“ปู มัณฑนา - หาญส์” ประกาศดำเนินคดี “ลูกหมี” ถึงที่สุด เวรกรรมมีจริง ประจานเสียชื่อยันนามสกุล เดือดที่สุดคือกระทบลูก โวยหนี้ 2 ล้านไม่ถูกต้อง จริงๆ แค่ 1.4 ล้าน ส่วนดอกโหดรายชม. ลูกหมีก็เรียกเอง จวกดอกเบี้ย 2 ชม. 2 พัน ทำอาชีพอะไร บอกหน่อย จะได้ทำบ้าง ไม่มีงานจ้างทำไมไม่ดูตัวเอง เตรียมไล่ฟ้องรายตัว ปูพ้อทุกพรรคเม้าธ์ผัว นน.ลด 6 กิโล เข้าออกรพ. 5 ครั้ง ต้องพบจิตแพทย์
หลังจากที่วันนี้ (4 ก.ค.67) “ปู มัณฑนา หิมะทองคำ”และ “หาญส์ ภักดีหาญส์ หิมะทองคำ”พร้อมทีมทนายความนำโดย “ทนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช”และ “ทนายกิ่ง ศิริญญ์รดา เลืองวัฒนะวณิช”เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องหนี้สิน 2 ล้าน ตามที่ “ลูกหมี รัศมี ทองสิริไพรศรี”เข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 4 เม.ย. 67 โดยใช้เวลาเจรจาประมาณ 1 ชั่วโมง ปู-หาญส์ และทีมทนาย ก็ได้ออกมาเปิดใจต่อสื่อมวลชน ยืนยันหนี้จริงมีแค่ 1.4 ล้าน เป็นหนี้ก็ต้องใช้อยู่แล้ว แต่ถูกประจานทำลายชื่อเสียง จ่อฟ้องรายตัว
ปู : “เริ่มต้นก็รู้จักกันจากเพื่อนๆ เขาตีกอล์ฟ แต่ปูไม่ได้ตี ก็ไปกับเพื่อน ก็ได้คุยกัน เขาบอกปัญหาของเขาว่าเขาไม่มีงานทำเลย ไม่มีงานละคร มีนักเรียนที่เขาสอนเดินแบบแค่ 2-3 คน เขามีภาระค่าใช้จ่ายต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ เขามีแฟน แฟนก็เลิกกับเขา แฟนเขาใช้เสิร์ฟอาหาร ล้างจาน ใช้ทุกอย่าง แต่ไม่ให้เงินเขาเลย เขาก็ไม่มีรายได้ เขาก็มาคุยกับปูว่า เขาปล่อยเงินกู้กับร้านแว่น แล้วก็ได้ดอกเบี้ย 10-15% แล้วแต่ว่าร้านแว่นเขามีรายรับเท่าไหร่ แล้วก็ฝากเงินกับเพื่อนชื่อ ก. กับ อ. เขามีเพื่อนแค่ 3 คน ลงทุนเกี่ยวกับหุ้น เขาก็บอกว่าถ้าพี่ปูมีงานอะไร ให้เขาหุ้นด้วยเพื่อที่จะให้เขามีรายได้เพิ่มเติมก็ให้บอกเขา เพราะร้านแว่นไม่จ่ายเงินเขาหลายเดือนมาก เขาก็แจ้งความร้านแว่นเมื่อปลายปีที่แล้ว
ปูก็เลยช่วยเหลือเขา ก็บอกว่าปูมีทำอีเวนต์ อยากจะทำละคร ก็พาเขาไปคุยกับผู้ใหญ่เกี่ยวกับอีเวนต์ด้วย แล้วเขาบอกอยากจะเป็นเลขาฯ พี่หาญ ก็ให้ติดตามพี่หาญไปประชุม พาไปหาคอนเนกชั่นผู้ใหญ่ทุกอย่าง ล่าสุดก็ได้คุยกับผู้ใหญ่ช่อง 7 เขาบอกเขามีเวลาให้สำหรับทำละคร ก็เลยบอกว่างั้นเรามาหุ้นกันนะ แต่ถ้าลูกหมีเงินน้อย ปูก็จะให้เล่นเป็นบทแม่พระเอกหรือแม่นางเอก เพื่อที่จะให้มีรายได้ แต่ผู้ใหญ่บอกว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี เอาเป็นรายการสดดีไหม เขามีให้ครึ่งชม. น่าจะดีกว่าทำละคร ก็หางานให้เขาทุกอย่าง
