xs
xsm
sm
md
lg

“ต่าย อรทัย” เคลียร์ชัดๆ เป็นอะไรกับ “ไผ่ พงศธร” ขอบคุณพลังด้อม ทำให้มีละครต่อเนื่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ต่าย อรทัย” ไม่ติดคนจิ้น “ไผ่ พงศธร” ทำให้มีละครต่อเนื่อง ไม่กดดันหรืออึดอัดถูกคาดหวังโมเมนต์หวาน แต่ไม่มีเสิร์ฟให้ เพราะแทบไม่ได้เจอ มองเป็นเรื่องน่ารัก แค่เสื้อสีโทนเดียวกันก็ฟินได้ ตื่นเต้นได้ฟู้ดซัปพอร์ตจากด้อมคู่ครั้งแรก
 

เรียกว่ากลายเป็นคู่จิ้นสาขานักร้องลูกทุ่งไปแล้ว สำหรับ “ต่าย อรทัย” และ “ไผ่ พงศธร” ที่หลังจากได้เล่นละครเรื่องแรกด้วยกัน ก็ถูกจับจิ้นจนมีแฟนคลับด้อมคู่ “ไผ่-ต่าย” มาจนถึงทุกวันนี้ แถมยังส่งผลให้มีงานละครร่วมกันมาเป็นเรื่องที่ 4 แล้ว ล่าสุดมีโอกาสได้สัมภาษณ์ “ต่าย อรทัย” ถึงเรื่องนี้ เจ้าตัวก็ตอบอย่างแฮปปี้ว่าตอนแรกก็รู้สึกแปลก แต่ก็ไม่ได้กดดันอะไร และตอนนี้ก็ตื่นเต้นมาก ที่ได้ฟู้ดซัปพอร์ตจากด้อมคู่ในละครเรื่องที่ 4

“จริงๆ ก็ไม่ได้คุยอะไรเป็นพิเศษนะ แต่ว่าอยู่ดีๆ มาเป็นคู่จิ้น น่าจะมาจากละครเรื่องแรก ดาวจรัสฟ้า ก่อนหน้านั้นงานคอนเสิร์ตต่างคนต่างไปอยู่แล้ว โดยธรรมชาติของพี่น้องศิลปินในแกรมมี่โกลด์ ถ้าไม่มีอัลบั้มพิเศษหรือคอนเสิร์ตใหญ่ เราจะไม่ได้เจอกันเลย ต่างคนต่างทำงานไปงานคอนเสิร์ตของตัวเอง หรือถ้าไปงานคอนเสิร์ตในสถานที่เดียวกันมันก็คนละวัน จะไม่ได้เจอกันอยู่แล้ว 

แต่ว่ามาเจอกับไผ่คือละครเรื่องแรกที่เล่นด้วยกัน หลังจากเรื่องแรกเขาก็จับเป็นคู่จิ้นกันเลย เป็นกระแสคู่จิ้นในวงการ เราก็งงเหมือนกัน กระแสนี้มาได้ยังไง อ้าว อยู่ดีๆ ก็จิ้นกัน แล้วก็อยากจะให้เป็นคู่จริงอะไรอย่างนี้ (หัวเราะ) จากคู่จิ้นเป็นคู่จริงได้ไหม ไปงานคอนเสิร์ต เขาก็จะถามพี่ต่าย ไผ่ไม่มาด้วยเหรอ เวลาต่ายไปเจอไผ่ที่กอง เขาก็จะมาบอก พี่ๆ ผมไปงานที่นี่นะ เขาไม่ถามถึงผมเลย เขาถามถึงแต่พี่ (หัวเราะ) ก็จะเป็นมุมนี้มาเล่าสู่กันฟังเวลามาเจอกันที่กอง” 

