“เกริก เกริกไกร” ท้าตรวจสอบ ยืนยันไม่ได้เป็นแอดมินเพจอีกี้ฯ ยอมรับรู้จักเจ้าของเพจ ติดต่อตลอดเพราะคอยทำเคสช่วยเหลือ แต่ไม่เคยรับเงินและร่วมโพสต์ด่าใคร เผยเคยปรามแล้วแต่ไม่ฟัง บอกทำเพราะหมั่นไส้ส่วนตัว ตอนนี้อยู่สิงคโปร์ จะช่วยไลฟ์ชี้แจงให้ช่วงปลายเดือน ก.ค. ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ด้านตร.ไซเบอร์งง ไม่ได้รับเรื่องอะไรจากแพรวพราว เตือนมีความผิด อ้างมั่วไม่ได้
หนังคนละม้วน หลังจากที่ก่อนหน้านี้นักร้องหมอลำชื่อดัง “แพรวพราว แสงทอง” ควง ทนายวีนัต โภคานิตย์ พร้อมผู้เสียหายอีกหนึ่งราย เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเพจ “อีกี้ขยี้ข่าว” ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หลังเพจดังกล่าวโพสต์ด่าประจานต่างๆ นานา จนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงกว่า300 โพสต์ โดยแพรวพราวฟ้องทั้งแพ่งและอาญา เรียกค่าเสียหาย พร้อมเปิดวาร์ปเจ้าของเพจว่าเป็นอดีตดารา ก.
ความคืบหน้า เวลา 10.00 น. วันนี้ (4 ก.ค.2567) “เกริก เกริกไกร อันสนธิ์” หรือ อดีตดารา ก. คู่กรณีของแพรวพราว ได้เดินทางมาพร้อมกับ ทนายเชอเบท กันต์กนิษฐ์ โอฬาฬาร ทนายความส่วนตัว เพื่อเข้าพบ พล.ต.ต ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจกรณีถูกแพรวพราวกล่าวหาเป็นแอดมินเพจอีกี้ฯ รวมทั้งแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ไม่หวังดี ที่แถลงข่าวพาดพิง และแอบอ้างตำรวจไซเบอร์ ถึงข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งการมาในครั้งนี้เจ้าตัวได้เปิดหน้าและเปิดชื่อท้าชนแบบมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง
พร้อมกันนี้ยังมี “นายมนตรี ศุภวัฒน์ยืนยง” เจ้าของเพจบันเทิงหน้าตุ๊ด ซึ่งถูกแพรวพราวกล่าวหาว่าเบอร์โทร.และอีเมลเชื่อมโยงกับเพจอีกี้ฯ ก็ได้เดินทางมาพร้อม ทนายพัฒน์ อนุสรณ์ อะสุระพงษ์ ด้วยเช่นกัน โดยมี อาจารย์อ๊อด รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้ามาเป็นทีมที่ปรึกษาของเกริกไกร และมาให้กำลังใจในการสู้คดีในวันนี้ด้วย
อ.อ๊อด : “ในฐานะที่เป็นทีมที่ปรึกษากฎหมายให้คุณเกริกกับทนายเชอเบท และน้องมนตรีกับทนายพัฒน์ ก็ขออนุญาตมาพบท่านผู้การตำรวจไซเบอร์ มาแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังถูกพาดพิงมากรณีที่มีดาราหมอลำมาแถลงข่าว ว่ามีการดำเนินการกับเพจอวตาร และก็เพจบันเทิงหน้าตุ๊ดของน้องมนตรี ว่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้อง ลามไปถึงข้อมูลส่วนบุคคลของน้องเกริก ซึ่งเป็นดารายุค Y2K มีการนำข้อมูลทางโทรศัพท์ เส้นทางการเงิน บอกว่ารู้สึกถึงขนาดว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างน้องเกริกกับน้องมนตรี มีการทำอะไรในลักษณะที่ประชาชนมองว่าผิดกฎหมาย
