“ครูไพบูลย์ แสงเดือน” เจ้าของฉายา กงยูเมืองไทย ขอเปิดใจแบบหมดเปลือกหลังลุกขึ้นมาดูแลตัวเอง ฟิตหุ่นล่ำมัดใจสาวๆ พร้อมอัปเดตชีวิตหลังเลิกรากับอดีตภรรยาเด็ก ถึงขั้นทำชีวิตล้มไม่เป็นท่า แถมตอบกระแสสังคมทำคอนเทนต์ขอสาวแต่งงาน จนคนในโซเชียลบูลลี่กระหน่ำ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา และชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
อยากบอกอะไรกับชาวเน็ตที่ให้เกียรติเราเป็นกงยูเมืองไทย?
ครูไพบูลย์ : “ตอนแรกเรายังไม่ได้รู้สึกว่าเราจะไปเหมือนใคร แต่พอน้องส่งมาให้ดู เนี่ยเขาเอาไปเปรียบเทียบกับดาราเกาหลี เราเคยดูหนังเขา แต่เราไม่เหมือนนะ เขาหล่อ เท่ หุ่นดีมากเลย แต่เรายังย้วยอยู่เลย แต่ก็ไม่เป็นไร ก็ต้องขอบคุณที่ทำให้เราได้ไปเหมือนคนที่เป็นซูเปอร์สตาร์”
ตอนที่เห็นครั้งแรกรู้สึกยังไง?
ครูไพบูลย์ : “ผมเฉยๆ เราไม่รู้ไงว่าเราไปเหมือนตรงไหน ใครเป็นใคร เอาตรงๆ ในเรื่องของดารา ผมไม่ค่อยเป็นติ่งของดาราเกาหลี ส่วนใหญ่เราจะทำงานของเรา อาจจะเป็นการแซวๆ แบบขำๆ ของเขา”
หรือเป็นเพราะว่าการเปลี่ยนลุคของครูไพบูลย์หรือเปล่า?
ครูไพบูลย์ : “ก็อาจจะมีส่วน แต่ถ้าในมุมผมมอง น่าจะหยอกล้อ เล่นแกล้งๆ ขำๆ บูลลี่บ้าง ถามว่าเราช็อกหรือรับได้ไหม มันมีทั้งสองมุม รับได้ ในส่วนที่รับไม่ได้ก็มี”
ตอนนี้ดูดีขึ้น เปลี่ยนไปเยอะมาก รูปร่างหน้าตา รวมถึงหุ่นด้วย หรืออกหักครั้งล่าสุด?
ครูไพบูลย์ : “เอาเรื่องอกหักก่อนแล้วกัน ก็ไม่เชิงว่าจะดาวน์ 100% มันประมาณ 60-70% มันเป็นเรื่องที่เราคุยกันมานานแล้วแหละ คุยกันมาจนนาทีสุดท้ายของการสิ้นสุดทางรัก ทุกคนต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน เราเลิกรากันไม่ได้มีปัญหาที่เคืองใจกัน แต่ด้วยความที่เรารัก ไม่ว่าจะเกิดขึ้นยังไง จะเลิกรายังไงมันต้องเสียใจทั้งสองฝ่าย แต่เราเสียใจ เพราะเราไม่ได้เตรียมใจ”
ถ้าหลายคนไม่รู้ว่าเลิกกันเพราะอะไร คงคิดว่าประชดชีวิตแน่เลย ปรับตัวเป็นคนใหม่?
ครูไพบูลย์ : “ก็มีส่วนครับ หมายความว่าเรามีเวลาอยู่กับตัวเอง เราใช้เวลาอยู่กับการเที่ยว ดื่ม อยู่ 3-4 เดือน ช่วงเฮิร์ต แล้วมีง้อน้องเขา แต่พอเราอยู่คนเดียว ถ้าจะใช้ชีวิตแบบนี้เสียเวลา เงินไม่มี งานไม่มี ยิ่งทำตัวเองดาวน์ไม่ได้ กลับมาเข้าฟิตเนส เข้ายิม ออกกำลังกาย เจอเพื่อนพี่น้อง เวลามันเริ่มดีขึ้น”
เปลี่ยนลุคตัวเองดูดีขึ้นจริงๆ ทำอะไรมาบ้าง?