แล้วก็มีเพื่อนๆ ที่ทำธุรกิจหลายคน ก็เลยบอกลูกหมีว่าเดี๋ยวคุยกับเพื่อนพี่นะ คุยตรงกันเลย เขาบอกว่าเขาไม่อยากคุยตรงกับเพื่อนพี่ปู ขอให้เป็นระหว่างพี่ปูกับเขาแล้วกัน แล้วพี่ปูก็ส่งดอกกับลูกหมีสองคน จะได้ไม่ต้องไปคุยหลายคน เขาบอกเพื่อความสบายใจ เขาก็ขอเช็คปูค้ำประกันเอาไว้ปูก็ให้ทุกอย่าง เขาก็จะเขียนมาว่า พี่ปูคะ ขอเช็ค 3 ใบ เขียนยอดเท่านี้ๆ ลงวันที่เท่านี้ๆ นะคะ ปูก็เขียนตามเขาทุกอย่าง และเขาให้เซ็นสัญญาเงินกู้ เขาบอกว่าพี่ปูเซ็นชื่อเฉยๆ เอากระดาษเปล่ามา ปูก็บอกว่าปูเขียนดอกไปได้ไหมว่าลูกหมีได้รับทั้งรายวัน รายเดือนทุกวัน 10% 15% 20% เขียนไปได้ไหม เขาบอกไม่ต้องค่ะพี่ปู เดี๋ยวผิดกฎหมาย พี่ปูเซ็นมาอย่างเดียว เดี๋ยวลูกหมีเขียนเอง อันนั้นวันที่ 2 มี.ค.นะคะ
พอวันที่ 18 มี.ค. เขาก็แคปข้อความมาว่า พี่ปูเก็บสัญญาเงินกู้นี้ไว้นะคะ พอวันที่ 4 เม.ย. ก็แจ้งความปู ขาดส่งดอกไป 1 วัน ถามว่าเกิดจากการยืมกันไหม คือปูช่วยเขาเพื่อหาเงิน เขามาขอความช่วยเหลือว่าไม่มีงานทำค่ะ แต่ที่ติดภาระเป็นลูกหนี้ เพราะเขาไม่ยอมคุยกับเพื่อนปูไงคะ ปูก็บอกแล้วว่าให้ลูกหมีคุยกับเพื่อนปูตรงเลย แต่เขาบอกเขาไม่รู้จัก ก็ขอคุยกับปูสองคน แล้วก็ขอเช็คค้ำประกันไว้ปูก็ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะไม่โกงเขาอยู่แล้ว ไม่งั้นไม่กล้าให้เช็คหรือไม่กล้าเซ็นสัญญาเงินกู้หรอกค่ะ”
ทีมทนาย : “คือเขาคิดว่าเป็นการกู้ยืมเงิน เพราะเขาไม่สนใจอยู่แล้วว่าพี่ปูเอาเงินไปทำอะไร สมมติพี่ปูบอกว่าเอาเงินไปทำอันนี้ เดี๋ยวเอากำไรให้นะ ที่เขาบอกว่าเราเสนอ เราก็ให้เขาจริงๆ 1,000 - 2,000 แต่การที่เราให้เขาเรื่อยๆ เขาไม่คิดว่าเขาไม่เข้าใจดอกเบี้ย โอนมาเขาก็เก็บๆ แต่ถ้าบริสุทธิ์ใจจริงคุณต้องเอาเงินนี่ไปทบต้น ไม่ใช่ว่าคุณรับมา 6 แสนแล้วก็ยังคงค้างต้นอยู่ ก็ไม่ได้”
ปู : “เขาเป็นคนเสนอมาด้วยค่ะ ว่าเขามีเงินอยู่เท่านี้ จะปล่อยเงินมาเท่านี้ เขาก็เสนอมา”