หลังจากนั้นก็มีการโชว์เอกสาร ในสถานที่ราชการแห่งนี้ และมีประโยคตบท้ายที่เราทุกคนก็ไม่เชื่อ ว่าข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากตำรวจ สอท. ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ข้อมูลส่วนบุคคลของน้องเกริกกับน้องมนตรี หลุดออกไปสู่สาธารณะ ด้วยการโชว์เอกสารผ่านการถ่ายทอดสด ผ่านสื่อมวลชนหลายแขนง วันนี้อย่างที่หนึ่งเรามาแสดงความบริสุทธิ์ใจ สองมาแจ้งข่าวสาร สามเพื่อให้ได้อธิบายเตือนประชาชน ว่าการนำข้อมูลส่วนบุคคลมาเผยแพร่ อาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายได้ สี่ถ้าหากฝ่ายที่ปรึกษาทนายพิจารณาแล้วว่าเข้าข่ายที่จะสามารถดำเนินคดีอะไรได้ ผู้เสียหายทั้งสองก็จะดำเนินการต่อไป”
พล.ต.ต ชัชปัณฑกาณฑ์ : “จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทางสอท.1 ยังไม่รับทราบหรือรู้เรื่องการมาแจ้งอะไรต่างๆ ไม่มีเลย โดยเฉพาะมีภาพมาถ่าย มาแถลงอะไรในพื้นที่ของศูนย์ราชการ ก็ไม่ทราบเรื่องเลย งั้นตรงนี้จะขออนุญาตตรวจสอบ แต่เบื้องต้นกรณีนี้มันต้องระมัดระวัง การไปกล่าวพาดพิงอะไรต่างๆ ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง มันจะกลายเป็นหมิ่นประมาท เข้ากฎหมายอาญาหมิ่นประมาทด้วย ส่วนที่ 2 จะเข้าข่ายกฎหมาย PDPA
ก็ฝากเตือนว่าการจะเอาข้อมูลอะไรต่างๆ ไป มันต้องถูกต้องชัดเจน ถ้าผิดขึ้นมาจะกลายเป็นเรื่องเท็จ ข้อมูลทางราชการจะหลุดไม่ได้ ไม่ว่าจะเส้นทางการเงิน เบอร์โทร. แล้วบอกว่าหลุดจากส่วนราชการใดๆ มันผิดกฎหมาย เวลาจะมาทำธุรกรรมอะไร จะมาแจ้งความใครต้องชัดเจน ว่าเขาเป็นคู่กรณีกับเราไหม จริงหรือไม่ หรือเป็นอวตาร ตอนนี้เฟซบุ๊กอวตาร หรือเพจ หรือเว็บก็ยังมี ซึ่งตำรวจไซเบอร์ปิดเพจและเฟซฯ ที่ไม่ถูกต้องเยอะมาก ถ้ารู้ว่าชัดเจน เราก็ไปแจ้งกฎหมาย PDPA ได้ ไม่ต้องห่วงครับ ความลับที่อยู่ในส่วนราชการ ความลับในสำนวนบอกไม่ได้ครับ เป็นเรื่องผิดกฎหมาย”
เกริก : “ผมจะบอกว่าอย่าเดากันมั่วๆ การที่คุณจะทำอะไร จะใช้การคาดเดาไม่ได้ ถ้าไม่พอใจใครต้องสืบให้ดีก่อน ก่อนจะแอบอ้างหน่วยงานราชการ ไม่งั้นมันจะทำให้เกิดความเสียหายได้ การที่คุณมั่นใจแล้ว แล้วไปเอาข้อมูลจากอีกคนหนึ่งมาเปิดเผยอีกคนหนึ่ง ซึ่งผมไม่เกี่ยวกับพวกคุณเลย คุณมาทำแบบนี้มันไม่ถูกครับ (เขาแจ้งว่าเราเป็นเจ้าของเพจ?) เขามีเพจอวตารเพจหนึ่งครับ ซึ่งเปิดเป็นชื่อจริงนามสกุลจริงผมเลย แล้วก็มีพวกนั้นติดตามกันทุกคนเลยครับ คาดว่าคนที่ทำเพจนั้นก็คือนั่นแหละครับ (ยืนยันว่าไม่ได้ทำ?) ไม่ใช่ครับ ยืนยัน เอาเบอร์โทร.ผมเข้าดูเลยก็ได้ ว่าผมไม่มีเฟซบุ๊กนั้น