ครูไพบูลย์ : “เรื่องของศัลยกรรมมีแค่จมูก แต่ก็ทำตั้งแต่อยู่ด้วยกันกับแฟน จะปีนึงแล้ว ด้วยความผอมมันเลยชัดขึ้น ไม่ได้จิ้มอะไรที่หน้า เป็นคนกลัวเข็ม เคยมีโรงพยาบาลชั้นนำจะให้เราไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ ทำเสริมคาง ฉีด ตอนแรกก็ตกลง แต่คิดไปคิดมาเราก็กลัว ไม่กล้า ก็คุยกับน้องที่เป็นเทรนเนอร์ว่ามันสามารถลดได้ไหม โดยที่เราไม่ต้องฉีด เขาบอกว่าได้นะ แค่มีวินัย เผอิญว่าวินัยของผมคือดื่มทุกวัน เมา เขาบอกผมเป็นคนเดียวที่เข้ายิมแล้วกินเหล้าหนัก ซึ่งเขาไม่แนะนำ เพราะเวลาที่เล่นมันจะเหนื่อยเพิ่ม เราเลยพยายามมีคนเซฟ มีเทรนเนอร์ เพราะบางทีเราอาจจะพลาดได้”
พอเห็นซิกแพ็กชัดขึ้น อวดฉ่ำเลยนะครู?
ครูไพบูลย์ : “มันก็ยังไม่ได้ 100% ผมมาเล่นจริงจังประมาณ 5 เดือน”
อีกอย่างที่เปลี่ยนคือผม?
ครูไพบูลย์ : “ผมไม่แน่ใจว่ามันทรงอะไร ตอนทำผมบอกว่าอยากทำให้ผมฟู ตั้ง ไม่ใช่ฟูเป็นหยองๆ”
จากวันที่เริ่มดูแลตัวเอง จนถึงตอนนี้ลงไปกี่โล?
ครูไพบูลย์ : “ประมาณ 7 กิโล ไม่ได้ควบคุมการกินนะ การออกกำลังกายของผม คือไม่คุมอาหาร ถามว่าพยายามกินโปรตีนไหม ก็พวกไก่ พวกไข่ธรรมดาที่พยายามกิน แต่เวย์ไม่ได้แตะเลย ก็มีซื้อบ้างเวลาหิวข้าวไปซื้อเวย์จากเซเว่นมากิน พอไม่หิวแค่นั้น ผมเน้นโฟกัส น้ำหนักไม่ค่อยซีเรียสว่าต้องเล่นหนักมาก หนักน้อย เทรนเนอร์ผมก็บอกว่าเราเน้นลีนและให้มันชัดแค่นั้นครับ”
ดีขนาดนี้ เปลี่ยนแปลงขนาดนี้ก็ยังมีคนบูลลี่อยู่?
ครูไพบูลย์ : “เวลาคนมอง มันแล้วแต่มุม บางคนด้วยจิตใต้สำนึก เขาไม่ชอบอยู่แล้วทำยังไงก็ไม่ใช่ เลยรู้สึกว่าเราไม่โฟกัสตรงนั้น เรามองแค่ว่าเราเป็นสีสันให้เขาดีกว่าไหม เป็นสนามอารมณ์ให้เขาได้”
คำพูดด้วย โชว์หุ่นด้วย แบบนี้จะออกแนวเซ็กซี่ 18+ ไหม?
ครูไพบูลย์ : “ด้วยความเป็นคนอีสาน ผมเป็นหมอลำ หมายถึงว่าครอบครัวเราอยู่กับลูกทุ่งอีสาน หมอลำ เรื่องเพศเรามองให้มันเป็นศิลปะ เหมือนหมอลำซิ่ง เขาจะคุยเรื่องเพศเป็นเรื่องสนุก มันเป็นกุศโลบายในการสอนคน พูดเรื่องเพศไม่ใช่เพราะลามก แต่เราพูดเพราะสร้างสีสัน ความสนุกสนาน ให้คิดว่าอย่าทำแบบนี้นะ”
หรือว่าอีกมุมนึงเป็นไปได้ไหม บางทีคนเราโสด สามารถดูแลตัวเองแล้วก็บริหารเสน่ห์ไปด้วยในตัว ก็เป็นการอ่อยเบาๆ ไหม?