รู้สึกแปลกโดนจับจิ้น แต่ก็ทำให้มีงานละคร
มันแปลกมากกว่า (หัวเราะ) อยู่ดีๆ ทำไมเป็นคู่จิ้น แต่ว่าเราก็รู้สึกขอบคุณพลังของด้อมไผ่ต่ายเนาะ เรียกว่าด้อมไผ่ต่าย ตั้งแต่คู่จิ้นอยากให้เป็นคู่จริง เขาก็เลยตั้งเป็นด้อมไผ่ต่ายอะไรของเขา แล้วอยากให้เล่นเรื่องต่อไปคู่กันอีก จนได้มาเล่นด้วยกันเรื่องที่สอง แล้วมาสาม จนมาเรื่องที่สี่ล่าสุด เพราะกระแสคู่จิ้นเลยค่ะ ยังทำให้เรามีงานละครอยู่ ได้เล่นคู่กันอยู่” 

ไม่เสิร์ฟโมเมนต์หวาน เพราะไม่ได้เจอกันเลย แต่แฟนๆ ก็จิ้นได้แค่ใส่เสื้อสีโทนเดียวกัน
“แทบจะไม่มีเลยค่ะ เพราะว่าไม่ได้เจอเลย ไผ่เขามีงานเยอะนะ ของต่ายก็มีงานนู่นงานนี่อยู่แล้ว ก็จะไม่ได้เจอ (พอมันมีด้อมขึ้นมา เราต้องคุยกันไหมว่า เราต้องทำตัวยังไงกับสมาชิกในด้อมของเรา?) ก็แทบไม่ได้ทำอะไรเลย (หัวเราะ) เขาก็ยังคงจิ้นกันตลอด แต่ว่าด้อมของไผ่ต่ายก็จะน่ารักอีกแบบหนึ่ง เราเองอาจจะไม่ได้ไปเสริมอะไรตรงนั้น เพราะว่าไม่ค่อยได้เจอ 

เอาจริงๆ ถ้าไม่ได้ถ่ายละครด้วยกันจะไม่ได้เจอเลย ตั้งแต่ละครปิดกล้องก็ไม่ได้เจอกันเลย เขาก็จะไปปั่นกันเอง เราไม่ได้เสิร์ฟให้เขา เขาก็จะไปหาวิธีปั่นกันเอง อย่างเช่นสมมติว่าวันนี้ต่ายไปถ่ายงาน อาจจะต่างคนต่างไป สมมติใส่เสื้อแล้วมันโทนสีใกล้กันโดยที่ไม่ได้ตั้งใจเพราะอยู่กันคนละที่ เขาก็จะแบบ อุ้ย มีความเสื้อคู่เนาะ พอใส่แฮชแท็กไปปุ๊บอยู่ดีๆ มันก็ไปขึ้นในทวิตเตอร์ เป็นแฮชแท็กไผ่ต่าย ต่ายไผ่ เราก็เอ๊ะทำไมขึ้นในทวิตเตอร์ กระแสอะไรก็กดเข้าไปดู โอ้ยน้อ (หัวเราะ)” 

ไม่กดดันแฟนคลับคาดหวังโมเมนต์ รู้สึกว่าน่ารักดี
“ก็ไม่นะคะ ไม่ได้กดดัน เราก็รู้สึกว่าน่ารักเนาะ เขาจะมีโมเมนต์อะไรของเขาเองมาตลอด ด้วยความที่เราเองไม่ได้เจอ แล้วเขาก็คาดหวังอยากให้เราเสิร์ฟ เรารู้นะ เวลาจะไลฟ์สดเขาก็จะมาเมนต์ พี่ต่ายวันนี้แฟนพี่ไปไหน อ๋อ เรารู้นะว่าคุณอยากให้เราพูดถึงใคร เราจะเข้าใจเขาเลยเวลาที่ถูกถามแฟนไปไหน บางทีเราก็จะอำเขาไม่รู้หรอก วันนี้แค่ไปเล่นที่นี่ไง ไหนว่าพี่ไม่ดูไงไม่รู้ ไหนว่าไม่ได้อยู่ด้วยกัน อ๋อ เราก็เห็นในฟีดไงประมาณนี้ (หัวเราะ)” 

ถึงไม่ได้พูด แต่ก็รับรู้กระแสรอบด้าน
“รู้ พอได้ตามบ้าง แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดเข้าไปอ่านทุกคอมเมนต์ขนาดนั้น”

