xs
xsm
sm
md
lg

คืนนี้ผีมาคุย : เรื่องสยองในห้องถ่ายทอดสด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา



“เรื่องผี” หรือเรื่องลี้ลับ คือเนื้อหายอดนิยมอีกประเภทหนึ่งซึ่งครองใจผู้ชมผู้ฟังอย่างไม่เสื่อมคลาย ถึงแม้จะกลัวผีเป็นชีวิตจิตใจ แต่หลายคนก็ชอบที่จะฟังหรือดู บางคนถึงขั้นว่า ถ้าไม่ได้ฟังเรื่องผีนี่นอนไม่หลับ หรือบางคนก็ใช้การฟังเรื่องผีเป็นเหมือนยานอนหลับกล่อมนอนไปเลยก็มี

วัฒนธรรมการเล่าเรื่องผี มีมาแต่นมนานกาเล ตั้งแต่การล้อมวงเล่ารอบกองไฟยามค่ำมืด จนถึงยุควิทยุที่มีเรื่องผีได้รับความนิยมอย่างเป็นล่ำเป็นสัน อย่างของบ้านเรา ก็มีตั้งแต่ละครผีทางวิทยุอย่างรายการ “ขบวนการลูกนกฮูก” และรายการ “ไนน์ตี้ช็อค” ที่ให้ผู้ฟังทางบ้านโทรมาเล่าเรื่องผีเหมือนเพื่อน ๆ เล่าสู่กันฟัง จากนั้นจึงเข้าสู่ยุคโทรทัศน์ที่เรื่องผีออกมาหลอกหลอนคนดูบนหน้าจอ ตามด้วยยุคสื่อโซเชียลเฟื่องฟูที่ “เรื่องผี” นับเป็นคอนเทนต์อันดับต้น ๆ ที่เรียกยอดวิวจากคนดูผู้ฟังได้เป็นอย่างดี

ไม่ว่าจะอย่างไร เรื่องผี ก็ยังคงเป็นความลี้ลับที่มีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อว่ามีจริง แต่ “ความอยากรู้อยากเห็น” ในเรื่องผีก็ไม่เคยคลายหายไป มีหลายคนพยายามพิสูจน์ด้วยวิธีการต่าง ๆ กัน และความเชื่อกับไม่เชื่อนั้น ก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในแง่มุมที่ได้รับการนำเสนอผ่านหนังเรื่องนี้ Late Night with the Devil หรือชื่อไทยว่า “คืนนี้ผีมาคุย”


หนังเรื่อง Late Night with the Devil จับเอาช่วงเวลาที่ผู้คนยังเสพรับเรื่องราวข่าวสารจากหน้าจอโทรทัศน์ พาเราย้อนกลับไปในอเมริกาในช่วงยุค 70 พร้อมออกสตาร์ทด้วยการเล่าแบบผ่าน ๆ ถึงสภาพสังคมอันชวนให้รู้สึกอลหม่านจากเหตุการณ์หลายอย่าง ทั้งวิกฤติพลังงาน การเหยียดผิวที่นำไปสู่ความรุนแรงและไม่ไว้วางใจระหว่างกัน รวมทั้งสงครามเวียดนามที่เต็มไปด้วยความสูญเสียของเหล่าทหารอเมริกันที่ไปรบ หรือแม้กระทั่งการผุดขึ้นของลัทธิประหลาดบูชาปีศาจด้วยพิธีกรรมอันน่าหวาดสะพรึง

ภาพเหล่านี้ได้รับการบันทึกทั้งในรูปแบบภาพนิ่งลงทางสื่อสิ่งพิมพ์ และภาพเคลื่อนไหวที่ส่งมาทางหน้าจอโทรทัศน์จนอาจกล่าวได้ว่า แม้นั่งนอนอยู่ในบ้าน แต่ภาพแห่งความรุนแรงและความกลัวเหล่านั้นก็ส่งผ่านให้ประชาชนรับรู้และดำรงอยู่ด้วยใจอันไม่สงบ

