กลายเป็นข่าวใหญ่เมื่อ จัสติน ทิมเบอร์เลค ถูกจับข้อหาเมาแล้วขับในเมืองแซ็กฮาร์เบอร์ ลองไอส์แลนด์ นิวยอร์กในช่วงเช้าของวันอังคาร และได้รับการปล่อยตัวโดยไม่ต้องประกันตัวหลังจากถูกตั้งข้อหาขับรถขณะมึนเมา
แถลงการณ์จากตำรวจซากฮาร์เบอร์ระบุว่า จัสติน ทิมเบอร์เลค ขับรถ BMW ของเขาผ่านป้ายหยุดและไม่อยู่ในเลนขวา
เมื่อถูกสั่งให้จอด เพื่อตรวจสภาพ ตำรวจพบว่าดวงตาของศิลปินดัง “แดงและขุ่น” และมี “กลิ่นแอลกอฮอล์แรงมากจากลมหายใจ” ตามเอกสารการตั้งข้อหา คำพูดของเขาช้าและเขาทำได้ไม่ดีในแบบทดสอบความสมดุล นอกจากนี้เขายังปฏิเสธการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจ ทำให้งานนี้ถูกตั้งข้อหาเพียงข้อหาเดียวเนื่องจากปฏิเสธการทดสอบลมหายใจ และได้รับใบสั่งศาลเพิ่มเติมสองใบในข้อหาฝ่าเครื่องหมายหยุดและไม่อยู่ในเลนที่ถูกต้อง
ขณะนี้ จัสติน ทิมเบอร์เลค กำลังอยู่ในทัวร์ Forget Tomorrow World Tour กำลังจะเดินทางไปแสดงที่ ชิคาโกและ Madison Square Garden ในนิวยอร์ก ซึ่งข่าวบอกว่าจะมีการพิจารณาคดีมีกำหนดในวันที่ 26 กรกฎาคม แต่ จัสติน ทิมเบอร์เลค จะมีคอนเสิร์ตที่โปแลนด์ในวันเดียวกันด้วย
ซึ่งสุดท้ายแล้ว อาจได้รับโทษปรับและการพักใช้ใบขับขี่ในนิวยอร์กเป็นเวลา 90 วัน เนื่องจากเป็นความผิดทางอาญาแต่เป็นความผิดฐานความผิดเบา แถมเจ้าตัวยังไม่มีประวัติอาชญากรรมมาก่อน
แต่ที่กลายเป็นประเด็นฮาในหมู่ชาวเน็ตก็คือ ตำรวจที่จับกุมตัวไม่รู้ว่า จัสติน ทิมเบอร์เลค คือใครด้วยซ้ำไป
โดยเฉพาะตอนที่ จัสติน ทิมเบอร์เลค เปรยหลังโดนจับว่า ทัวร์ของตัวเองคงพังเพราะเรื่องนี้แน่ ๆ ตำรวจกลับงง เพราะไม่เข้าใจว่าหมายถึงทัวร์อะไรแน่ จน จัสติน ทิมเบอร์เลค ต้องย้ำว่าเป็นเวิร์ลทัวร์
งานนี้ชาวเน็ตแซะกันใหญ่ว่า จัสติน ทิมเบอร์เลค คิดจริง ๆ เหรอว่า ตำรวจจะรู้จักทัวร์คอนเสิร์ต Forget Tomorrow World Tour ของเขา
ข่าวอื้อฉาวครั้งล่าสุด ถูกมองว่าเป็น “ส่วนหนึ่ง” ของ “ขาลง” ของ จัสติน ทิมเบอร์เลค ไปแล้ว หลังเจ้าตัวถูกวิจารณ์หนักเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอดีตกับ บริตนีย์ สเปียร์ส และผลงานในระยะหลังก็ไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จเหมือนเดิม
ประเด็นดังกล่าวมีที่มาจาก บริตนีย์ สเปียร์ส ได้เล่าเรื่องราวของเธอในหนังสือบันทึกความทรงจำ "The Woman in Me" ซึ่งเป็นหนังสือที่เธอเปิดเผยเรื่องราวความสัมพันธ์กับทิมเบอร์เลค โดยเธอบอกว่าเธอถูกมองว่าเป็น "หญิงเจ้าชู้ที่ทำให้เจ้าชายทองของอเมริกาหัวใจสลาย"
“ในฮอลลีวูดผู้ชายมักจะมีสิทธิพิเศษมากกว่าผู้หญิงเสมอ” เธอเขียน “และฉันเห็นว่าผู้ชายได้รับการสนับสนุนให้พูดจาไม่ดีเกี่ยวกับผู้หญิงเพื่อจะมีชื่อเสียงและอำนาจ”
ในตอนนั้น ทิมเบอร์เลค ปล่อยเพลง "Selfish" ซึ่งเป็นเพลงแรกในรอบเกือบหกปี แต่กลับไม่ค่อยประสบความสำเร็จสัก
บทวิจารณ์จากเว็บไซต์ Consequence แพร่กระจายอย่างรวดเร็วโดยกล่าวว่า “ตลอดสิบปีที่ผ่านมา เขาเข้าสตูดิโอกับนักทำเพลงที่มีชื่อเสียงมากมาย แต่สุดท้ายก็ได้เพลงที่มีชีวิตชีวาประมาณต้นไม้แห้ง”
หลายวันหลังจาก สเปียร์ส เปิดใจเกี่ยวกับผลกระทบที่หนังสือของเธอมีต่อ จัสติน เขากลับบอกกับผู้ชมคอนเสิร์ตในนิวยอร์กว่า “ผมอยากใช้โอกาสนี้ขอโทษ...ไม่ขอโทษใครเลย”
คำพูดของเขาทำให้แฟน ๆ ของสเปียร์สโกรธเคืองอย่างหนัก โดยพวกเขาใช้โซเชียลมีเดียเพื่อรณรงค์ให้เพลง "Selfish" ของสเปียร์สในปี 2011 ขึ้นอันดับสูงกว่าเพลงของทิมเบอร์เลคในชาร์ต iTunes ของสหรัฐอเมริกา
สุดท้ายอัลบั้มที่ 6 ของ จัสติน ทิมเบอร์เลค "Everything I Thought I Was" ก็ปล่อยออกมาในเดือนมีนาคมแม้จะขึ้นถึงอันดับ 4 Billboard 2000 แต่สุดท้ายก็ค่อย ๆ เงียบไป โดยไม่สามารถสร้างกระแสอะไรได้มากนัก
งานนี้ แฟนๆ ของ บริตนีย์ สเปียร์ส ถึงขั้นขุดคลิปเก่าขึ้นมา
ในคลิปนั้นดูเหมือนว่า จัสติน จะตักเตือนอดีตแฟนสาวให้ "หยุดดื่ม" และ "เลิกทำตัวเหลวไหล" ขณะรับรางวัล Brit Award เมื่อหลายปีก่อน โดยมีข้อความที่บันทึกล่วงหน้าเตือนว่า "หยุดดื่ม คุณรู้ว่าเป็นใคร ผมกำลังพูดกับคุณ หยุดดื่ม คุณจะทำตัวเหลวไหล โอเค จะมีคนพูดไม่ดีเกี่ยวกับคุณ" แต่ในวันนี้คนเตือนกลับมาโดนจับซะเอง