(ด้วยข้อมูลที่เขาอ้างอิงจากเบอร์โทร. เขาบอกว่าเราเป็นเจ้าของเพจอีกี้?) คือกี้เขาจะแอดไลน์มา แล้วก็ส่งเคสช่วยต่างๆ มาให้ผม อย่างเช่นคนโดนโกง เพื่อให้ผมนำไปส่งสื่อที่ผมรู้จัก อย่างเช่น น้องหญิง อมรินทร์ ผมก็จะส่งว่าเอาไหมเคสนี้ ถ้าเป็นฉ้อโกงที่ผมพอจะมีคอนเนกชั่นช่วยได้ ผมก็จะช่วยเลย เช่นติดต่อลูกหนี้ เคสช่วยของกี้จะมีเกี่ยวกับแม่และเด็กซะส่วนใหญ่ เช่นการฟ้องชู้ หาหลักฐาน (ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้าของเพจ หรือมีชื่อร่วมอยู่ในเพจนั้น?) เพจแรกผมเข้าไปร่วมช่วยน้องเขา เพราะน้องเขาป่วย เมื่อประมาณช่วงปี 66 แล้วหลังจากนั้นผมไม่ได้ยุ่งเลย แต่ถ้ามีเคสช่วย ผมจะเข้าไปช่วยเขา น่าจะ 100 เคสได้แล้วครับ เวลาเราช่วยใคร เขาก็จะมีการประกาศอยู่ในเพจเขา”
ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการโพสต์ด่า “แพรวพราว แสงทอง”
เกริก : “ไม่เกี่ยวครับ โพสต์นี่ไม่มีเลย สาบานด้วยเกียรติของอะไรก็ได้ ลูกเสือก็ได้ เป็นแค่คนรับเรื่องจากเพจอีกี้มาส่งสื่อ หรือจัดการและมีดีลเองด้วยครับ ที่สนิทสนมกับเจ้าของเพจ เพราะผมเคยช่วยเขา เพราะเขาป่วย และเกี่ยวกับเรื่องการเงิน แล้วน้องเขาก็เหมือนโอเคกับผม เวลามีอะไรก็ส่งให้ผม แต่ไม่เคยเจอตัวจริงครับ เราจะมีกลุ่มไลน์ที่เป็นคนสนิทอยู่ประมาณ 20 คน คือเขาจะทักแชตมาเอง ไม่มีเส้นทางการเงินเลย เขาไม่เคยรับเงินครับ อย่างเช่นมีทนายท่านหนึ่งกล่าวหาว่าเขารับจ้างด่า โพสต์ละ 1-2 พันบาท แต่จริงๆ มีคนให้มาอวย โพสต์ละประมาณ 3-5 พันบาท ซี่งมันไม่เมกเซ้นส์ อวยคนแล้วไม่ผิดกฎหมายดีกว่า ซึ่งฟ้องมามีชื่อผมด้วย ผมก็เอ๊ะ ผมไม่เคยด่าใครครับ”
ติดต่อเจ้าของเพจตลอด ห้ามแล้วอย่าไปอะไรกัน แต่ได้คำตอบว่าด่าเพราะหมั่นไส้ส่วนตัว
เกริก : “ติดต่อตลอดครับ น้องเขาก็ไม่หยุด ไม่มีใครห้ามเขาได้อยู่แล้ว เขาบอกว่าจะกลับมาปลายกรกฎาคม เขาบอกว่าเขาอยู่ บูกิต ติมาห์ สิงคโปร์ ก็บอกเขาว่ามันทำให้เราเดือดร้อน ก็บอกว่าเฮ้ยเบาๆ อย่าไปอะไรกันเลย ผมก็ห้ามปรามตลอดครับ เขาก็บอกว่าเขาหยุดแล้วครับ ตอนนี้เขาก็เหมือนหยุดนะครับ แต่ว่าพอทีอะไรที่มันเป็นประเด็นขึ้นมา เขาก็ใส่กันต่อ ผมก็ไม่เข้าใจตรงนี้ ถามว่าได้ถามไหมว่าเกลียดอะไรกัน ด่าขนาดนี้ เขาบอกว่าหมั่นไส้เฉยๆ ครับ หมั่นไส้ส่วนตัว”