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้สื่อเคลื่อนไหวอย่างโทรทัศน์จะนำเสนอภาพอันน่าหวาดกลัวและหวั่นวิตกเหล่านั้น แต่ในอีกด้าน มันก็เป็นสื่อที่มอบความบันเทิงให้กับผู้คนด้วย จากรายการบันเทิงที่มีให้ชมอยู่เรื่อย ๆ ตลอดทั้งวันไปจนถึงดึกดื่น ซึ่งรายการทอล์กโชว์อย่าง “ไนท์ อาวล์” (NIGHT OWLS) ทางช่องยูบีซีก็เป็นหนึ่งในนั้น


รายการนี้ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อกระชากเรตติ้งให้กับช่อง ด้วยหวังว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในบรรดารายการบันเทิงยามค่ำคืน โดยมีอดีตนักจัดรายการวิทยุชื่อดังอย่าง “แจ็ค เดลรอย” มาเป็นพิธีกรดำเนินรายการ ซึ่งถ้าจะกล่าวให้แง่ของความสำเร็จ ก็ได้ในระดับที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถโค่นเบอร์หนึ่งที่อยู่มาก่อนอย่างรายการทอล์กโชว์ของจอห์นนี่ คาร์สัน ที่ออกอากาศอยู่อีกช่องหนึ่งได้

แต่ถึงแม้จะเป็นรองในเวลานั้น ก็ไม่เลวร้ายเท่ากับว่า เมื่อภรรยาของแจ็คเสียชีวิต ส่งผลสะเทือนต่อจิตใจของเขาอย่างรุนแรงจนทำงานทำการไม่ได้ ขณะที่เรตติ้งรายการก็เลวร้ายลงไปอีก เขาหลบหน้าหายไปจากหน้าจอนานพอสมควร ก่อนจะกลับมาพร้อมกับไอเดียใหม่ที่จะแก้ปัญหาให้เรตติ้งพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการจัดรายการทอล์กโชว์แบบพิเศษสุดในคืนวันที่ 31 ตุลาคม ตรงกับวันฮาโลวีน ซึ่งตามความเชื่อคือวันปลดปล่อยภูติผีปีศาจ

โดยแขกรับเชิญที่เขาเชิญมาร่วมทอล์กโชว์ในค่ำคืนนี้ มีทั้งคนที่เชื่อและไม่(ค่อยอยากจะ)เชื่อในเรื่องการมีอยู่ของผีหรือวิญญาณ โดยในฝั่งของคนที่เชื่อ ก็มีตั้งแต่ “คริสตู” ชายวัยกลางคนที่ระบุอาชีพว่าเป็นนักเชื่อมจิตและบอกว่าตัวเองสามารถสื่อสารกับวิญญาณของคนตายได้ คนต่อมาคือ หมอจูน จิตแพทย์ที่มาพร้อมกับเด็กหญิงวัยรุ่นซึ่งคุณหมอบอกว่าเธอสามารถเชื่อมจิตกับวิญญาณร้ายที่ชื่อริกเกอร์ได้ ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งก็มี “คาร์ไมเคิล เดอะ คอนจูเรอร์” ซึ่งดูจะยืนยันเสียงแข็งว่าผีไม่มีจริงและทุกสิ่งที่เห็นเป็นเพียงการแสดงหลอกตาผู้คนเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การมารวมตัวกันของคนทั้งหมด กลายเป็นปฐมบทของความสยองในห้องถ่ายทอดสดที่ทำเอาคนดูตื่นตะลึงไปตามกัน


อย่างไรก็ตาม Late Night with the Devil เป็นหนังผีที่ดำเนินเรื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือเป็นหนังสยองขวัญในแบบสโลว์เบิร์น (Slow Burn) ที่ค่อย ๆ ตะล่อมคนดูให้เข้าไปอยู่ในบรรยากาศแห่งความน่าพิศวงและน่าสะพรึงก่อนจะทุ่มหมัดฮุกอย่างจัง ๆ ในตอนจบ แม้จะไม่มีจังหวะแบบ Jump Scare แต่ก็ตรึงความสนใจให้เรานั่งอยู่นั่งดูไปกับผู้คนในสตูดิโอถ่ายทอดสดได้ตลอดรอดฝั่ง

ส่วนหนึ่งก็คงต้องยกเครดิตให้นักแสดงอย่าง “เดวิด แดสท์มัลแชน” (David Dastmalchian) ที่รับบทแจ๊ค เดลรอย ได้อย่างกินขาด เขาทำให้เรารู้สึกเชื่ออย่างสนิทใจในฐานะพิธีกรดำเนินรายการมืออาชีพที่ตรึงคนดูให้อยู่กับรายการได้แบบไม่เปลี่ยนช่องหนีไปไหน

ที่สำคัญ หนังมีการปูรายละเอียดของตัวละครแจ๊คในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภรรยา เรื่องสมาคมลับ ๆ ที่เขาเข้าร่วม หรือความทะเยอทะยานที่อยากจะเป็นเบอร์หนึ่งซึ่งไม่เคยเหนื่อยล้าที่จะเปล่งประกายอยู่ในสายตาของเขาอยู่เสมอ ฯลฯ รายละเอียดทั้งหลายทั้งปวงเกี่ยวกับตัวเขาที่หนังให้มา จะเป็นจิ๊กซอว์ให้เชื่อมโยงและเข้าใจกระจ่างแจ้งในตอนสุดท้ายว่าอะไรเป็นอะไร มันคือยังไงกันแน่


ขณะที่อีกตัวหนึ่งละครที่น่าพูดถึงก็คือ “ลิลลี่” สาวน้อยที่ได้รับการยืนยันจากจิตแพทย์ประจำตัวว่า เธอสามารถมองเห็น ติดต่อ หรือเป็นร่างทรงของปีศาจได้ ว่ากันตามจริง ไม่ต้องเห็นผีตัวเป็น ๆ แต่แค่เห็นท่าทางการแสดงออกของน้องลิลลี่ก็ชวนให้รู้สึกหลอนอย่างประหลาดได้แล้ว สายตาของเธอที่มองตรงไปยังกล้อง แทนที่จะมองคนที่สนทนาอยู่ด้วย ก็ยิ่งชวนให้อดคิดไม่ได้ว่า เธอกำลังมองหรือกำลัง “เห็น” อะไรที่คนอื่นมองไม่เห็นหรือเปล่า

ส่วนตัวละครที่นับได้ว่าสำคัญมากอีกตัวหนึ่ง ก็คือ อดีตนักมายากลที่ไม่เชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติ และมารายการด้วยความรู้สึกอยากท้าพิสูจน์ความจริงกรณีของลิลลี่ เขาคือตัวแทนของคนอีกฟากหนึ่งซึ่งไม่เชื่อเรื่องผี ๆ สาง ๆ และนักแสดงที่มารับบทนี้ก็เล่นได้ดีเหลือเกิน ด้วยบทบาทที่ยียวนกวนประสาทและทำเหมือนเก่งรู้ไปซะหมด และนั่งแซะอีกฝั่งตลอดทั้งรายการ

สุดท้ายแล้วคงต้องยอมรับว่า Late Night with the Devil คือประจักษ์พยานหลักฐานชั้นดีที่บอกว่า หนังผีที่ดี ไม่จำเป็นต้องปล่อยผีออกมาหลอกคนดูทุก 5 หรือ 10 นาทีเสมอไป แต่การมีบทที่ดี ชั้นเชิงการเล่าเรื่อง พร้อมกับวางเซอร์ไพรส์ไว้ตามจุดต่าง ๆ ให้ค้างคาใจและดึงดูดคนดูให้อยากไปต่อเรื่อย ๆ จนจบเรื่อง ก็นับเป็นวิธีการชั้นดี เหมือนรายการทีวีที่ดี ที่ผู้ชมอยากดูตั้งแต่จนจบรายการ ซึ่ง Late Night with the Devil ทำได้สำเร็จงดงาม



















กำลังโหลดความคิดเห็น