ยืดเยื้อยาวไป สำหรับคดีที่ “ลูกหมี ทองสิริไพรศรี”นางแบบชื่อดัง แจ้งความ “ปู มัณฑนา หิมะทองคำ”กู้ยืมเงิน 2 ล้านแล้วไม่คืน จ่ายเป็นเช็คก็เด้ง โดยมีผู้เสียหายทยอยออกมาหลายคน รวมทั้ง “ลิลลี่ เหงียน”ที่ออกมาฟาดแรง ถึงขั้นประกาศจะขอยกหลักแสนให้ แต่ต้องขอโทษออกสื่อ และหากจะฟ้องตนหมิ่นประมาท คงไม่มีเงินจ่ายค่าทนาย อาจต้องไปขายตัว
ล่าสุดวันนี้ (10 ก.ค.) ปู ก็ได้ควง “หาญส์ ภักดีหาญส์ หิมะทองคำ” สามี และ “ทนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช”มาชี้แจงอีกครั้ง หลังจากฝ่ายลูกหมีและผู้เสียหายเดินสายออกรายการ งานนี้ปู มัณฑนาถึงขั้นร่ำไห้ต่อหน้าสื่อ โดยเผยว่ายอดหนี้จริงๆ แค่ 1.4 ล้าน ลูกหมีไม่ได้ลดให้ แต่เป็นยอดจริง ไม่รู้ใครยุยงให้ไปเริ่มต้นที่ 2 ล้าน ทั้งที่วันนั้นก็คุยกันด้วยดี ซึ่งเป็นหนี้ตนก็ต้องจ่ายอยู่แล้ว ขณะที่ทนายประมาณเผยว่าจ่ายหนี้หมดก็ไม่จบ ถ้าไม่มีวิธีเยียวยาก็ต้องเป็นคดี ตอนนี้คิดไม่ออกวิธีเยียวยา แต่ต่อรองเรื่องเงินให้เลิกพูด หนี้ 1.4 ล้านจ่ายแน่ ไม่ต้องห่วง ส่วนที่บอกว่าไปด้อยค่าเขาเรื่องงาน ตรงนั้นก็ไปพิสูจน์กัน ส่วน “ลิลลี่ เหงียน” ด่าลูกความและลูกสาวตอแหล อยากดังเดี๋ยวจัดให้
ทนายประมาณ : “วันนี้พวกเราออกมาแสดงความรู้สึกอีกครั้งต่อกระแสข่าวที่มันเกิดขึ้น เรียนให้ทราบว่าความยากของเรื่องนี้ มาจากที่เจ้าหนี้ทวงถามลูกหนี้ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ตามกฎหมาย ถ้ามาปรึกษาผม ผมก็จะให้มีหนังสือบอกกล่าวไปยังลูกหนี้ว่าคุณจะชำระหนี้ไหม ให้เวลา 7-15 วัน ถ้าไม่ชำระหนี้ผมก็จะตรวจสอบมูลคดีที่ได้รับมาว่าเป็นคดีอะไร ผมก็จะฟ้องตามพยานหลักฐานที่มีอยู่ แต่ในเรื่องนี้มันมีความผิดปกติตรงที่ว่า คุณปูส่งดอกเบี้ยตลอดเวลา และวันสุดท้ายก่อนจะเกิดเรื่อง เขานัดจ่ายดอกเบี้ยกันแล้วคือผิดนัด ลูกหมีเขาก็แจ้งความเลย
พอคดีมันเกิดขึ้นแล้ว มันไม่สามารถที่จะทำเหมือนเดิมได้ อย่างก่อนหน้าที่เขาทยอยจ่ายกัน พอมันเกิดเป็นคดีแล้วก็ต้องมาตกลงว่าจะจบกันแบบไหน ประสบกับคุณปูมาเจอปัญหาถูกโกงที่ดิน เงินที่จะลงทุนต่างๆมันขาดมือ ที่จะขอกู้ 100 ล้านก็ถูกโกงไป 14 โฉนด แต่การถูกโกงไม่ใช่เหตุผลที่คุณปูจะไม่ชำระหนี้ คุณปูจะชำระครับ ในราคา 1.4 ล้าน จากการตรวจสอบบัญชีตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย. 66 จนถึง ธ.ค.66 และ ม.ค.67 คุณลูกหมีโอนเงินให้คุณปูรวม 4 ล้าน ส่วนคุณปูโอนไปให้คุณลูกหมีตั้งแต่เดือน ต.ค. เรื่อยไปจนถึง มี.ค. รวม 2.6 ล้าน ฉะนั้นถ้ามีเงินของคุณลูกหมีอยู่ที่คุณปูคือ 1.4 ล้าน ไม่ใช่ 2 ล้าน
ตัวเลขที่จะไกล่เกลี่ยกันได้จะอยู่ที่ 1.4 ล้าน ไม่ใช่ 2 ล้าน จำนวน 2 ล้านไม่ใช่หนี้จริง ในทางกฎหมายลูกหนี้ต้องชำระเงินเจ้าหนี้ตามมูลหนี้จริง ไม่ใช่ตามสัญญาหรือสิ่งที่เขียน เรื่องนี้หลักยุติธรรมก็คือ 1.4 ล้านบาท ที่พึงจะต้องชำระหนี้ต่อกัน”
ตอบสังคมทำไม “ปู มัณฑนา” เป็นหนี้แล้วทำไมไม่จ่าย เพราะหากจ่ายแล้วเรื่องก็ยังไม่จบ แถมยังโดนประจานขนาดนี้ ช่วยหาวิธีเยียวยากอบกู้ชื่อเสียงกลับมาให้ก่อน
ทนายประมาณ : “ทุกวันนี้สังคมถามคุณปู เป็นหนี้ทำไมไม่จ่าย จ่ายจะได้จบ ทัวร์ลงทุกวันนี้เพราะไม่จ่าย จะออกมาพูดทำไมเยอะแยะ คือคนไม่รู้ไงว่าจ่ายหมดแล้วก็ไม่จบ ยังจะมีคดีหมิ่นประมาท ใส่ความ ดอกเบี้ยผิดกฎหมาย ตามมาที่ต้องไปขึ้นศาลกัน ก็แปลว่ามันไม่ใช่การจบคดี
ขอเรียนให้ทราบว่า 1.4 ล้านบาท กับคดีหมิ่นประมาทไม่เกี่ยวกันนะครับ ทางปู-หาญส์ จะชำระเงิน 1.4 ล้านแน่นอน ไม่ต้องห่วง 100% ส่วนคดีหมิ่นประมาททำลายชื่อเสียงจะมีมาตรการแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร รอดูผลการไกล่เกลี่ยอีกครั้งในวันที่ 16 ก.ค. แล้วคดีหมิ่นประมาทคุณจะเยียวยาอย่างไร มันยังหาทางออกไม่ได้ ฝั่งผมก็ไม่สะดวกจ่าย 1.4 ล้านในเมื่อคุณมาด่ามาประจานกันขนาดนี้ 1.4 ล้านจ่ายแน่ 100% แต่วิธีการจ่ายจะจ่ายอย่างไร วันไหน แบบไหน เป็นเรื่องที่ต้องคุยกัน ถ้าไม่ลงตัวอีกก็ให้ศาลตัดสิน ผมว่าความมา 40 ปี ไม่เคยเจอการทวงหนี้แบบนี้เลย เป็นหนี้ใครคืนทุกคน แต่ออกมาประจานกันแบบนี้ เลยงงๆ ว่าจะคืนอย่างไร”
ปู : “ในวันไกล่เกลี่ย ทุกคนโอเคอยู่ที่ 1.4 ล้านตามยอดหนี้จริง ปูก็ถามลูกหมีว่าจะเยียวยาชดเชยให้ปูอย่างไรในเรื่องที่เขาทำให้เราเสื่อมเสียชื่อเสียง เขาก็บอกว่าจะเดินสายออกขอโทษทุกรายการที่เขาไปด่าปู เขาจะขอโทษ จบปูก็จ่ายเขา 1.4 ล้าน อยู่ๆ มีคนบอกว่าไม่จบ ไม่เอา 1.4 ล้าน แล้วเงิน 1.4 ล้านคือมูลหนี้จริง ไม่ใช่ว่าเขาลดให้เรา เงิน 1.4 ล้าน จ่ายก้อนเดียวจบเลยไม่มีผ่อน ปูไม่เคยบอกเขาว่าปูไม่จ่าย”
ในตกลงแรกไกล่เกลี่ยเดินสายออกรายการขอโทษ 4 รายการ คืนเงิน 1.4 ล้าน แต่คดีหมิ่นประมาทยังคงอยู่ แต่สุดท้ายก็ตกลงไม่ลงตัว
ทนายประมาณ : “คุณหาญส์บอกว่าทำกันถึงขนาดนี้ แค่เพียงคำขอโทษมันพอไหม ในเมื่อมาทำลายชื่อเสียงกันถึงขนาดนี้ แล้วบอกแค่ขอโทษค่ะ มันจบกันเลยเหรอ มีวิธีการที่ดีกว่านี้อีกไหม แต่มากกว่าคำขอโทษมันคือต้องอย่างไร”
ชี้อยากได้อะไรที่มากกว่าคำขอโทษที่ไม่ใช่เงิน ตอนนี้ยังหาทางออกในการเยียวยาไม่ได้กับชื่อเสียงที่เสียไป
หาญส์ : “ผมก็ไม่รู้ตอบอย่างไรเหมือนกัน ผมไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ ที่ปูพูดว่าจบที่ 1.4 ล้าน มีหลักฐาน เป็นบันทึกการไกล่เกลี่ย เราไม่ได้พูดลอยๆ กันขึ้นมาว่าลูกหมีจะต้องไปตระเวน เขาเป็นคนพูดเอง มีเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยรับทราบ ผมยื่นขอเสนอไปแล้วว่ามันจะจบยังไง ทางคุณเป็นผู้กระทำ คุณก็ไปคิดแล้วมาบอกผม”
ทนายประมาณ : “จะให้คำนวณออกมาเป็นเงินจากความเสียหายมันไม่ใช่ไง แล้วที่บอกจะเอาคดีหมิ่นประมาทมาไว้ต่อรองในการเจรจา 1.4 ล้านก็ไม่ใช่ มันคนละงานและเปรียบเทียบอะไรกันไม่ได้เลยกับการเยียวยา เงิน 1.4 ล้าน เยียวยาด้วยการชำระหนี้ แต่ชื่อเสียงจะเยียวยาอย่างไร ผมก็ยังหาทางออกในการเยียวยาไม่ได้ ผมยังไม่ได้ประเมินการเสียหายไว้ มันก็มีดีลแหละ มันไม่ใช่เรื่องของเงิน แล้วมันไม่ใช่เรื่องของ ปู-หาญส์ อย่างเดียว มันกระทบไปถึงลูกๆ มันยิ่งลึกไปอีกชั้นหนึ่ง”
“ปู มัณฑนา” ยืนยันได้เซ็นสัญญากระดาษเปล่า
ปู : “ด้วยความสัตย์จริงค่ะ เขาส่งสัญญาเงินกู้เป็นกระดาษเปล่ามาโดยไม่ได้เขียนอะไรเลย เขาบอกพี่ปูเซ็นอย่างเดียว พี่ปูบอกว่าพี่ปูจะเขียนดอกไปได้ไหมว่าลูกหมีคิดดอกทั้งรายวัน รายเดือนเท่านี้ เขาบอกพี่ปูไม่ต้องเขียน เดี๋ยวมันจะผิดกฎหมาย ที่เรายอมเซ็นเพราะมูลหนี้จริงที่เราทำธุรกิจด้วยกันมันไม่ได้เยอะเราจริงใจ และเรามีปัญญาจ่ายอยู่แล้ว ถ้าเราเก็บเพื่อนไม่ได้เราจ่ายเขาได้ เขาเลยอยากให้เราเซ็นเช็คค้ำประกันไว้ เราทำให้เขาเพราะเราจริงใจ เรื่องของสัญญาอยากจะให้ลูกหมีไปสาบานว่าเป็นตามที่เขาพูดจริงหรือเปล่า ปูมีแชตไลน์ส่งรูปสัญญา”
ทนายประมาณ : “เขาเอาสัญญามาโชว์ออกรายการ ก็โป๊ะแตก ลบทิ้ง ในรายการคุยแซ่บโชว์ ชัดเจนมาก ตอนนี้ลิงก์หายไปแล้ว หาไม่เจอแล้ว”
ส่วนเงินที่ยืม “ลิลลี่ เหงียน” ยอด 6.7 แสน คืนให้อีกฝ่ายแน่นอน
ปู : “คืนค่ะ เป็นหนี้ต้องคืนทุกคน”
ทนายประมาณ : “แต่การออกมาประจานแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าจะต้องคืนอย่างไร ยังงงๆ อยู่ แล้วใครที่อยากจะได้หนี้คืน ให้มาแสดงตัวที่ยูซัมมิตกรุ๊ปนะครับ ไม่ต้องไปโผล่ตามรายการ ตามสำนักงานทนาย ไม่ต้องมาบอกว่าถ้าพี่หน้าด้านหนูจะยกให้ คือตอนนี้มีคนบอกว่าพี่ปูพูดอะไรเชื่อถือไม่ได้ก็ไม่เป็นไร คุณไปที่ยูซัมมิต เป็นบริษัทเกี่ยวกับการเงิน ไปคุยไปบริหารการเงินกัน แต่ต้องเป็นหนี้จริงนะ และดอกเบี้ยผิดกฎหมายเลิกพูด กู้ 1 แสน ดอกเบี้ย 1 หมื่น หนี้ 10 วัน เลิกพูดได้เลยครับ เลิกพูดเรื่องดอกเบี้ย”
ด้าน “หาญส์” แต่งตั้งบริษัทเป็นตัวแทนดูแลหนี้สินให้ “ปู”
หาญส์ : “บริษัท U summit group ตัวผมไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัท ไม่ได้ถือหุ้น เป็นบริษัทที่ดูแลเรื่องการเงินมา 10 ปีแล้ว ที่ผมให้ผ่านบริษัทเพราะผมไม่รู้ว่าถ้าผมรู้ตั้งแต่แรกว่าปูติดเงินใครเยอะแยะแบบนี้ มาคุยส่วนตัวกันได้ แต่นี่ผมไม่ทราบเลย มีแต่ส่งตัวแทนคนนั้นคนนี้มา ซึ่งผมไม่ทราบไงตัวแทนใคร ถ้าคุณไม่กล้าบอกคุณไปคุยกับระบบของ U summit เอาเอกสารมาให้ชัดเจน นี่คือความรับผิดชอบ
พอผมทราบเรื่องที่ลูกหมีส่งมาบอกว่าเขาไปแจ้งความแล้ว ผมก็เรียกยูซัมมิตกรุ๊ป ทำหนังสือแต่งตั้งเป็นตัวแทน นี่คือความรับผิดชอบของผมก่อนที่เขาจะแถลงประจานผม นี่คือความตั้งใจของผม ผมรู้แล้วผมทำเลย ผมไม่ได้เมินเฉยปล่อยให้รอเป็นเดือนๆ กับคำถามตอนยืม ยืมกันเอง แต่พอคืน มาคืนในระบบ เพราะว่าผมไม่ทราบว่าคุณคือใครไง พอคุณทำธุรกรรมกันเอง แล้วไม่ได้บอกอะไรผมไว้บ้างเลย ทั้งๆ ที่คุณก็รู้จักผม แต่พอมีปัญหา ผมก็แสดงความรับผิดชอบไง”
ปู : “ปูไม่ได้ยืมเงินใครนะคะ ลูกหมีเขาอยากให้ยืมมาปล่อยดอก เขาปล่อยให้ยืม เล่นหุ้นกับเพื่อน แต่เขาไม่ได้ดอกมาหลายเดือนแล้ว เขาก็มาปรึกษา อยากได้รายได้เพิ่ม ก็เอามาปล่อยดอกกัน (เป็นการยืมหรือชวนมาลงทุน?) มีเพื่อนบางคนที่ทำธุรกิจร่วมกัน บางคนก็อยากให้เราเอาเงินเขามาปล่อยดอกเพื่อที่เขาจะได้มีรายได้”
“หาญส์” รับเห็นพฤติกรรมการลงทุนของ “ปู” แต่ไม่รู้รายละเอียด ด้าน “ปู” ยันชัดสามีไม่รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
หาญส์ : “ลึกๆ ผมเห็นอยู่ว่าเขาลงทุนทำอะไรของเขา แต่ผมไม่ได้ถามเพราะผมก็มีงานของผม ถามว่าแล้วอยู่บ้านเดียวกันไม่ได้คุยกันเหรอ เราคุยแต่เราไม่ได้คุยเรื่องการเงินกัน เพราะเราไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินอะไร เขาทำกันเอง”
ปู : “อันนี้มันเป็นกลุ่มของผู้หญิง กลุ่มแม่ๆ ผู้ปกครอง บางคนก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอยากมีรายได้เสริม ก็เอาเงินมาทำธุรกิจด้วยกัน ให้กู้ยืม ทุกคนไม่ได้สนใจว่าปูจะเอาเงินไปทำอะไร ทุกคนสนใจแค่ดอกเบี้ย แต่ลูกหมีเขาไปบอกทุกพรรคการเมืองเลยว่าเมีย หาญส์ หิมะทองคำ ติดหนี้ ออกเช็คเด้ง 2 ล้านทุกพรรค จนเจ้านายพี่หาญส์โทร.มาหลายท่าน ปูร้องไห้เสียใจ พี่หาญส์ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้เลยแต่ปูทำให้พี่หาญส์เสื่อมเสียชื่อเสียง”
ด้าน “ตรีพัชญ์ มหากิจวิวัฒน์” กรรมการบริษัท U summit group จำกัด และ “ทนายประมาณ” ประกาศฟ้อง “ลิลลี่ เหงียน”
ตรีพัชญ์ : “ผมยืนยันว่าทางเรามีทรัพย์สิน และเรายินดีจ่าย แต่ขอให้มาอย่างถูกต้อง และจากที่คุณลิลลี่ไปออกรายการ ทางผมได้รับผลกระทบที่บอกว่า บริษัท U summit group จำกัด ปัญญาอ่อน เรามาเคลียร์ประนีประนอมหนี้นะครับ ไกล่เกลี่ยให้ อย่างไรทางเราแจ้งความหมิ่นประมาทคุณลิลลี่แล้ว”
ทนายประมาณ : “แล้วคุณลิลลี่มาด่าลูกสาวผม ทนายกิ่งตอแหล ต้องถูกดำเนินคดี แล้วยังไม่พอออกมาเขียนต่อในโซเชียลอีก ก็เอาอีก แล้วสื่อเอามาลงอีก มันก็หลายกรรมหลายวาระครับ คุณลิลลี่เตรียมตัวไว้แล้วกันครับ อยากดังนัก ก็เอาให้ดังเต็มที่เลย”
แจงเรื่องที่ “อ้อม” ผู้เสียหายท่านหนึ่งบอกการลงทุนของปูเป็นการลงทุนที่ไม่มีอยู่จริง
ปู : “ทางคุณอ้อมเขาปล่อยดอกอยู่แล้ว เขาถามว่าเพื่อนปูจะเอาเงินไปลงทุนทำอะไร ก็บอกว่าเพื่อนทำหลายอย่าง เขาก็พยายามให้เราเขียนว่าเป็นเงินปันผล เท่านั้นเท่านี้ ตัวปูไม่รู้ข้อกฎหมายว่าเขาให้เขียนเพื่ออะไร แต่จริงๆ แล้วคือเขาปล่อยดอกเบี้ย ปูมีสเตทเมนต์ทุกอย่าง ธุรกิจเรามีจริงๆ มีกระเป๋า นาฬิกา คอลลาเจน (หนี้รวมทั้งสิ้น 16 ล้าน?) ไม่มีค่ะ เป็นการช่วยเหลือกัน เป็นเพื่อนกันและทุกเคสเป็นการปล่อยดอกเบี้ยหมดเลยค่ะ เพื่อนปูที่ทำธุรกิจบางคนก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เขาไม่มีเงินที่จะเอามาลงทุน แต่ถ้าเขามีหลักทรัพย์มาค้ำประกันก็โอเค ดอกเบี้ยตามกฎหมาย 1.25% มีอสังหาฯ มีบ้าน อะไรพวกนี้
แต่นายทุนพวกนี้ถ้าไม่มีของไปค้ำประกัน เขาก็จะเรียกดอกเบี้ย 10-15-20% ซึ่งเพื่อนที่เอาไปทำธุรกิจ ถ้าเขาไหวที่จะจ่ายเขาก็ต้องยอมจ่ายเพราะเขาไม่มีเงินทุน ก็ช่วยเหลือกัน (ปูก็เป็นคนกลาง?) ถูกต้องค่ะ คนที่ปูค้ำประกันให้ทุกคน ถ้าเพื่อนโกงปูยินดีชดใช้ให้ทุกคน ไม่อย่างนั้นปูคงไม่ยอมเซ็นเช็คตัวเอง และไม่ยอมเซ็นสัญญาเงินกู้ให้หรอกค่ะ
เพื่อนบางคนเขาไม่มีเครดิตที่จะซื้อ ปูยังขอร้องให้พี่หาญส์เอาชื่อตัวเองเข้าไฟแนนซ์ซื้อรถให้เพื่อนเลย แล้วเขาก็ผ่อนรถให้เพื่อนปูอยู่ ตอนนั้นช่วงที่ปูไม่มีเช็ค ก็ขอร้องให้พี่หาญส์เซ็นเช็คเกือบ 200 ใบค้ำประกันให้เพื่อนเพื่อให้เพื่อนไปยืมเงินคนอื่นมา เพราะตัวเขาไม่มีเช็ค ไม่มีเครดิต”
ทนายประมาณ : “ผมตรวจสอบข้อมูลมาหมดแล้วครับ บัญชีเงินฝากของคุณปู เงินเข้า-ออก ระหว่างคุณปู คุณลูกหมี และจากแชตไลน์ที่เขาคุยกัน ส่วนของทางคุณลิลลี่ยังไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียด ยังไม่รู้เรื่อง”
ใช้เงิน คืนละ 3-5 หมื่น เลี้ยงน้องๆ จริง เพราะสามีเปย์ให้
ปู : “2 ปีที่ผ่านมาเราไปทานอาหารด้วยกันบ่อยมาก ปูเป็นพี่โตสุด อายุมากกว่าพวกเขา ปูก็เลี้ยงเขาหมด เลี้ยงเขาตลอด แต่ในการที่เขาเลี้ยงปูมื้อเดียวเขาเอาไปพูดเหมือนเป็นบุญคุณทั้งๆ ที่วันรุ่งขึ้นปูก็โอนเงินคืนเขา มีอยู่วันหนึ่งมีคนติดต่อให้เขาไปทานข้าวกับผู้ใหญ่ เขาก็มาเล่าให้ฟังว่ามีผู้ใหญ่ติดต่อมา ปูก็ห้ามน้องห้ามไปนะ ก็รักน้องเอ็นดูน้อง เราทานข้าว เราเที่ยวด้วยกันบ่อยมาก
ตัวปูเองเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น เข้าโรงพยาบาลเพราะเครียด ปูอยู่วงการมา 20 ปีไม่เคยมีข่าวเสียหาย มันเป็นเรื่องราวระหว่างเพื่อนที่มีมิตรภาพดีๆ เรากินเที่ยวด้วยกัน เราหาเงินให้เขา 4 เดือน 6 แสน เราเลี้ยงเขาตลอด ที่เขาบอกปูใช้เงินคืนละ 3-5 หมื่นคือเรื่องจริงๆ เพราะพี่หาญส์ซัปพอร์ตปู เขาให้เครดิตการ์ดไว้ ปูจะทำอะไร รูดเลี้ยงเพื่อนเขาไม่เคยว่า ปูถือว่าปูเป็นพี่ก็ต้องดูแลน้อง แต่ในสิ่งที่น้องๆ ทำกับพี่ มันมากเกินไป”
ยืนยันครอบครัวไม่ได้ถังแตก พร้อมเปิดเผยธุรกิจครอบครัว
ปู : “ไม่ได้ถังแตกค่ะ เรามีที่ดินที่เป็นลานจอดรถ รพ.เทพธารินทร์ มูลค่า 180 ล้าน ส่วน รพ.เทพธารินทร์ก็เป็นของน้องชายคุณพ่อพี่หาญส์ เป็นที่ๆ พ่อพี่หาญส์ยกให้น้องชายที่ตอนนี้เป็นเจ้าของโรงพยาบาล แล้วก็มีที่ดิน 8 ไร่หลังโรงพยาบาล เราก็ทำธุรกิจให้เช่าที่ดิน มีที่ดินอีก 4 ไร่ แถวศรีนครินทร์ ตอนนี้ฟู้ดแลนด์เช่าอยู่ ที่ดินที่คลอง 13 เกือบ 100 ไร่ ที่ดินที่สันกำแพง จ.เชียงใหม่ คือมีที่ดินเยอะมาก เราทำอสังหาริมทรัพย์ ไม่ได้ถังแตก
พี่ชายทั้ง 4 คนมีหน้ามีตาในสังคม พี่สะใภ้ทำงานเป็นซีอีโอหลายบริษัท ปูเป็นสะใภ้ตระกูลหิมะทองคำ ก็ต้องขอโทษตระกูลหิมะทองคำด้วยนะคะที่เป็นสะใภ้แล้วทำให้ทุกคนเสื่อมเสียชื่อเสียง”
ด้าน “หาญส์” ไม่ตอบเคืองเมีย? แต่ก็รีบหาทางแก้ไขทันที ครอบครัวตระกูล “หิมะทองคำ” ไม่ติดใจเรื่องนี้ แต่ลูกได้รับผลกระทบเต็มๆ
หาญส์ : “พอเกิดเรื่องก็คุยกันตลอด ถ้าเราจะทะเลาะกันเราก็ไม่เห็นแสงที่ปลายทางอุโมงค์ เกิดเรื่องขึ้นแล้วเราก็มานั่งคุยกันดีๆ ดีกว่า เราเป็นครอบครัว มีลูก 3 คนจะมาทะเลาะต่อหน้าลูก หรือทะเลาะแล้วเรื่องมันหายไปก็คงจะดี แต่นี่ทะเลาะยังไงเรื่องมันก็ยังไม่หาย และมันกระทบกับลูกทั้ง 3 คน ผมก็รู้สึกเสียใจ ทำไมต้องเอาลูกผมมายุ่งกับเรื่องตรงนี้ด้วย พี่น้องผม ครอบครัวผมเข้าใจเรื่องนี้ พวกเขาไม่ได้ว่าอะไรว่าบางทีมันก็เกิดเรื่องได้ มันไม่มีชีวิตคนไหนที่ราบรื่นไปจนวันสุดท้าย ก็ต้องมีอุปสรรค เราก็แก้ไขไป เพื่อนๆ ส.ส. ผู้หลักผู้ใหญ่ก็โทร.มาเยอะ แต่เป็นแนวให้กำลังใจเพราะเขารู้ว่าผมเป็นคนแบบไหน
แต่ลูกๆ ผมได้รับผลกระทบกับเรื่องนี้ ก็มีตะโกนออกมาว่าแม่คนเสื้อสีนี้ใช้เงินคืนหรือยัง ถามว่าจิตใจลูกๆ จะคิดอย่างไร ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย แล้วก็ยังเรียนอยู่กันทั้ง 3 คน”
ปู : “อาจารย์ประจำชั้นก็โทร.มาว่าลูกไม่ได้เข้าเรียนเลย คือไปโรงเรียนแต่ไม่ได้เข้าชั้นเรียน ไม่รู้ไปแอบอยู่ตรงไหน แล้วเขาก็หมดสิทธิ์เรียน รด. ด้วยเพราะไม่กล้าไปรายงานตัว และไม่มีสิทธิ์สอบในบางรายวิชาเพราะเขาไม่ยอมเข้าชั้นเรียน ปูอยากให้เขามาพูดความจริง ไม่ใช่มาโกหกอย่างนี้”