เผยเจ้าของเพจอีกี้ จะมาไลฟ์ยืนยันให้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เกริก : “ไม่มีนะครับ ไม่เคยมีเส้นทางการเงินของเขากับผม เขาไม่ได้บอกว่าจะช่วยรับผิดชอบอะไร ส่วนใหญ่ผมจะรับผิดชอบอยู่แล้ว ในส่วนของเรื่องการเงิน อย่างน้องแบงค์ (มนตรี เพจบันเทิงหน้าตุ๊ด) ไม่มีค่าทนาย ผมก็เป็นคนออก ผมเป็นคนโอนเงินให้ทนายพัฒน์ เขาก็บอกว่าเขาจะไลฟ์สดช่วยยืนยันให้นะครับว่าเราไม่ได้เกี่ยวข้อง ช่วงกรกฎาคม แต่ว่าถามน้องมนตรีหน่อยครับ นี่คือผู้เสียหายตัวจริงครับ เป็นเหยื่อ”
มนตรี เพจบันเทิงหน้าตุ๊ด : “ของมนตรีเขาแอบอ้างว่าเราเป็นแอดมินเพจอีกี้ค่ะ ซึ่งทั้งหมดในสมการนี้ เราไม่เกี่ยวข้องเลย เรากับเขาเริ่มต้นโดยการที่เขาเอาภาพเราเมื่อ 10 ปีก่อนไปแขวนบนเพจของเขา บนเฟซบุ๊กส่วนตัวที่มีคนติดตาม 2 ล้านกว่าคน แล้วคนในวงก็แชร์ไป มีคอมมเมนต์บูลลี่ ด่าเรา ว่าเรา เป็นจำนวนมาก ซึ่งตรงนั้นเขาก็ขอโทษเราเรียบร้อย แต่เขาขอโทษผ่านไปที บอกว่าถ้าผิดก็ขอโทษแล้วกัน คือเราติดใจตรงนี้ ว่ามันไม่ใช่ถ้าผิด มันคือเรื่องผิดที่คุณไม่ควรมาแขวนใคร แล้วเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ เราไม่เคยว่าอะไรคุณเลย หลังจากนั้นเราก็โดนเขาฟ้อง โดนแขวน โดนด้อยค่ามาเรื่อยๆ”
อ.อ๊อด : “ก็คือโดนฟ้องทั้งคู่ ถึงได้มาขอความช่วยเหลือ แต่ว่าเรื่องต่างๆ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับทางตำรวจไซเบอร์นะครับ”
เกริก : “ดูลักษณะก็รู้แล้ว มันเป็นการแคปหน้าจอมือถือธรรมดา แล้วก็เอามาลง A4 3 อัน แล้วก็บอกว่าเชื่อมโยงกัน เขาบอกว่าเชื่อมโยงเบอร์มือถือกับอีเมล ก็สามารถให้เช็กได้เลยครับ ว่าผมกับแบงค์เพิ่งรู้จักกัน แบงค์ทำมานานแล้วครับ ผมเพิ่งมารู้จักแบงค์ ตอนเขาบอกว่าไม่มีค่าทนาย ผมไม่เคยติดต่อแบงค์มาก่อน หลังจากนั้นแหละก็โทร.หากัน 5 ครั้ง น้องจะไปเอาค่ามัดจำศาลคืน 1 พันบาท เพราะว่าน้องเขาฟ้องว่าเขาโดนฝั่งโน่นแขวนว่าเป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งไม่ควร แล้วลงข้อมูลส่วนบุคคลด้วยครับ”
จะแจ้งความกลับไหมขอดูท่าทีก่อน ท้าไปตรวจสอบคอมพิวเตอร์ที่บ้านได้
เกริก : “หลังจากนี้จะแจ้งความไหม เดี๋ยวผมดูก่อนครับ ว่าท่าทีเขาเป็นยังไง ถ้าเขาอยากเจรจาก็มา ถ้าเขาอยากฟ้องอยู่ก็มาเหมือนกัน ผมก็ไม่ได้หวั่นอะไร สามารถให้ไปตรวจบ้าน ตรวจสอบคอมพิวเตอร์ผมได้ทุกเครื่อง PC ไอแพด โน้ตบุ๊ก มาเลย มือถือนี่ก็ตรวจสดๆ ตอนนี้ได้เลย
ถามว่าทำไมเขาถึงมั่นใจว่าเบอร์และอีเมลเป็นของเรา มีเคสหนึ่งที่เกี่ยวกับคดีหนึ่งในโหนกระแส เขาอยากเรียกร้องความยุติธรรม เขาก็ส่งมาให้ผมช่วย ง่ายๆ เลยผมเป็นลูกตำรวจ ผมชอบทำตัวเป็นนักสืบตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว ผมก็จะมีคอนเนกชั่นเป็นเพื่อนผม รุ่นน้องผม ก็จะเป็นพวกตำรวจ ในฐานะที่เกิดมาในแฟลตตำรวจครับ คนรอบตัว 90 เปอร์เซ็นต์ก็จะเป็นตำรวจ ผมก็จะทำตัวเป็นนักสืบ คอยสืบข้อมูลให้ ว่าคนนี้ๆ มีจุดสงสัยตรงนี้ เราจะช่วยเขาได้ยังไง แล้วน้องมาบอกว่าเขาเป็นแพนิก แต่จริงๆ ทุกวันนี้ผมดูแล้วก็ไม่ใช่แพนิก แค่นั้นแหละครับ เขาออกข้อมูลมาจากคนคนนั้น”
ส่วนตัวไม่ค่อยได้รับผลกระทบ เพราะใช้ชีวิตคนเดียว อยู่แต่บ้าน
เกริก : “ผมไม่ค่อยได้รับผลกระทบเท่าไหร่หรอกครับ เพราะชีวิตผม คือผมมีเรื่องไม่ดีในชีวิตมาเมื่อประมาณ 9 ปีที่แล้ว แล้วผมก็ใช้ชีวิตคนเดียว เก็บตัวอยู่บ้าน ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าผมทำอะไร แต่เวลาที่เขาประกาศชื่อผมไป ผมก็อ้าว…เกี่ยวกับอะไรกับกู เพราะว่าส่วนใหญ่ชีวิตประจำวันผม ช่วยเด็กแถวบ้าน ช่วยหมา พ่อเมายาบ้าเอาลูกโยนคลองผมก็ไปช่วยเขา ให้ผมไปช่วยอพปร. ช่วยจราจรผมก็ไป ด้วยความที่เราสปิริตเป็นลูกตำรวจ แล้วผมเพิ่งปิดบริษัทไป ก็ว่างไม่ได้ทำอะไร”
ทนายพัฒน์ : “คือในส่วนของทางคุณมนตรี ก็ย้ำชัดตลอดว่าไม่ได้เป็นเจ้าของเพจอีกี้ แต่เป็นเจ้าของเพจบันเทิงหน้าตุ๊ด ถ้าหากมีความข้องใจ หรือว่าอยากเจรจา อยากพูดคุยเคลียร์ใจก็ยินดี เผื่อจะได้เข้าใจกัน จะได้ไม่มีการฟ้องร้องกันครับ”
ทนายเชอเบท : “ก็อยากฝากไว้นิดหนึ่ง ว่าก่อนจะแชร์ ก่อนจะโพสต์ ต้องให้ชัวร์ก่อน เพราะเดี๋ยวจะหน้าแตก แล้วก็จะโดนคดีนะคะ ต่อให้เป็นไวรัลก็ไม่มีใครช่วยค่าทนายคุณนะคะ”
ยืนยันสอท.1 ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้
พล.ต.ต ชัชปัณฑกาณฑ์ : “มันยังไม่ได้เป็นคดีเลย ยังไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยครับ ก็งง น่าจะเกี่ยวกับว่าวันนั้นเขามาที่ศูนย์ราชการ แล้วก็มาบันทึกภาพอะไรต่างๆ แล้วเห็นตราของไซเบอร์เลย แต่เรื่องนี้ไม่มีเข้ามาเลย ไม่ได้รับเรื่อง ไม่รู้เรื่อง และยังไม่เจอตัวเลยคือคนไหนยังไง ก็ดูให้ดีนะครับ โดยเฉพาะไปแอบอ้างศูนย์ราชการ ต้องระมัดระวังมันจะมีความผิดด้วย ไปแอบอ้างไม่ได้ ถ้าข้อมูลไม่จริงแล้วไปแชร์มามันผิดกฎหมายและมีความผิดเรื่อง PDPA นะครับ มีอะไรทางตำรวจไซเบอร์ก็พร้อมดูแลทุกคนครับ ให้ความเป็นธรรมทุกคน ความจริงมันต้องปรากฎ ใครถูกใครผิดต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมายไปครับ”