ครูไพบูลย์ : “ก็พยายามเหมือนกันนะ แต่มันไม่มีใครมารู้สึกว่าเราอ่อย เราอาจจะไม่ใช่สเปกเขาก็ได้ ส่วนรูปที่โพสต์ไปบางครั้งก็ตั้งใจ บางครั้งก็พลาด ลืมเช็ก แต่ก็ไม่เป็นไร กลับเป็นเรื่องตลกของเขา ผมจะโพสต์ยังไง เขาจะแซวเราอยู่แล้ว ผมเลยบอกไง ผมไม่โกรธ ทำเลยผมให้คุณเต็มที่ ผมเป็นสนามอารมณ์ให้ได้ ผมเป็นสีสันของชีวิตได้ คุณมีความสุขผมก็แฮปปี้ ที่จริงชีวิตผมเศร้านะ เป็นคนโสดที่เศร้ามาก”
ตอนนี้ผันตัวเป็นอินฟลูฯ หรือยัง ?
ครูไพบูลย์ : ใช่ ก็มาในทางนั้น เมื่อก่อนผมไม่เคยแต่งตัวแบบนี้เลย ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ ไม่เคยจัดทรงผม ไม่เคยทาแป้งที่หน้าเลย เพราะผมอยู่เบื้องหลัง แต่พอชีวิตเราเปลี่ยนแปลงไป มีคนรู้จักเราเพิ่มมากขึ้น จากคนเบื้องหลังมาสู่เบื้องหน้า ยิ่งตอนเรามาเลิกกับแฟน ก็เริ่มมีประเด็นดรามาอะไรเยอะแยะ จนสุดท้ายจากเบื้องหลัง ผมได้มาอยู่เบื้องหน้า จนมารู้ว่าเขาเป็นอินฟลูฯ ยังไง เขาทำยังไง มีหน้าที่ทำอะไร”
ทำไมเราเน้นคอนเทนต์เปิดตัวแฟน จีบสาว?
ครูไพบูลย์ : “ผมเคยทำคอนเทนท์ แต่เขาไม่สนใจ สังคมจะสนใจถ้าผมเล่นกับผู้หญิง เพราะว่าประเด็นดรามาหลักๆ ของผม มันเกิดจากผู้หญิง เริ่มจากแฟนที่เป็นแม่ของลูกคนแรก แล้วก็มาน้องกระต่าย มันก็เป็นเรื่องของผู้หญิง แต่ถ้าเป็นชาวบ้านปกติก็ไม่เป็นไร เลิกแฟน มาเอาแฟนคนใหม่ มันก็เป็นเรื่องปกติ แต่ด้วยเราถูกสังคมมอง และจับจองด้วยคำว่าครู มีหลายคนถาม ว่ายังเป็นครูอยู่ไหม ผมก็พยายามตอบ ว่าผมลาออกออกจากราชการตั้งแต่ปี 61 แล้ว ผมไม่ได้เป็นครูมา 6-7 ปีแล้ว แต่คุณยังเรียก แต่ก็ไม่เป็นไรครับ บางคนมาถาม สอนอยู่ไหม ไม่ไปสอนหรอ ก็บอกไปว่าไม่ได้เป็นครู”
ไม่กลัวคนเข้าใจผิดเหรอ ว่ามีแฟนอยู่แล้วเปลี่ยนอีกแล้ว หรือจริงๆ บอกทุกคนว่ามันเป็นแค่คอนเทนต์?
ครูไพบูลย์ : “บางทีเราก็มีสับขาหลอกบ้าง อยากให้เขาคิดบ้าง อยากให้เขาไปติดตามน้องคนนั้น บางทีเราก็อยากสร้างพื้นที่ ที่มันเป็นยอดฟอลโลว์ ไปติดตามเขา ไปดูชีวิตเขา ไปดูผลงานเขาอะไรแบบนี้”
รูปคุกเข่าขอแต่งงานก็เป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์?
ครูไพบูลย์ : “ใช่ เราถ่ายเอ็มวีกัน”
อีกหนึ่งคอนเทนต์ก็คือไปทำงานกับหนูรัตน์ ตอนนั้นโดนกระแสยังไงบ้าง?
ครูไพบูลย์ : “ผมตั้งใจว่ามันต้องโดนอยู่แล้ว ผมต้องเป็นเดอะแบกอยู่แล้ว เดี๋ยวก็ว่าไปเกาะน้อง ซึ่งที่จริงแล้วมันไม่มีใครเกาะใคร มันเป็นเรื่องของการทำงานร่วมกัน เป็นเรื่องของการสร้างด้วยกัน หมายถึงว่าถ้าเราไปด้วยกันแล้วมันได้ในเรื่องของการงาน ก็โอเค แฮปปี้ วินวินทั้งสองฝ่าย แต่ถ้ามันไม่แฮปปี้ก็ไม่ได้เสียอะไรเลย เพราะเราต่างบริหารจัดการอย่างถูกต้อง ไม่ได้บอกว่าต้องไปจีบกัน ต้องเป็นแฟนกัน เพราะว่าด้วยเวย์ชีวิต การงาน ไลฟ์สไตล์ มันคนละอย่างกัน”
หลายคนก็จะกังวลว่าหนูรัตน์จะเสียใจหรือเปล่า เขาจะคิดจริงไหม?
ครูไพบูลย์ : “ไม่ๆ หนูรัตน์ เป็นผู้หญิงที่ชอบทำงาน เขาชอบทำงานหาเงิน อยากมาช่วยทำด้วยกัน แต่เนื่องด้วยเราอยู่คนละที่ มันไกลกัน อีสานกับภาคกลาง เพราะผมจะอยู่ที่ต่างจังหวัดสักส่วนใหญ่ มันก็เลยทำให้งานคู่เราไม่ค่อยต่อเนื่อง”
แสดงว่าก่อนที่จะมีภาพออกสื่อมา หนูรัตน์เข้าใจว่านี่คืองาน?
ครูไพบูลย์ : “ใช่เป็นงาน เขาจะคิดนั่นคืองาน เราจะเรียกกันพี่ชาย น้องชาย พี่สาว น้องสาว อะไรอย่างนี้”
แต่ภาพที่ออกมามันจิ้นมาก บางไลฟ์สดถึงเนื้อถึงตัว หอมแก้ม?
ครูไพบูลย์ : “เขาเก่ง เขาเป็นนักแสดง สามารถสร้างความน่าสนใจได้จากงานของเขา”
เคลียร์หน่อยทำไมถึงเอาหนูรัตน์มาเป็นคู่จิ้น เหมือนกับว่าเอาความรู้สึกของผู้หญิงมาล้อเล่นหรือเปล่า อยากเคลียร์กับคนที่สงสัยยังไงบ้าง?
ครูไพบูลย์ : “ไม่ครับ ต้องขอโทษพี่ๆ ที่มองว่ามันจะเป็นความรักจริงไหม แต่อย่าลืมว่าพวกเราเป็นอินฟลูฯ เป็นสายคอนเทนท์ สายสร้างงาน ถ้าผมไปทำกับคนอื่นก็ไม่ต่างกับหนูรัตน์ แต่ด้วยคนมองว่าหนูรัตน์อาจจะไม่เหมือนเรา เขาอาจจะคิดจริงไหม จริงๆ หลังบ้านเราไม่ได้เป็นแบบนั้น”
คอนเทนต์เรื่องการจีบสาวยังทำอย่างต่อเนื่อง?
ครูไพบูลย์ : “ทำไปจนกว่าจะมีแฟน แต่ตอนนี้ยังไม่มี ผมพูดมาตลอด ไม่มีใครกล้าเข้ามา ณ เวลานี้ ถ้าเข้ามาโดนสืบเลย”
เปรยๆ มาว่าผมเป็นคนโสดที่เศร้านะ ทำอะไรก็โดนจับจ้อง โดนบูลลี่ จริงๆ ในใจลึกๆ ก็มีเสียใจ น้อยใจเหมือนกัน?
ครูไพบูลย์ : “เราโดนบูลลี่มานานแล้ว เราเป็นคนที่โดนบูลลี่ในโซเชียลได้นานมาก”
ส่วนใหญ่จะโดนเรื่องอะไรที่โดนประจำ?
ครูไพบูลย์ : “ตอนแรกจะเป็นเรื่องของผู้หญิงกับคำว่าครูก่อน เพราะว่าเมื่อก่อนเป็นครู แล้วบังเอิญผมได้แฟนที่เขาอายุน้อย กับสองเรื่องหน้าตา เขาอาจจะเอาเราไปเปรียบเทียบลูกชิ้นมีหู เหมือนกงยู เหมือนคนนั้นคนนี้ เพื่อที่จะบลูลี่และสนุก”
ทุกวันนี้ยังโดนอยู่ ?
ครูไพบูลย์ : “ปกติครับ”
เคยเข้าไปอ่าน แล้วเจอคำที่แรงกับความรู้สึกเรา คือประมาณไหน?