ไม่คิดว่ากระแสจะแรง จนได้เล่นละครคู่กันถึง 4 เรื่อง
“ไม่คิดว่าจะลากยาวมาขนาดนี้ เพราะว่าส่วนตัวของต่าย เรื่องแรกเรารู้สึกว่าเรายังเข้าไม่ถึงเรื่องของการแสดง เรายังมีกำแพงในเรื่องของการแสดงอยู่ ยังไม่รู้สึกสนุกกับการไปกองละคร เราไปโฟกัสว่าเรารู้สึกเครียด มันเล่นแล้วเป็นยังไง มันยังแข็งทื่ออยู่หรือเปล่า เข้าถึงอารมณ์ไหม เราอยากให้ผลงานมันออกมาดี ไม่ได้ไปโฟกัสในเรื่องอื่น 

แค่รู้สึกว่าเราจะไปได้ถึงเรื่องที่ 3 ที่ 4 ไหมนะ ก็คิดว่าแค่เรื่องแรกคงจอดแล้ว ไปๆ มาๆ เรื่องที่สองก็มา แล้วก็มาถึงเรื่องที่สาม แล้วก็พลังของทุกคนด้วยส่วนหนึ่ง ก็รู้สึกว่าเราอยากทลายกำแพงการแสดงให้ได้ ทำไมเรายังรู้สึกกลัว เรายังเข้าไม่ถึง เราต้องรู้สึกยังไง ต้องวางตัวยังไงแล้วมันมีอะไรในใจเรา ทำยังไงเราจะมีความสุขทุกครั้งที่ไปกอง อันนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่อยากรู้แล้วเรียนรู้กับมันจริงๆ แล้วพอคาแรกเตอร์เรื่องที่ 3 มา ได้เล่นบู๊เตะต่อย ทุกอย่างหายไปหมดเลย เข้าที่เข้าทาง เรารู้สึกอยากไปกองละคร เราสนุก ถ้ามีบทบาทอื่นๆ มา เราพร้อมที่จะเปิดรับแล้วนะ” 

ไม่ได้รู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่บนความคาดหวัง ตื่นเต้นมากกว่าที่ได้ฟู้ดซัปพอร์ตจากด้อมคู่จิ้น
“ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยนะคะ แต่ว่าละครเรื่องที่ 4 ก็มีฟู้ดซัปพอร์ตไป (หัวเราะ) ไม่ได้ขิง เป็นด้อมคู่ จนพี่ตั้ม ผู้กำกับฯ บอกเย้ ทุกคนมาเร็วๆ ฟู้ดซัปพอร์ตมาแล้ว ตั้งแต่เป็นนักแสดงคู่จิ้นกันมาเรื่องที่ 4 แล้วเนี่ย เรื่องแรกเลยมีฟู้ดซัปพอร์ต มาเร็วๆ ทุกคนมา ผู้กำกับฯ ก็ตื่นเต้นใหญ่เลย (ทุกอย่างเป็นไปตามสเต็ป ตั้งเริ่มจิ้นกัน มีด้อม จนมีฟู้ดซัปพอร์ต?) ใช่ๆ เราก็ตื่นเต้น ก็ไปถ่ายรูปขอบคุณเขาไปค่ะ” 

ไม่เคยคิดว่าจะมีคู่จิ้น ขอบคุณงานแสดงที่ทำให้ได้เห็นในอีกมิติหนึ่ง
“ไม่คิดค่ะ (หัวเราะ) ก็ต้องขอบคุณสายงานการแสดงด้วย โอกาสด้านการแสดงมันทำให้เราได้เห็นว่ามีอีกมิติหนึ่งเกิดขึ้น ก็ขอบคุณจริงๆ ค่ะ” 

ตอบไม่ได้ละครเรื่องที่ 5 อยากเล่นบทไหน แต่แฟนๆ อยากให้เดินห้างบ้าง ไม่ใช่เดินแต่ในทุ่งนา
“โห ไม่รู้เลย อันนี้ตอบไม่ได้เลย คือรอว่าเราจะได้รับโอกาสนั้นอีกไหม แล้วก็อะไรที่มันจะท้าทายเราไปได้อีกมากกว่าเรื่องที่ 4 แล้วมันจะต้องเป็นบทบาทยังไง มันยังคงจะต้องใกล้เคียงอันเดิมหรือเปล่า ต่ายก็รอลุ้นเหมือนกันค่ะ 

ถามว่าอยากเปลี่ยนคาแรกเตอร์ไหม มันอาจจะไม่ได้เป็นคำที่ออกมาจากคำที่ต่ายพูด แต่ก็มีแฟนๆ หรือคนอื่นๆ ที่ดูแล้วเขามีโอกาสมาเล่าให้เราฟัง ดาหลาไม่อยากเดินห้างบ้างเหรอ อยากเดินแค่ทุ่งนาแค่นั้นเหรอ เดินห้างบ้างก็ได้ (หัวเราะ) เราก็ไม่รู้ อยู่ที่ช่อง อยู่ที่ผู้เขียนบทแล้วบทที่เราได้รับด้วย เราก็จะได้แต่อธิบายให้เขาฟัง” 

ขำๆ ส่วนตัวก็อยากเดินห้าง อยากสัมผัสประสบการณ์นั่งสวยๆ รวยๆ
“ก็เดินบ้างก็ได้ค่ะ (หัวเราะ) ยังไงก็ได้หมด เพราะชีวิตจริงของเราก็เป็นคนหนึ่งที่ผ่านมาทุกอย่าง ในเรื่องต่อให้มันเริ่มต้นมาจากศูนย์ แล้วค่อยๆ พัฒนาไปจนถึงชีวิตที่ดีขึ้น เราผ่านมาทุกโมเมนต์แล้ว จะให้ล้างถ้วยล้างจาน ทำไร่ไถนาเราทำได้ หรือสเต็ปที่แบบมีงานที่ดีขึ้น ก็คิดว่าเราก็เห็นประสบการณ์จากชีวิตจริงของเราไปได้ แต่ว่าไปสัมผัสไปนั่งรวยๆ สวยๆ มันเป็นยังไง เราก็อยากรู้เหมือนกัน (หัวเราะ) หรือว่าสู้ในแบบอื่น ก็อยากสัมผัสความรู้สึกนั้นเหมือนกัน ตอนนี้ก็เริ่มชอบการแสดงแล้ว” 

ดีใจคนโฟกัสผลงานมากกว่าเรื่องส่วนตัว รู้สึกภูมิใจและคุ้มค่ามากกับสิ่งที่ทำ
“ก็ดีใจนะคะ ดีใจที่ผลงานที่เราทำ เราไม่ได้เสียใจเลยกับการที่เราทุ่มเทกับมัน เราภูมิใจกับมันด้วยซ้ำ ยิ่งวันนี้จะมีหลายคนมาการันตีเราหรือจะยกให้เราเป็นยังไงก็ตาม ที่มันคือมาตรฐาน มันเป็นอะไรที่ควรจะเอาเป็นแบบอย่าง เรารู้สึกว่าเราสู้มาเต็มที่ เราไม่ได้รู้สึกเสียดายกับช่วงเวลาที่เราเหนื่อยกับมัน สู้กับมัน ลงทุนไปกับมันทั้งแรงกาย แรงใจ แรงความอยากรู้ ความที่ไม่รู้แล้วอยากรู้ก็พยายามพัฒนาตัวเอง มันคุ้มค่าที่สุดแล้วในวันนี้ค่ะ 

ก็รู้สึกว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับอีกหลายๆ คนที่กำลังสู้ชีวิต อยากจะเป็นเหมือนเราหรือเปล่า อย่างน้อยเราก็มีเส้นทางหนึ่งให้เขาได้เห็น อย่างน้อยเขาได้ยกเราไว้แล้วพยายามที่จะทำตาม เขาอาจจะมีแนวทางเป็นของเขาก็ได้ แต่อย่างน้อยเราก็เป็นแนะแนวแล้วกัน ให้เขาได้มีข้อหนึ่งข้อสองให้เขาได้เลือก ก็จะได้ง่ายขึ้นในการใช้ชีวิตค่ะ”













กำลังโหลดความคิดเห็น