ทีมทนาย : “เอาง่ายๆ พี่ปูไม่ได้เป็นตัวกลางของเพื่อนๆ พี่ปูที่ทำธุรกิจแล้วเอาเงินก้อนนั้นไป แต่ให้คิดว่าพี่ปูเป็นลูกหนี้เลยก็ได้ค่ะ เพราะหนี้ทั้งหมดยังไงพี่ปูก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เพราะเราเป็นคนจัดการ เป็นคนรับโอนเงินจากเขา”
มีหลักฐานลูกหมีเรียกดอกเบี้ยเอง
ทีมทนาย : “ในแชตมีเยอะค่ะว่าเขาเป็นคนเรียก วันนี้ขอบวก 1,000 นะคะ โอนคืนกี่โมง มันมีรายละเอียดตรงนี้ค่ะว่าเขาเป็นคนเรียก และจากที่อาจารย์ประมาณอธิบายไปแล้วเช่นยอด 1 ล้าน แต่คุณโอน 8.5 แสน นี่คือคุณหักดอกไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
ปู : “เงินเอาไปทำอะไร เขาไม่สนใจค่ะ เพราะเขาบอกจะคุยกับปูคนเดียว เขาปล่อยดอกกับปูคนเดียวปูก็เคยบอกเขาว่าให้คุยกับเพื่อนโดนตรงเลย ธุรกิจกระเป๋า นาฬิกา ซื้อมาขายไป มีเรื่องรับจำนำรถด้วย ก็สรุปว่าเป็นการกู้ยืมค่ะ ไม่ใช่เงินลงทุน”
ยอดหนี้ที่ค้างคืนแน่ แต่รับไม่ได้กับสิ่งที่ทำกับตน ลูก และครอบครัว
ปู : “คืนแน่นอนค่ะ แต่ยังไม่ได้เข้าไปคุยรายละเอียดข้างในว่าจะคืนยังไงเมื่อไหร่ ถ้าเขาขอคืนวันนี้ มีพร้อมที่จะคืนค่ะ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำกับปู กับลูกปู กับครอบครัวปูอันนี้เรายังไม่ได้คุยกันค่ะ แต่ยอดหนี้ที่ค้างอยู่ยังไงต้องคืนอยู่แล้วค่ะ ไม่เคยพูดกับสื่อใดๆ ไม่เคยบอกเขาว่าจะไม่ใช้นะคะ เขาส่งตัวแทนส.ส.ท่านหนึ่งมาคุยกับปูในเรื่องของหนี้ที่เหลือ เขาบอกว่าหนี้เหลือ 2 ล้าน และช่วงเดือนเม.ย. ปูก็โดนโกงที่ดินไป 100 ล้านพอดี ปูก็เลยบอกว่าเหลือที่ดินอีก 4 โฉนด ปูก็จะทำขายฝาก เพื่อเอาเงิน 2 ล้านนี้ไปคืนเขา และส.ส.ท่านนี้ก็บอกว่าเขาคุยกับลูกหมีแล้ว ถ้าเกิดทำขายฝากไม่ได้ ก็ให้เอาโฉนดที่มันได้หลัก 2 ล้านไปขายฝากเป็นชื่อลูกหมี พอปูมีเงินก็เอาไปไถ่โฉนดคืนมา ก็นัดกันว่าจะไปโอนวันที่ 14 มิ.ย. แต่วันที่ 13 เขาก็แถลงข่าวที่สำนักงานทนายเดชา”
ทุกพรรคเม้าธ์ผัว เจ้านายยังโทร.หา
ปู : “ตอนนั้นจะจ่ายทั้งก้อน มีคุยแชตไลน์ แล้วปูไม่ได้ห่างหายเลย แต่เขาบอกว่าติดต่อไม่ได้ ไม่มีค่ะ มีแชตไลน์ทุกอย่างว่าติดต่อเขาได้หมด ทั้งติดต่อเขา ทั้งติดต่อผ่านทางร้อยเวร และติดต่อผ่านทางท่านส.ส. เขาไปพูดกับพรรคการเมืองหลายพรรคมาก บอกว่าเมียหาญ หิมะทองคำ ทำเช็คเด้ง 2 ล้าน จนเจ้านายพี่หาญโทร.มา ทุกพรรคการเมืองเอาไปเม้าธ์หมด”
นน.ลด 6 กิโล เข้าออกรพ. 5 ครั้ง ต้องพบจิตแพทย์
