“เต๊ะ ศตวรรษ” เผยชีวิตเส้นทางโกอินเตอร์ บนถนนลูกรัง ทำให้เป็นโรคซึมเศร้า นับถอยหลังวันตาย แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากที่มีภรรยา และมีลูกสาว “น้องยาดาห์” เผยอยากอยู่ให้นานที่สุดเพื่อลูก คิดไปถึงขั้นลูกแต่งงาน มีสามีแล้ว ลั่นเคยคิดเปรียบเทียบการเลี้ยงกับลูกดารา จนคิดว่าตนเองเป็นพ่อที่ดีไม่พอ
คุณพ่อป้ายแดง “เต๊ะ ศตวรรษ” อุ้มลูกสาววัย 7 เดือน “น้องยาดาห์” เปิดตัวออกสื่อครั้งแรก ลั่นลูกเปลี่ยนชีวิตในวัย 42 ปี จากเคยนับถอยหลังวันตาย อยากอยู่ให้นานที่สุดเพื่อลูก และทำไมถึงคิดว่าเป็นพ่อที่ดีไม่ได้ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา และ บูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
เป็นการออกสื่อครั้งแรกของลูกสาว?
“ใช่ครับ”
ปกติลูกต้องมีคุณแม่มาด้วย แต่นี่ฉายเดี่ยว
“ปกติช่วยกันอยู่แล้วครับ แต่ช่วงนี้แจ็คกี้ต้องเทรนเพื่อกลับไปบิน เขาเป็นแอร์ฯ ครับ เราเลี้ยงกันเอง ดูกันเอง เราไม่มีพี่เลี้ยงครับ”
ช่วงน้องเกิด คุณพ่อเห่อมาก เข้าไปในห้องคลอดเลย?
“ใช่ครับ เป็นประสบการณ์ที่เราก็เคยเห็นคนอื่นบอกว่าเข้าไปดูลูกตั้งแต่ห้องคลอดนะ พอเป็นตัวเองมันตื่นเต้นจริงๆ คนบอกเหมือนจะเป็นลม ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ มันเป็นอารมณ์หวิวๆ งงๆ แต่พอได้ยินเสียงลูกร้อง น้ำตามันมาเองเลย มันไหลออกมาเองเลย ก็เป็นโมเมนต์ที่ดีมากที่ได้เห็นหน้าน้องยาดาห์
คำแรกที่ผมพูดคือขอบคุณพระเจ้า เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกคนหนึ่งคืออยากเห็นลูกสุขภาพแข็งแรง เมื่อเขาสุขภาพแข็งแรง เสียงร้องดังมาก ผมก็ขอบคุณพระเจ้าที่เขาแข็งแรง แต่หลังจากนั้นมีเหตุการณ์อย่างนึง ปกติเขาจะให้คุณแม่พักสักพักนึงแล้วพาลูกขึ้นมา แต่คุณหมอยังไม่พาลูกขึ้นมา แล้วโทรมาบอกว่าคุณเต๊ะขอคุยด้วย ผมก็แบบ..เริ่มต้นการหายใจของยาดาห์ การเอาออกซิเจนเข้าไปไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ก็เลยต้องอบ และให้อากาศเพิ่ม อยู่ในตู้ 3 ชม.
แต่นึกภาพ หมอบอกว่าคุณพ่อครับ คุณหมอขอคุยด้วยได้มั้ย ประโยคนี้มันแบบเกิดอะไรขึ้นกับลูก ไม่นะ ผมบอกพระเจ้าว่าผมเริ่มการดีแล้ว ต้องสำเร็จสิ ผมเข้าไปคุยกับคุณหมอ ถ้าบอกว่า 1 2 3 4 คงใจสลายมาก แต่คุณหมอบอกว่าขอลองเพิ่มออกซิเจนให้หน่อยนะ หลังจากนั้น 3 ชม.ก็เรียบร้อยดีครับ”
น้องอยู่ในตู้ 3 ชม. แล้วสัมผัสแรก เป็นยังไง?
“ผมรู้สึกว่าการที่เราได้เป็นผู้ปกครองเป็นเรื่องมหัศจรรย์นะ เป็นเหมือนของขวัญจากพระเจ้าจริงๆ เพราะผมเองก็อยากมีน้อง ที่สำคัญเป็นความฝันครอบครัวผมด้วยที่อยากมีหลาน แต่น่าเสียดายที่คุณพ่อกลับไปหาพระเจ้าเร็วไปหน่อย ไม่งั้นจะได้อุ้มหลานด้วย สิ่งสำคัญคือขอบคุณพระเจ้าที่เขาหน้าตาคล้ายผมเยอะ (หัวเราะ) เห็นแล้วเอ๊ะ ทำไมหน้าเหมือนเราจังเลย สำคัญสุดคือ เห็นเขาครบบริบูรณ์ เป็นอะไรที่ดีใจมาก”
พ่อได้เห็นลูกก่อนแม่ ได้จับลูกก่อนแม่?
“ตลกมาก ผมอยู่ในห้องผ่า ผมเห็นพร้อมแจ็คกี้เลยนะ แต่แจ็คกี้ไม่รู้เรื่องนี้ แล้วผมก็ไม่ได้บอกเขาว่า 2-3 ชั่วโมงคืออะไร เขาก็เอ๊ะ ทำไมลูกไม่มาสักที ผมต้องหันหลัง น้ำตามันไหลจริงๆ เราเล่นละครมาหลายเรื่อง แต่ชีวิตจริงมันเล่นละครไม่ได้ น้ำตามันไหลจริงๆ มันเป็นเรื่องชีวิต ถ้าเป็นละครเราเล่นแล้วเทคได้”
ที่มาที่ไปชื่อน้อง?
“จริงๆ แล้วชื่อยาดาห์เป็นภาษาฮิบรู อยู่ในพระคัมภีร์ แปลว่าสรรเสริญพระเจ้า เป็นอากัปกิริยา เหยียดมือออก น่ารักมาก พระเจ้าน่ารักจริงๆ ตอนยาดาห์ออกมา เขาก็เหยียดมือออกมาแบบนี้เลย (หัวเราะ) ทำตามชื่อเลย”
ดูเลี้ยงง่าย แสดงว่าเจอคนเยอะ?
“ใช่ครับ พาไปคริสตจักร ตั้งแต่ 2 เดือน ไปเจอกับพี่น้องที่นั่น เขาเลยไม่กลัวคนเท่าไหร่”
ตอนนี้ 7 เดือนพัฒนาการเป็นยังไง?
“เยี่ยมมากเลยครับ เขานั่งได้นานมาก ตอนอายุ 2 เดือนมีการเทสให้เด็กลองคว่ำ ดูการยกคอ คุณหมอตกใจมาก เด็กคนอื่นอาจได้แค่ 2 วิ 10 วิ แต่เขาไม่ยอมลงเลย ก็เลยเป็นฉายาเลย น้องเต่า (หัวเราะ) ตอนนี้นั่งได้นาน หัวเราะได้เยอะขึ้น ป่วนหม่าม๊า ป่ะป๊าได้เยอะขึ้น ตอนนี้เขาพยายามจะยืน เร็วมาก ผมก็บอกใจเย็นลูก ให้เข่ามันแข็งแรงหน่อย จะข้ามสเต็ป”
เลี้ยงกันเองแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ พ่อแม่แบ่งหน้าที่กันเลี้ยง?
“จริงๆ เรามีคุณยายมาช่วยดูด้วย แบ่งหน้าที่จริงๆ หลักๆ ดูว่าใครว่าง เพราะบางครั้งเป็นช่วงผมต้องทำงาน บางครั้งเป็นช่วงที่แจ็คกี้ต้องทำโปรดักซ์แม่และเด็ก เขาก็วุ่น แต่กลางคืนใช้วิธีคนละ 3-4 ชม. เรื่องของเรื่องคือเรามีฟูกอยู่ด้านล่างให้ยาดาห์นอน เพราะเขาเริ่มม้วน ต้องเอาลงล่างแล้วสลับกับแม่ ช่วงกลางวันก็แบ่งๆ กัน ดูว่าใครได้ทำงานหรือไม่ได้ทำงาน”
แสดงว่าพ่อต้องเปลี่ยนแพมเพิสเอง ล้างก้นให้ลูกทำเองหมดเลย?
“ผมมองว่าเป็นเรื่องปกตินะครับ ผมมองว่าเป็นความสุขมาก โรคจิตหรือเปล่าก็ไม่รู้ (หัวเราะ)”
แล้วอะไรที่รู้สึกว่ายากกับการเลี้ยงลูก?
“บางทียาดาห์หิวนม แล้วเขาพยายามคว้าเต้าหม่าม๊า แต่หม่าม๊าไม่อยู่ เขาก็มาคว้าเต้าผมเล่น ผมโดนลูกงับนมไปหลายรอบมาก เจ็บครับ (หัวเราะ) แต่พื้นฐานยาดาห์เลี้ยงง่าย เรามีการเตรียม กรณีคุณแม่ไม่อยู่ คุณแม่ก็เตรียมน้ำนมไว้ให้ ก็ค่อนข้างสบายเลย”
พัฒนาการทุกอย่างดีมาก แข็งแรง น้องเป็นเด็กเลี้ยงง่าย นิสัยเป็นยังไง?
“ความร่าเริงของยาดาห์ต้องขอบคุณพระเจ้าจริงๆ เขาไม่ค่อยร้อง ไม่หงุดหงิดง่าย ชอบเล่นกับคนอื่น ผมก็ค่อนข้างกลัวนะ เคยเล่นกับลูกเพื่อนๆ คนอื่น เขาอารมณ์เกรี้ยวกราดพอสมควร แต่ยาดาห์จะมีเฉพาะช่วงเขาหิว ภาพรวมค่อนข้างโอเค ชอบเล่นกับคน”
ต้องเปลี่ยนตัวเองเยอะมาก อายุ 42 มีน้อง การใช้ชีวิต จากผู้ชายแมนๆ ตอนนี้อยู่ในห้องจิ๊จ๊ะๆ กับลูก?
“โดยทั่วไปทุกคนต้องเปลี่ยนอยู่แล้ว อย่างน้อยแผนการในชีวิต การวางแผนก็เปลี่ยนไป แต่ก่อนเวลาวางแผน คนแต่งงานก็จะมองแค่เราและภรรยา แต่พอมีน้องทุกอย่างต้องเปลี่ยนเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะแผนระยะยาว สมัยก่อนอยากทำอะไรมันก็ค่อนข้างไม่ได้คิดอะไรขนาดนี้ แต่ตอนนี้วางแผนระยะไกลมาก ทั้งเรื่องการงาน เรื่องโรงเรียน ที่เราไปดูๆ แล้ว เรื่องความสัมพันธ์ของเรากับภรรยาก็ต้องวางแผนเหมือนกัน อย่างที่บอกว่าต่างคนต่างดูลูก เอาตรงๆ มันขโมยเวลาไปเยอะพอสมควรเหมือนกัน ต้องกลับมาลำดับเวลากันใหม่หมดเลย”
พ่อเป็นคนมุ้งมิ้งเลย?
“ใช่ เล่นทุกอย่าง เขาเล่นอะไรก็อยากเล่นกับเขา เป็นเรื่องปกติเลย แค่ผมทำให้เขาหัวเราะได้ผมก็มีความสุข”
อีกหน่อยพูดได้ พ่อจะมุ้งมิ้งกว่านี้อีก เผลอๆ ใส่ชุดเจ้าหญิงเป็นเพื่อน?
“ผมใส่ที่คาดผมมาแล้วครับ (หัวเราะ) เราก็ปรับเยอะเหมือนกัน เราได้รับความผิดชอบจากของขวัญที่พระเจ้าให้ ผมว่ามันเป็นความรับผิดชอบที่เราต้องปรับตัวเองเช่นกัน”
ตอนแรกเห็นในงานนึง เต๊ะเอาเด็กมาด้วย ก็คิดว่าร้องแน่ๆ แต่เขาไม่ร้องสักแอะ พ่อแม่เลี้ยงแบบคุยกับเขาตลอด ทุกคนเล่นกับเขาหมด?
“ใช่ครับ เขาติดพี่ติ๊นามาก พี่โบว์ก็มาทักทาย เขาก็ให้ทุกคนเล่นด้วยหมดเลย การที่เขาไม่กลัวคนอาจมาจากเราคุยกับเขาเยอะ สื่อสารกับเขาเยอะ ถ้าเราใช้เวลาพูดกับเขาเยอะๆ มันจะทำให้ตัวเขารู้สึกคุ้นเคยกับเสียง”
อนาคตห่วงมั้ย?
“ห่วงมาก เรื่องห่วงเป็นเรื่องปกติ แต่เรื่องหวงแอบคิดเหมือนกัน อย่าว่าผมนะ ตอนนี้เขา 6 เดือน แต่ผมคิดถึงช่วงที่เขาแต่งงาน ผู้ชายบนโลกก็ไม่ได้ดีทุกคนนะลูก (หัวเราะ) เราคิดเยอะจริงๆ แล้วเคยเห็นคลิปนึงมั้ยที่มีงานแต่งงานแล้วพ่อบอกสามีว่าถ้าวันนึงไม่รักให้เอามาคืนนะ โห ผมเห็นภาพนั้นแล้วขออย่าให้พูดประโยคนี้นะ ขอให้มีสามีที่ดีนะลูก เราคิดไปไกลมากครับ”
น้องเคยผ่านเหตุการณ์ ทำให้พ่อแม่มือใหม่เกือบหัวใจวาย น้องป่วยครั้งแรกและหนักมาก?
“มันมีความซับซ้อนเยอะมาก เนื่องจากวันนั้นผมไปรับใช้คริสตจักรนึงแล้วพายาดาห์และภรรยาไปด้วย ขณะที่กำลังเตรียมตัว 40 นาทีต้องรับใช้ ยาดาห์มีตุ่มแดงๆ ขึ้นที่ปาก ผมก็อุ้มน้องขึ้นบ่า คนข้างหลังก็บอกว่าหน้าน้องแดงๆ เนอะ เราก็คิดว่าที่เราเห็นตรงริมฝีปากเฉยๆ
พอเอาน้องออกมาน้องหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ หน้าก็เริ่มบวม ผมตัดสินใจยากมาก เพราะวันนั้นคนมาเยอะ คนมารอฟังเยอะ ก็เลยแยกกันให้ภรรยาเอายาดาห์ขึ้นรถไปรพ.ใกล้เคียงคือรพ.รามฯ สักพักฝนก็เริ่มตก และตกหนักมาก ผมก็คุยกับทีมว่าต้องแยกตัวแล้วนะ ก็นั่งมอเตอร์ไซค์ไปดักรอที่ห้องอีอาร์ ฝนก็ตกหนักเรื่อยๆ แจ็คกี้ก็บอกว่าลูกร้องตลอดเลย ผมอยู่ฝั่งตรงข้ามวิ่งข้ามถนนไป เปิดประตูท้ายรถแล้วเอาเด็กออก อุ้มข้ามมา
ขอบคุณพระเจ้าที่รพ.รามฯ ก็ดูแลเด็กอย่างดี ทำทุกอย่างรวดเร็วมาก สุดท้ายคือเขามีอาการแพ้ และไม่ใช่เด็กทุกคนจะแพ้เขาแพ้ตระกูลน้ำมันส้ม อาจมีเปลือกส้มอยู่บริเวณใบหน้าเขา เขาไปจับเล่นๆ แล้วไปโดนหน้าเขา ก็ขอบคุณพระเจ้านะ พอเรารู้ว่าเขาเซนซิทีฟด้านไหนเราก็จะได้ระวัง ก็ทำให้เราเรียนรู้ บางทีเราคิดว่าเราโอเคแล้วนะกับการดูแลน้อง แต่ก็มีบางจุดที่เราขาดตกบกพร่องเช่นกัน
เหตุการณ์แบบนี้ทำให้เราหันกลับมามอง เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนอาจมีโมเมนต์นี้ว่าทำไมเราเลี้ยงลูกไม่ดีเลย หลังเหตุการณ์นั้นทำให้ผมเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ทำให้ผมนอยด์เหมือนกัน ว่าเราลืมเรื่องอะไรไป เราตั้งคำถามว่าเราเป็นพ่อที่ดีได้จริงเหรอ มันรบกวนความคิดเยอะมาก”
โทษตัวเองซะงั้น พาน้องไปตรวจมั้ย?
“ตรวจครับ หมอบอกว่าขอลองดูอาการ เพราะมันเป็นแค่ช่วงสั้นๆ บางคนแพ้อาจรุนแรง แต่อาจไม่ได้แพ้ด้วยตัวเอง อาจเพราะเขาเด็กเกิน อาจไม่ได้แพ้สารนั้นจริงๆ มันก็อาจเปลี่ยนแปลงได้ครับ”
ก่อนหน้านี้คิดมากอยู่แล้วหรือเพราะมีลูก?
“ก่อนรู้จักพระเจ้าผมเป็นคนคิดมาก ผมถึงขนาดเป็นคนป่วย มีภาวะซึมเศร้า ผมป่วย 5 ปี ต้องใช้เวลาในการรักษา จะมีชุดความคิดบางอย่างที่ด้อยค่าตัวเอง หรือวิตกกังวลอะไรบางอย่างมากเกินไป แล้วชุดความคิดนี้ก็หายไปนานมากแล้วนะ
แต่พอเรามีน้อง เรารักใครสักคน รักอะไรมากๆ ความเป็นห่วงเป็นใยก็สร้างความกังวลให้เราได้เช่นกัน ความกังวลนี่แหละก็เลยมาสร้างชุดความคิดใหม่ว่าทำไมเราถึงทำไม่ดีขนาดนี้ ทำไมอันนี้ทำไม่ได้เท่าคนอื่น มีการเปรียบเทียบ วนเวียนอยู่หลายสัปดาห์ แต่ก็ขอบคุณพระเจ้าที่พี่น้องในคริสตจักรได้ทักเข้ามาคุยส่วนตัว ผู้นำคริสตจักรก็ให้คำแนะนำหลายอย่าง ซึ่งไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ดีที่สุด
ผมเรียนรู้อย่างนึงว่าการเปรียบเทียบไม่ใช่คำตอบ บางทีเราชอบดูสื่อ ลูกคนนั้นคนนี้เป็นยังไง บางทีก็กระทบความคิดเหมือนกัน จนต้องเลี่ยงดูว่าลูกคนนั้นคนนี้เขาเลี้ยงยังไงนะ มันกลายเป็นแรงกดดัน ผมเชื่อว่าพ่อแม่หลายคนเป็นนะ เอาแค่ชุดนักเรียน โหย เขาเรียนโรงเรียนนี้เหรอ แล้วลูกฉัน ผมคิดเยอะจริงๆ สุดท้ายคำตอบที่ได้คือพอผมใช้เวลากับพระเจ้ามากขึ้น สิ่งที่แตะใจผมคือจริงๆ ยาดาห์ไม่ใช่ของผม แต่เป็นของพระเจ้าที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผมมีส่วนในการดูแลและอารักขาเขา คนดูแลและเตรียมแผนการเขาจริงๆ ในอนาคตคือพระเจ้าเท่านั้น เราแค่ทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่ ที่เหลือพระองค์จะเป็นผู้จัดเตรียม ผมรู้สึกปลดล็อกเลย”
ไม่คิดว่าตัวเองจะยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อลูกเยอะแยะมากมาย?
“อย่าคิดว่าเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อลูก คิดว่ามีชีวิตถึงตอนนี้ก็เกินความคาดคิดแล้ว เพราะสมัยก่อนผมเคยป่วยมาก่อน ผมทำงานที่ไต้หวันแรงกดดันเยอะมาก ผมเคยอยู่กับสิ่งที่ไม่ถูกต้องมาก่อน มีการทำบาปทำหลายอย่างที่รบกวนชีวิตของผม พอเราป่วย มันก็มาอยู่ในการล่อลวงว่าเราดีไม่พอนะ ทำไมเป็นคนแบบนั้น ทำไมทำแบบนี้ มันทำให้เราเข้าสู่กระบวนการป่วย
แล้วการป่วย 5 ปีมันทรมานมากๆ ฉะนั้นการที่วันนี้ผมมีลูกได้ มีคนที่ผมต้องดูแล มันเกินความเข้าใจมากๆ แต่มันก็ยังแว้บเข้ามารบกวนบ้างเช่นกัน แต่การรบกวนมันอาจไม่เหมือนเดิม สิ่งที่ผมรู้สึกในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ผมเริ่มคิดว่าในวัย 42 ของผม ผมจะอยู่กับเขาได้นานเท่าไหร่ เนื่องจากคุณพ่อผมเสียตอน 77 ผมก็คำนวณแล้วว่าเออว่ะ ก็ไม่เยอะนะ ถ้าได้เท่าคุณพ่อแต่ก็ขอบคุณพระเจ้านะ เพราะสมัยก่อนผมคิดว่าพรุ่งนี้ผมจะตายยังไง ผมไม่อยากอยู่แล้ว ไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้ว ผมรู้สึกว่าโลกนี้มันอยู่ยากจังเลย”
จริงเหรอที่เคยบอกว่าเคยนับถอยหลังวันตายของตัวเอง?
“ใช่ เคยคิดว่าการอยู่บนโลกเป็นเรื่องที่ยากมาก สมัยก่อนผมได้ยินคำว่าผู้ป่วยซึมเศร้า ผมไม่เคยเข้าใจเลย แต่พอผมกลายเป็นผู้ป่วยเอง ผมถึงเข้าใจวิธีคิดและความเจ็บปวดมากขึ้น มันเป็นช่วงเวลาที่ทุกอย่างดูยากไปหมด ทำไมโลกเราไม่เหมือนคนอื่นเขา ทำไมชีวิตเราแย่จังเลย คนรอบตัวไม่ดี ทั้งที่จริงๆ มันดีนะ แต่เรามองไม่เห็นมุมนั้น แต่จากคนที่นับถอยหลังจะตาย ตอนนี้พระเจ้าผมอยากอยู่นานๆ อยากมีชีวิตอยู่ อยากเล่นกับเขา อยากรู้ว่าอนาคตเขาเป็นยังไง
อยากเป็นเพื่อนเขาอยากคอยปลอบเขา อยากให้กำลังใจเขา อยากอยู่ใกล้ๆ เขาไปยาวๆ ผมคิดว่าหลายคนที่เคยมีประสบการณ์อยากฆ่าตัวตาย แล้วเขาได้อยู่จุดนี้ ได้มีโอกาสดูแลเด็กสักคนนึงดูแลของขวัญที่พระเจ้าให้ ผมว่าเขาจะเปลี่ยนความคิดแบบผม ผมรู้สึกว่ามันเป็นคำตอบที่พระเจ้าให้ผ่านแจ็คกี้และยาดาห์ผ่านมาถึงผมว่าการที่ผมตัดสินใจมีชีวิตอยู่ต่อนั้นเป็นคำตอบที่ถูกต้อง”
ตอนนั้นก็ดังมาก ประสบความสำเร็จมาก ดูพร้อมมากในทุกๆ ด้านของชีวิต อะไรทำให้กลับไปอยู่ในสภาวะแบบนั้น?
“ต้องยอมรับว่าการประสบความสำเร็จเป็นเรื่องที่ดี แต่ขณะที่ประสบความสำเร็จ ผมอยู่ต่างประเทศคนเดียว ผมไม่มีผู้ปกครอง ไม่มีคนที่คอยคอนเซ้าท์ เวลาผมมีปัญหา ผมไม่มีใครเลย ผมต้องคิดเองถามเองตอบเองตลอด ยุคผมไม่เหมือนยุคน้องๆ ที่ไปจีนไต้หวันยุคนี้สบายหน่อย แต่ยุคผมเหมือนยุคทางลูกรัง น้องเขาไปแบบทางด่วน ผมไปแบบทางลูกรัง ทำงานหนักมาก ตื่นตี 4 เสร็จ 4 ทุ่ม 90 วันต่อเนื่อง ร่างกายมันไม่ไหว
สองอย่างที่บอก แม้ผมจะมีชื่อเสียง มีรายได้ที่ดี แต่ก็เป็นประตูนำสิ่งที่ไม่ถูกต้องเข้ามาในชีวิตด้วย สมัยก่อนเคยกินเหล้า สูบบุหรี่ เคยเที่ยว หรือการเคยมีชีวิตคู่มาก่อน ผมก็เป็นสามีที่ไม่สัตย์ซื่อ ถูกล่อลวงด้วยหลายสิ่ง สิ่งนี้ก็กลับมาจู่โจมผม ในวันที่ผมอ่อนแอที่สุด ในวันที่ผมป่วย ผมถึงได้บอกว่าความคิดต่างๆ เข้ามาว่าแกไม่ดีๆ เต็มไปหมดเลย แล้วไม่มีเหตุผลที่เราจะตอบว่าใช่ มันไม่ดีจริงๆ
ก่อนหน้านั้นผมมีข้อผิดพลาดเยอะมาก แต่ด้วยความรักจากพระเจ้า มีคนเข้ามาพูดกับผมเยอะมากว่าพระเจ้ารักพี่เต๊ะนะ ผมก็ไม่เข้าใจความหมายว่ารักแล้วยังไงวะ จากที่ผมปิดใจ ผมก็เริ่มให้พระเจ้าเข้ามาในชีวิตของผม ผมเริ่มไปโบสถ์ ยอมให้คนบางคนเข้ามานั่งคุยกับเรา เมื่อก่อนผมคุยกับใครไม่ได้เลย คิดว่าเขาจะเข้ามาทำร้ายเรา จะตำหนิเราตลอด แต่พอเราเริ่มต้นใหม่ถึงรู้ว่าชีวิตมีค่ามีความหมายมาก ถึงได้ขอบคุณพระเจ้าจริงๆ ที่ผมได้กลับมาเริ่มต้นใหม่และมีชีวิต สามารถกลับมามีลมหายใจและได้รับของขวัญที่เป็นน้องยาดาห์”
มีโอกาสสวีตกับภรรยาบ้างมั้ยตั้งแต่มีลูก?
“ลดลงจริงๆ ครับ ชีวิตมันเปลี่ยนไปในทางที่ดีนะครับ เราอาจไม่ได้ออกไป 2 คนเหมือนเดิม ไปต่างจังหวัดก็น้อยมาก นอกจาก 3-4 เดือนที่เขาเริ่มนั่งคาร์ซีทได้แข็งแล้วถึงออกไป ก็น้อยลงจริงๆ แต่ก็ทดแทนด้วยเรื่องอื่นๆ”
มีมั้ยออกไปสวีตกันเองสองคนแต่ไม่รอด?
“มีครับ เราตั้งใจฝากคุณยายไว้ แต่สุดท้ายก็ต้องรีบกลับมา ตอนนี้กลายเป็นว่าชีวิตปัจจุบันของเราคือเสร็จงานกลับบ้าน ผมคิดว่าครอบครัวก็เป็นประมาณนี้แหละ แต่ก็แปลกนะ เมื่อก่อนเราจับมือกันสองคน ตอนนี้เราจับรถเข็นด้วยกัน (หัวเราะ) ก็เปลี่ยนไป”
คุณภรรยากำลังจะเตรียมตัวไปบิน?
“ใช่ครับ เรามีแผนมีน้องคนที่สอง แต่ประเด็นคือแจ็คกี้เขาเป็นแอร์ฯ เขาต้องเก็บชั่วโมงให้ได้ ก็อาจไม่ใช่ปีสองปีนี้ ก็อาจต้องเว้นช่วงเหมือนกัน ผมก็คิดเหมือนกันว่าตอนนั้นผมจะไหวมั้ย(หัวเราะ) ผู้ชายหรือผู้หญิงก็แล้วแต่พระเจ้าเลย แล้วแต่ว่าจะให้น้องสาวหรือน้องชาย ยาดาห์ก็จะเป็นพี่ที่ดีเสมอ”
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama