ทำเอา “เอ ไชยา มิตรชัย” และลูกสาว “แป้ง ศรันฉัตร์ มิตรชัย”ถึงกับเสียงสั่นน้ำตาคลอ ตลอดการให้สัมภาษณ์ถึง “แม่แอ๊ด โฉมฉาย ฉัตรวิไล” นักแสดงอาวุโสผู้ล่วงลับในวัย 73 ปี ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา
โดยทั้งคู่ได้เผยความรู้สึกกับสื่อ หลังมาร่วมงานฌาปนกิจ แม่แอ๊ด ในวันนี้ (26 มิ.ย.67) ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน บอกว่าพยายามปลอบใจตัวเองแล้ว ว่าท่านไปสบาย แต่ก็ยังแอบร้องไห้อยู่ดี เพราะจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว วันนี้ก็ยังได้ทำหน้าที่ เป็นผู้ถือกระถางธูปนำหน้าขบวน เพื่อทำการเวียนรอบเมรุ 3 รอบ ร่วมกับ “ไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา” ซึ่งงานนี้ก็ยิ่งรู้สึกเศร้าเข้าไปใหญ่ เพราะเป็นภาพที่เคยเข้าฉากกับแม่แอ๊ดในละครมาก่อน
เอ ไชยา : “จริงๆ ภาพนี้มันปิ๊งขึ้นมาตอนผมเล่นละครเรื่องแรก คือในเรื่องแรกเนี่ย ยังคุยกับผู้จัดเลย ว่าตอนท้ายมันต้องมีการตายกันเกิดขึ้น ก็คือพ่อตายหรือแม่ตาย แต่สุดท้ายไปตกที่อาโย่ง เชิญยิ้ม เล่นเป็นพ่อ แล้วแม่แอ๊ดเป็นแม่ แล้ววันนี้มีหลายดอกมาก มาเจอรำฉุยฉายพราหมณ์ ผมก็เป็นคนรัดเครื่องแล้วก็รำฉุยฉายพราหมณ์หน้าศพ หน้าเมรุตอนถ่ายละคร ตอนก่อนจะเข้าฉากแม่แกยังยืนขำอาโย่ง เสียงหัวเราะแก ยังมีอยู่เลย เพราะอาโย่งแกไปป่วนกองวันนั้น ก็ประมาณว่ามาเผาฉันเหรอ อะไรอย่างนี้
แล้วภาพนี้มันสะท้อนเข้ามา แล้วมันเห็นในวันนี้ ผมเตรียมทำใจมาแล้ว อยากจะเข้มแข็ง ไม่อยากอ่อนแอ (เสียงสั่นน้ำตาคลอ) แต่เวลาเราถือกระถางธูป ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดกับแม่ เพราะมันใจหายนะครับ พยายามปลอบใจตัวเองว่าแม่ไปดี ไปสบาย พยายามบอกแม่ไม่ต้องห่วงนะ ผมเชื่ออยู่อย่าง ว่าไม่อยากร้องไห้ ไม่อยากน้ำตา แกจะได้มีห่วง แต่รู้ว่าถึงแม่จะไปดีแล้ว แต่เราจะไม่ได้เจอแล้ว มันผูกพันมากกว่าการแสดงละครด้วยกัน (เสียงสั่นน้ำตาคลอ)
เมื่อกี้ตอนขึ้นไป ก็บอกว่าแม่ ลูกยังระลึกถึงคำสอนของแม่นะ แล้วก็ยังคิดถึงแม่ ในความดีของแม่ คิดถึงในเวทีการแสดงของเรา เพราะฉะนั้นวันนี้ทุกคนมาร่วมส่งแม่แล้ว ขอให้แม่ไปสู่ภพภูมิที่ดี ไปเป็นนางฟ้าอยู่อย่างมีความสุข มีรอยยิ้ม เพราะผลงานที่แม่ฝากเอาไว้มันเยอะมากเลย แม่เป็นครูที่ดีมากในกองผมได้ซึมซับมา ผมว่าผมทำการบ้านไปดีแล้ว จนสุดท้ายพอไปเจอแม่ในกอง เชื่อไหมว่าผมเล่นละครกับแม่ แม่จะมีกระเป๋าอยู่ใบหนึ่ง กระเป๋าใส่บท แม่ไม่เคยถือบทละครหน้ากองเลย แล้วสุดท้ายเวลาที่จะดูมักหน่อยหนึ่ง แกก็จะควักขึ้นมาดูแล้วก็เอาวาง แล้วพอไปหน้ากองไม่มีการหยิบมาดูใดๆ ทั้งสิ้น
เรื่องที่สองยิ่งมาเจอแม่แอ๊ดเล่นเป็นแม่ พ่อเปี๊ยก พิศาล เล่นเป็นพ่อ ทั้งสองคนคือปรมาจารย์มากๆ เลย แล้วหลักการทำงานของดารารุ่นอาวุโสเป็นแบบนี้จริงๆ ในกองพอหน้าเซ็ตปั้บ จะไม่มีคุยกันเลย พอไปถึงปั้บ ต่อบทเข้าได้เลย มีอยู่เรื่องหนึ่ง เรื่องผู้ใหญ่เห็ด กำนันหอย ที่เขาเล่นเป็นแม่ ผมนั่งทานข้าวเที่ยง แล้วตอนนั้นผมมีซีนที่จะต้องเถียงกับนางเอกยาวมาก แล้วต้องมีแม่เข้ามาห้าม แม่นั่งท่องบทอยู่ระหว่างทานข้าว ส่วนเราก็นั่งนึกไป ท่องบทไป แล้วแม่จะต่อมาให้จากข้างหลัง ซึ่งเราไม่รู้ด้วยว่าแกอยู่ นี่แหละครับคือวิญญาณนักแสดง คือมืออาชีพจริงๆ
แล้วมีอยู่เรื่องหนึ่ง คือเรื่องสุดท้ายที่ได้เล่นกับแก เพราะพี่อาร์ต (พนิตนาฏ ฉัตรวิไล) แกเป็นผู้จัด เชิญเอมารับเชิญ เพราะลูกสาวเล่นโปงลางฮักออนซอน แม่แอ๊ดก็ถูกรับเชิญมา แล้วก็ได้มาเจอกันในกอง พอเจอกันในเรื่องสุดท้าย สิ่งหนึ่งที่เห็นการเปลี่ยนแปลงว่า แม่เปลี่ยนไปจริงๆ เปลี่ยนไปในที่นี้คือ แม่บอกว่าแม่ไม่รับละครแล้ว แม่รู้ว่าเป็นเอถึงได้มา และก็เล่น และสุดท้ายแม่ก็ไปนั่งเครียดเกี่ยวกับตอนเข้าฉาก ทุกคนเห็นหมดในกองว่าแกเครียด เอเดินไป และก็บอกว่า แม่ไม่ต้องเครียดเลย เล่นกับหนู แม่ก็เข้าฉากกับหนูสองคน เล่นได้ตามสบาย เล่นไปเลย ซึ่งมันมีการบอกบทละครเหมือนสมัยก่อน แต่มีอยู่ซีนหนึ่งที่เข้ากับลูกสาว”
แป้ง : “พอย้อนดูแล้วจะร้องไห้ เหมือนแม่ถามว่าเหนื่อยมากไหมลูกกับการทำงานแบบนี้ (เสียงสั่นน้ำตาคลอ) ถ้าเกิดว่าเหนื่อยก็พักนะลูก หนูนั่งดูทีวีแล้วแบบร้องไห้ค่ะ เพราะตอนอยู่ในกองแม่เหมือนเป็นคุณยายของหนูคนนึง แล้วก็คอยสอน แล้วก็รักและเอ็นดูเราทั้งๆ ที่เราเพิ่งเคยเจอกันแค่เรื่องแม่ และหนูโชคดีมากที่ได้เล่นละครกับแม่แอ๊ด ก็รู้สึกเป็นเกียรติและวันนี้หนูได้มาส่งแม่ และชีวิตนี้ที่ได้เดินสายอาชีพนักแสดง รู้สึกภูมิใจมากที่ได้เล่นละครกับแม่แอ๊ด”
