องต้องมีภารกิจที่ต้องเรียน ไปไหนไกลไม่ได้ ตอนนี้เขาเรียนจบแล้วครับ แต่ยังมีฝึกงานอีก 6 เดือน สิ้นปีนี้น่าจะจบเรียบร้อยทุกอย่าง ถามว่าอีก 6 เดือนแพลนไปหากี่ครั้ง ดูว่าละครปิดกล้องหรือเปล่า ตอนนี้มีละครที่ถ่ายค้างไว้อยู่ครับ ต้องให้ละครปิดกล้องเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยวางแผนอีกที”
เรียนเสร็จจะกลับเมืองไทย
“กลับมาก่อนครับ แต่ต้องกลับไปรับเหมือนใบประกาศ ผมก็เรียกไม่ถูก เพราะเขาเป็นเชฟ เขาก็จะรับเป็นหมวก ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร นานๆ ไปหากันสักที มันก็มีคิดถึงนะ แต่เราก็คุยกันตลอดเวลาทุกวัน ภาพหวานๆ จริงๆ มีอีกเยอะเลยนะ แต่ไม่ได้ลง คือนานๆ เราไปทีเราก็อยากถ่ายรูป ถ่ายคลิปเก็บไว้เยอะๆ เอาไว้ดูเวลาคิดถึง หรือเอาไว้ลงเวลาที่อยากไปหาแต่ไปไม่ได้”
ทริปล่าสุดทรหด
“ใช่ คือด้วยความที่โน่นสถานที่ท่องเที่ยวจะเป็นธรรมชาติ ไหนๆ ไปแล้วเราก็อยากไปให้เห็นกับตา แต่มันสวยนะ ถ่ายรูปมาก็สวยแล้ว แต่ของจริงที่ตาเราเห็นมันสวยกว่านั้นหลายร้อยหลายพันเท่า แต่จริงๆ เราเที่ยวกันแนวนี้อยู่แล้วครับ แต่ที่ทริปทรหดอันนั้นน่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนๆ เขามากกว่า เพราะผมกับน้องจะไปด้วยกันบ่อยแล้ว แต่น้องยังไม่เคยไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เขาที่โน่นในสไตล์แบบนี้”
เห็นตรงกัน การแต่งงานสำคัญแต่ยังไม่จำเป็นต้องเป็นช่วงนี้
“ก็ปกตินะ ไปเราก็ไม่ค่อยได้สวีตอะไรอยู่แล้ว ถามว่ากลับมาคราวนี้จะแพลนอนาคตเลยไหม ก็ยังคุยกันเหมือนเดิม แต่เรื่องแต่งงานก็คงยังไม่ถึงเวลา เราก็คุยกันตลอดครับ แต่ความเห็นเราตรงกันตรงที่จริงๆ การแต่งงานมันก็สำคัญ แต่ก็ยังไม่จำเป็นในช่วงนี้ พ่อแม่เรารับรู้และเรามีความสุขดี ครอบครัวเราแฮปปี้ทั้งคู่ ก็ไม่ได้รีบร้อนว่าจะต้องแต่งาน ผมรู้สึกว่ามันใช้เงินเยอะ ในยุคนี้เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่างานแต่งงานมันเป็นประเพณีที่ค่อนข้างฟุ่มเฟือยนะ เพราะใช้เงินเยอะ บางคู่ต้องหาเงินมาจัดงานแต่งงาน และมันก็ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าชีวิตคู่ของเรา ความสัมพันธ์จะเป็นยังไงหลังจากที่เราแต่งงานไปแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราพร้อม และวันนั้นเราอยากจัดงาน เราค่อยมาคุยกันอีกทีนึง แต่ ณ วันนี้คิดว่าน่าจะยังไม่ได้มีครับ”
ยังไม่อยากมีลูกทั้งคู่
“ไม่ครับ คิดว่าความรู้สึก ณ วันนี้ยังไม่อยากมี และน้องเองก็เหมือนกัน แต่ความคิดคนเรามันก็เปลี่ยนแปลงกันได้ เราก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเปลี่ยนไหม เรื่องอายุก็ส่วนนึงด้วยครับ อีกส่วนนึงเรารู้สึกว่ามันค่อนข้างยากที่จะเลี้ยงดูเด็กคนนึงให้เขามีความสุขได้ในยุคปัจจุบันนี้ เป็นความรู้สึกส่วนตัวของผมนะ ไม่ได้ฝากไข่ครับ เบื้องต้นเราคุยกันแล้วว่าไม่อยากมีกันทั้งคู่ครับ”
ชีวิตคู่คือได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
“แค่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ผมว่ามันก็โอเคแล้วนะ ต่างคนต่างมีความสุขกับมัน มีแพสชั่นกับมัน หลังจากหน้าที่การงานแล้วเรากลับมาใช้ชีวิตด้วยกัน เป็นครอบครัวเดียวกันก็พอแล้ว”
นาวคิดอยู่เมืองนอก แต่ยังมีพ่อแม่ที่อยู่เมืองไทยต้องดูแล แม้พ่อแม่ไม่ได้เรียกร้อง
“ก็มีแว๊บๆ ครับ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็มีคุณพ่อคุณแม่อยู่ที่นี่ ผมก็มีคุณพ่อคุณแม่อยู่ที่นี่ คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้เรียกร้องเราหรอกนะ แต่เรารู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ที่เราต้องดูแลพ่อแม่ และเป็นสิ่งที่เราอยากทำเอง ซึ่งทั้งคุณพ่อคุณแม่น้องนาวและคุณพ่อคุณแม่ผมท่านก็ไม่ได้เรียกร้อง ท่านก็ดูแลตัวเองได้ แต่เราด้วยความเป็นลูกก็เป็นสิ่งที่เราอยากจะทำ อยากจะกลับมาดูแลเขา”
กลับมาจะเล่นละครหรือเป็นเชฟ ต้องดูอีกที โลกหมุนเร็ว เด็กใหม่ๆ ก็พัฒนาเร็ว
“ก็ต้องลองดูครับ เพราะปัจจุบันนี้โลกมันหมุนเร็วมาก แล้วเขาทิ้งวงการนี้ไป 2 ปี ทุกอย่างมันเดินหน้าไปหมดแล้ว และการที่เขาจะกลับมา ก็ยังมีคุยกันอยู่เลยครับว่ากลับมาเขาจะเล่นละครได้ไหม ต้องมาเริ่มต้นใหม่ไหม และต้องยอมรับว่าเด็กรุ่นหลังๆ เด็กใหม่ๆ เขาเก่งและเขาพัฒนาเร็ว เขาพร้อมในทุกๆ ด้าน ถ้าจะกลับมาอีกครั้งนึงก็ต้องดูความเหมาะสมว่าน้องเขาพร้อมไหม หรือว่าความต้องการของโปรดักชั่นในตอนนั้นมันเหมาะกับคาแรกเตอร์ของน้องไหม มันต้องดูหลายๆ อย่าง แต่เขาชอบเล่นละครนะ เขายังรักที่จะอยากทำงานละครอยู่ แต่เขาเลือกเดินทางนั้นแล้ว เขาก็ต้องเดินต่อให้สุด”
กลับมาเขาจะมีแพลนละครต่อเลยไหม ยังไม่รู้เลยครับ ใครจะมารอ 2 ปี คือก่อนที่จะไปก็มีโปรเจกต์แหละ แต่สุดท้ายพอเราเลือกทางโน้นแล้ว ทางนี้เขาก็ไม่สามารถรอได้หรอก เขาก็ต้องเดินหน้าต่อไป แต่คิดว่าเขาคงทำอาชีพเชฟควบคู่ไปด้วยแหละ แต่อันไหนจะเป็นอาชีพหลัก อาชีพเสริมก็คงต้องดูอีกทีครับ”