ครูไพบูลย์ : ไส่วนใหญ่ คำที่มันละเอียดอ่อนสำหรับผม มันเกี่ยวกับผู้หญิงมากกว่า เหมือนชอบเด็กอะไรอย่างงี้ ครูชอบเด็ก มันทำให้เรารู้สึกว่า ด้วยความที่เรารักอาชีพครูอยู่แล้ว เราก็ไม่อยากให้ตรงนี้ได้รับผลกระทบด้วย ความฝันผมมี 2 อย่าง อยากเป็นครูกับเป็นนักร้อง”
เห็นแบบนี้ บางทีก็ร้องไห้เหมือนกัน?
ครูไพบูลย์ : “มีครับ ช่วงแรกตอนโดนบูลลี่แทบจะไม่ออกจากบ้าน เพราะจัดการตัวเองไม่ได้ กลัวแบบว่าออกมาเจอคนแล้วเขาด่าเราไหม แต่พอเราออกมาจัดการตัวเอง ตั้งสติ พอออกมาก็ไม่มีใครด่าเรานี่”
โดนเยอะขนาดนี่ เอาแรงที่ไหนมาผลักดันเรา?
ครูไพบูลย์ : “ภาระ เรามีลูก ยังไงเราต้องรับผิดชอบทั้ง 2 คน ไม่ว่าจะอยู่กับแม่คนไหน เราก็ต้องดูแลเขาเหมือนเดิม แล้วองค์กร ครอบครัว พ่อ แม่ ผมเสียแล้ว เหมือนผมเป็นหัวหน้าครอบครัว ผมเป็นลูกชายคนเล็ก มีพี่ชาย 4 คน ผมต้องส่งเสริมให้พี่ชายมาอยู่ด้วย หางานให้เขาทำ ผมเป็นเดอะแบก ชีวิตไม่ได้สวยหรูนะ ผมมองว่าถ้าเราไม่ยืน คนที่อยู่กับเราก็จะล้มหมด เราต้องยืนให้ได้”
มีอะไรอยากจะบอกคนที่ชอบมาว่าเราในแง่ลบ?
ครูไพบูลย์ : “ถ้าความรู้สึก ตอนนี้ผมโอเคแล้ว ถ้าทำให้เขาสนุกได้ ผมจะไปต่อกับเขา แต่ถ้าเมื่อไหร่มันดาวน์ผมจะไม่ไปต่อ ปิดตรงนั้น จบ แต่ที่ผมจะทำ ผมขอบคุณมากกว่า มันมีคนน้อยนิดก็ไม่เป็นไร หรือ 50:50 ที่ยังเห็นใจ และเข้าใจเรา สงสารเรา ยังเมตตา ยังสนับสนุน ฟังเพลงเรา ซื้อของเรา เราโฟกัสตรงนั้นมากกว่าโดยที่ไม่ต้องระบายอะไรให้เขาฟัง คุณมีความสุข คุณทำเลยครับ แต่ขอให้คุณเป็นลูกค้าผมได้ไหใ”
ขออนุญาตพูดถึงคุณแม่น้องเพลินเพลง ตอนนี้น้องอยู่กับใคร?
ครูไพบูลย์ : “ก็ไปๆ มาๆ อยู่กับผม กับคุณยาย บ้านเราเป็นโครงการเดียวกัน อยู่ห่างกัน 100 เมตร ถ้าผมกลับบ้านคุณยายก็จะพามานอนกับผมแต่ถ้าผมไม่อยู่”
จริงๆ ก็คุยกันได้ แต่แค่มันไปต่อกันไม่ได้?
ครูไพบูลย์ : “ใช่ เราไม่ได้มีปัญหาทะเลาะกันรุนแรง แค่มันไปกันไม่ได้เรื่องความรัก ความรู้สึก แต่เราอยากเป็นเพื่อนเป็นที่ และเป็นพ่อแม่ของลูกได้ ก็ช่วยกันเลี้ยงลูก”
แยกกันนานแค่ไหนแล้ว ?
ครูไพบูลย์ : “ตั้งแต่เดือนธันวา ซึ่งอำนาจปกครองบุตรอยู่ที่ผมคนเดียว แต่ก็ช่วยกัน ปัจจุบันคุณแม่ของน้องกระต่ายก็เป็นคนเลี้ยงแล้วก็พี่สาวผมช่วย”
ย้อนกลับไปตอนที่ไม่เข้าใจกันใครเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน ?