ปู : “เรื่องเช็คเราคุยกันตั้งแต่ต้นแล้ว ว่าลูกหมีเขาขอปูว่าขอเป็นเช็คที่ค้ำประกันเพื่อความสบายใจนะ เราก็ให้เขา เขาให้เขียนยอดเท่าไหร่ ปูก็เขียนตามเขาหมดเลย ให้เซ็นสัญญาเงินกู้ ปูก็โอเค ทั้งๆ ที่ให้เซ็นกระดาษเปล่าด้วย เราไม่รู้ด้วยว่าเขาจะเขียนอะไร คือปูจริงใจกับเขา ช่วยเหลือเขา หาเงินให้เขาภายในระยะเวลาแค่ 4 เดือนให้เขา 6 แสนบาท แล้วเขากลับมาทำกับครอบครัวปูแบบนี้มันไม่ได้ ระยะเวลา 2 เดือนนี่ปูเข้าโรงพยาบาล 5 ครั้ง น้ำหนักลดไป 6 กก. เพราะเขา ต้องทานยาเยอะค่ะ ต้องพบจิตแพทย์”
ดำเนินคดีถึงที่สุด เวรกรรมมีจริง
ปู : “ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำกับปู กับครอบครัวก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดค่ะ เวรกรรมมีจริงค่ะ”
ด้าน “หาญส์” อัด ดอกเบี้ย 2 ชม. 2 พัน ทำอาชีพอะไร บอกหน่อย จะได้ทำบ้าง บอกไม่มีงานจ้าง ทำไมไม่ดูตัวเอง
หาญส์ : “คำแรกที่ต้องพูด คนเรามีหนี้มันต้องใช้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าวงเงินหนี้ที่เขาลงไว้ 2 ล้าน มันไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่าเรียกว่าคดี เพราะมันยังไม่เป็นคดี มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันสามารถประนีประนอมที่สน. ได้ พอผมทราบเรื่องนี้สิ่งแรกที่ทำ แต่งตั้งบริษัท ยูซัมมิต กรุ๊ป เพื่อจะให้มาดูแลเรื่องเงินทั้งหมด ผมบอกปูให้รีบติดต่อไปหาลูกหมี แต่โทร.ไปไม่รับ ไลน์ไม่ตอบ เขาก็ยังมาอ้างว่าผมรับทราบเรื่องทั้งหมด ผมเจอหน้าคุณแค่สองครั้ง คุยกันสิบคำ อยู่ๆ มาแอดไลน์ผมแล้วส่งบันทึกประจำวันมา พอผมอ่านก็รีบดำเนินการ
ข้อมูลที่เขาพูดเขาหยิบมาบางส่วนให้ตัวเองดูดี เขาพูดเลยวันนั้นว่าไม่มีดอกเบี้ย แต่ที่อ.ประมาณพูด ผ่านไป 2 ชม. 2 พัน ถ้าคุณบอกว่าเอาเงินตรงนี้มาลงทุน บอกอาชีพผมหน่อยว่ามันคืออะไร จะได้มาลงทุนบ้าง ถ้าผมได้ทุกชั่วโมง 2 พัน ก็มันไม่มีอาชีพธุรกิจอะไรเป็นอย่างนี้ เราไม่ใช่ดาราดังเหมือนเมืองนอกที่ได้เงินเป็นนาที เห็นได้ชัดว่าไม่มีการลงทุน แล้วเราไม่ได้ไปบอกให้ลงทุนอะไรเลย ดังนั้นมันคือดอกเบี้ยอย่างเห็นได้ชัด แต่คุณไปพูดปาวๆ ว่าคิดไม่เป็นหรอกค่ะดอกเบี้ย ก็เห็นชัดเจนบนไลน์ที่คุณเป็นคนแชตมาเอง ดอกเบี้ยเท่านี้เท่านั้น จะรับผิดชอบยังไง
ผมเคยมีคดีขึ้นศาลเรื่องการเมือง จนศาลบอกโตกันแล้ว สลักหลังคดีเลยสองคนจะไม่ฟ้องเรื่องนี้แล้ว มันประนีประนอมในชั้นศาลได้ แต่คุณเริ่มตั้งแต่แรกไม่เอา หิวแสงหรือเปล่าผมไม่ทราบ รีบไปแถลง เขาก็บอกเองไม่มีงานทำ 20 ปีแล้ว ไม่มีใครจ้าง คุณไม่ดูตัวเอง ทำไมรุ่นพี่รุ่น เพื่อน รุ่นน้องที่เป็นดาราเขาก็มีงานกันทุกคน คุณต้องดูตัวเองว่าเป็นคนแบบไหนผู้ใหญ่ถึงไม่จ้างคุณ ไม่ให้งาน อันนี้ผมไม่ทราบ”
เดือดสุดทำกระทบลูก เสียหายยันนามสกุล คนตะโกนด่าจ่ายเงินหรือยัง ใครที่ลงก็ไม่ต้องลบ แคปไว้หมดแล้ว ไล่ฟ้องรายตัว
หาญส์ : “อีกเรื่องที่ผมโมโหสุดๆ มันเป็นเรื่องระหว่างผู้ใหญ่ 2 คนของปูกับลูกหมี พอมาฟ้องแบบนี้ผลกระทบมากที่สุด 3 คน คือลูกของผม ลูกผม 3 คน บรรลุนิติภาวะคนแรก อีกสองคนยัง ก็เรียนหนังสืออยู่ วันไปงานจบม.6 แต่งชุดสีแดงไป คนตะโกนมาเลย เสื้อสีแดงแม่จ่ายเงินหรือยัง คุณเอาลูกผมมายุ่งทำไม แล้วตระกูลหิมะทองคำมี 200-300 คน มันเสียหายแบบนี้ ถ้าออกมาแบบนี้ภรรยาผมเกิดไม่มีงานขึ้นมา เพราะเรื่องที่ลูกหมีไปพูดเป็นความเท็จ มันเหมือนคัตเตอร์กรีดหัวใจทุกคนที่นามสกุลหิมะทองคำ การกรีดหัวใจมันจะเป็นแผลเป็นไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
แม้แต่สมมติได้ขึ้นศาล ผมให้ศาลตีความหมายว่า ความเจ็บปวดมันตีเป็นมูลค่าเงินได้ไหม ถ้าศาลบอกว่าพวกคุณสองคนชื่อเสียงโด่งดัง สมมติตีได้ 10 ล้าน ผมก็จะเอามาจ่าย ค่าใช้จ่ายที่เหลือผมจะเอาไปบริจาคในนามมูลนิธิหิมะทองคำ ตระกูลบ้านผมอยู่กันมานานมาก เราไม่เคยมีเรื่องราวแบบนี้”
วันนี้มันยังไม่ได้เป็นคดีความ ที่เข้ามาวันนี้มาไกล่เกลี่ย มารับทราบข้อกล่าวหา แต่ว่าคุณได้ลงโซเชียลมีเดีย ลงแฮชแท็กหรือว่าพวกอวตารต่างๆ ได้ลงไปหมดแล้วว่า รองนางสาวไทย ดาราชื่อย่อ ป.ปลา อันนี้อาจจะงงมีเป็นสิบ แต่อดีตดาราเป็นนักการเมือง เขียนภาษาอังกฤษว่า golden snow หาญ กับ ปู ใน 70 ล้านทั่วประเทศไทย มีคู่เดียวครับ ไม่ได้มีเป็น 10 คู่ เพราะฉะนั้นคุณหมิ่นผม แล้วพวกที่ลงๆ ทั้งหลาย คุณไม่ต้องไปลบนะ เพราะผมให้เจ้าหน้าที่ก็อปไว้ ผมจะไล่ฟ้องคุณรายตัวเลย เตรียมเงินกันไว้ด้วย”
ด้าน ทนายประมาณ มีการเปิดชาร์ตแถลงถึงที่มาที่ไปของเงิน 2 ล้าน โดยทนายประมาณ ระบุว่า การที่ลูกหมีไปออกรายการทั้งหมดไม่มีความจริง ปูถูกทำลายชื่อเสียง ซึ่งวันนี้ปูมีหลักฐานจากสเตทเมนต์ ระบุวัน-เวลา จำนวนเงินอย่างครบถ้วน มีสลิปการโอนมา และโอนกลับ พร้อมดอกเบี้ยโหดคิดรายชั่วโมง
เริ่มเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2566 มีการกู้เงินจำนวน 95,000 บาท ต่อมาวันที่ 1 ต.ค. 2566 มีการกู้ซ้ำอีก 800,000 บาท ปล่อยกู้ 3 เดือน ดอกเบี้ยร้อยละ 15% ต่อ 3 เดือน โดยลูกหมีให้ปูจ่ายเช็คครั้งแรก 1 ล้านบาท ลงเมื่อ 1 ม.ค. 2567 หลังจากนั้นมีการโอนมา-โอนกลับ เช่น ให้กู้ 20,000 บาท เมื่อเวลา 11:23 น. และโอนคืนตอน 13:14 น. ดอกเบี้ย 1,000 บาท คิดเป็น 5% หรือ 1,825% ต่อปี
ต่อมามีการปล่อยกู้ 900,000 บาท หักดอก 100,000 บาท โอนมา 800,000 บาท ให้จ่ายเช็คใบที่ 2 จำนวน 900,000 บาท รวมยอดเดิมเป็น 1.9 ล้านบาท หลังจากนั้นก็เป็นการโอนไป-กลับ พร้อมดอกเบี้ย มีเงินยิบย่อยที่ยังไม่ได้คืนประมาณ 500,000 - 600,000 บาท แต่ทางลูกหมีให้จ่ายเช็คใบที่ 3 จำนวน 800,000 บาท ลงวันที่ 29 ม.ค.2567 รวมเป็นเงิน 2.7 ล้านบาท ตามที่ปรากฎเป็นข่าว
นอกจากนี้ยังมีการโอนเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2566 ลูกหมีโอนมา 47,000 บาท ปูโอนคืน 3 พ.ย.2566 จำนวน 50,000 บาท พอวันที่ 14 ธ.ค. 2566 กู้ยืม 45,000 บาท หักดอก 1,000 บาท โอนมา 44,000 บาท ดอกเบี้ยวันละ 1,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 14 - 24 ธ.ค. 2566 มีการจ่ายดอกเบี้ย 9,000 บาท รวมที่หักไว้อีก 1,000 เป็น 10,000 บาท ก่อนโอนคืนวันที่ 27 ธ.ค. จำนวน 45,000 บาท คิดเป็นดอกเบี้ย 22.22% ต่อวัน หรือ 623.93% ต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นดอกเบี้ยที่โหดมาก
มีการกู้เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2566 กู้ 100,000 บาท หัก 1,000 บาท โอนมา 90,000 บาท ต่อมาวันที่ 3 ม.ค. 2567 จ่ายหนี้คืน 49,999 บาท 2 รอบ พร้อมดอกเบี้ยอีก 2,000 บาท รวมจ่ายดอกเบี้ย 12,000 บาท คิดเป็นดอกเบี้ย 12% ต่อ 4 วัน หรือ 1,095% ต่อปี
สรุปคือมีการยืมเงินทั้งหมด 4,057,700 คืนมาแล้ว 2,640,498 บาท คงเหลือ 1,417,201 บาท ซึ่งคุณปูยืนยันว่าจะคืนยอดนี้ ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 กรณี เป็นเรื่องของจำนวนเงิน และคดีความ ในเรื่องของเงินคุณปูและคุณหาญจะคืนเงินยอด 1.4 ล้านบาท ในส่วนของคดีความในฐานหมิ่นประมาทจะดำเนินการฟ้องกลับบุคคลทุกกลุ่มที่ทำให้เสียชื่อเสียง