ครูไพบูลย์ : “น้องเป็นคนบอกพอแล้ว หนูอึดอัด เราก็มาคุยกัน คือมันไม่ใช่แค่ครั้งเดียว เรามีปัญหาแบบนี้มาเรื่อยๆ เมื่อก่อนเรานิสัยไม่ดีด้วยแหละ อาจจะเอาแต่ใจ ด่าเขาไหม ทำให้เขาไม่พอใจ หรือไม่ตามใจ มันเป็นเรื่องของความรู้สึกของสองฝ่าย เราก็พยายามปรับแล้วนะ ด้วยมันไปกันไม่ได้ มันก็เป็นเรื่องปกติ ที่มันต้องแยกกันเดิน”
เรื่องสาวๆ จะจีบเองหรือให้เขามาจีบ?
ครูไพบูลย์ : “ผมจีบไม่ค่อยเป็น หมายถึงว่าไม่รู้จะจีบยังไง ถ้าผมได้คุยกับผู้หญิง ผมเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง ยิ่งเจอคนสวย ผมไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นจีบยังไง นอกจากว่าเขาเปรยมา หรือทักมาก่อน”
ในใจลึกๆ เรามีความหวังไหมว่าอนาคตจะกลับมาเป็นครอบครัวกันเหมือนเดิม?
ครูไพบูลย์ : “เราคุยกันชัดเจนแล้วครับ มันเป็นคู่ขนานแล้ว ด้วยความคิด ด้วยวัย ด้วยงานด้วย เราจะไม่ทำกัน เราจะเดินคู่กันไป แต่ถ้าวันนึงเราจะกลับมาหากัน ในฐานะของพ่อ แม่ ของลูกได้ แต่ถ้าจะกลับมาเป็นผัว เมีย คงยากแล้วแหละ เพราะเขาก็ไปในจุดของเขา เราก็อยู่ในจุดของเราได้”
ถ้าวันนึง ต้องขึ้นเวทีด้วยกัน ทำงานร่วมกันได้ไหม ?
ครูไพบูลย์ : “ได้ครับ เพราะไม่ได้มีปัญหากัน”
ตอนเราคบกันกระแสโจมตีก็เยอะ พอเราเลิกกันกระแสความสะใจก็ถาโถม?
ครูไพบูลย์ : “ผมว่ามันเป็นเรื่องปกติของคนในโซเชียล ไม่ยินดีก็สะใจ สมน้ำหน้า เพราะผมบอกตลอดว่าเราคือสนามอารมณ์ของเขา เขาสามารถวิจารณ์ได้ เขาสามารถสมน้ำหน้าได้ แต่เราอย่าสมน้ำหน้าตัวเองก็พอ”
โกรธไหม?
ครูไพบูลย์ : “ก็มีนะ เฮ้ยทำไมเขาคิดแบบนี้ ทำไมเขาไม่มองว่ามันเป็นชีวิต ชีวิตมันเป็นแบบนี้ ถ้าคุณสมบูรณ์แบบ คุณเกิดมา ผัวเดียว เมียเดียว จบ คุณโชคดีมาก เมื่อไหร่ รัก เลิกรา หย่าร้าง เริ่มต้นใหม่ มันก็เป็นเรื่องปกติ ถ้ามองแบบพื้นฐานของมนุษย์นะครับ”
ได้คุยกับน้องไหมช่วงที่เราแยกกัน เขาโอเคไหม?
ครูไพบูลย์ : “คุยครับ เขาจะอยู่กับงานมากกว่า ผมจะไม่ค่อยถาม แต่ช่วงแรกง้อ”
ลูกเพลงเพลินพิณของเราจะเป็น LGBTQ ?
ครูไพบูลย์ : “ผมกับคุณยายชอบแกล้งหยอกๆ ลูกตัวเอง บางทีเราพาเล่นกับผู้ชายจะดูเขินๆ พอเล่นกับผู้หญิง ไม่ค่อยอยากให้ผู้หญิงเข้าใกล้ แต่พอเจอผู้ชาย ชอบ อยากให้ผู้ชายเข้าใกล้ ผมก็จะหนอกว่าลูกเป็นกะเทยหรือเปล่า เขาก็จะเขิน ชอบกรี๊ดแบบผู้หญิง แต่ที่จริงก็ยังดูไม่ออกหรอก เขายังเด็ก ถามว่าถ้าเขาเป็นมั้ย ก็ได้นะ ผมชอบเลย แล้วเขาเป็นคนที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม”
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama