“ปีเตอร์” เปิดบริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนต์ครบวงจร ไม่ให้แฟนสาวเข้ามาเกี่ยว ซัปพอร์ตทางใจก็พอ

“ปีเตอร์” ใช้ประสบการณ์ 30 ปีลุยงานบริหารเต็มขั้น เปิดบริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนต์ครบวงจร มีเครือข่ายพันธมิตรทั้งฮอลลีวู้ด - เกาหลี แฟนสาวไม่ยุ่งเรื่องนี้ ให้ซัปพอร์ตทางใจ คลั่งรักเพิ่มขึ้นทุกวัน อยู่ข้างนอกเป็นสิงโต แต่พอเจอกันเหมือนลูกแมว โปรตลอดปี

แถลงข่าวเปิดตัวบริษัท ชูก้า ไฮ เอ็นเตอร์ไพร์ส อย่างเป็นทางการ สำหรับนักร้อง-นักแสดงหนุ่ม “ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล” ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเป็นบริษัทเกี่ยวกับด้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์เต็มรูปแบบ จะมีทั้งซีรีส์ ละคร คอนเสิร์ตและอื่นๆ อีกมากมายที่เตรียมเอาไว้ โดย ปีเตอร์ เผยว่าใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์ในวงการบันเทิงมาเกือบ 32 ปี วันนี้พร้อมเต็มที่และมีพาร์ตเนอร์ระดับฮอลลีวู้ดที่พร้อมจะร่วมงานด้วยอยู่แล้ว

“ต้องบอกว่าผมเก็บเกี่ยวประสบการณ์มา 30 กว่าปีนะครับ ตั้งแต่เริ่มถ่ายแบบ ก็เห็นมาทุกแง่มุมของวงการ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายแบบ เป็นนักแสดง เป็นนักร้อง เป็นผู้จัด ทำรายการ ด้วยแบ็กกราวด์ของผมเติบโตที่เดนมาร์ก ก็จะมองหาอะไรที่มันอินเตอร์มากขึ้น ผมก็มองว่าทาเลนจ์ของเมืองไทยมันไปทั่วโลก ยิ่งปัจจุบันเด็กไทยมีแหล่งข้อมูลที่กว้างขวางจริงๆ เขาจะพัฒนาตัวเองได้เร็วและสูงมาก จริงๆ แล้วผมมองถึงประมาณ 15-20 ปีที่แล้ว ทาเลนจ์ไทยถ้าเกลาขัดในรูปแบบที่เมืองนอกเขาต้องการฟัง หรือเขาคุ้นเคย ทาเลนจ์ไทยไปได้

ทีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องทาเลนจ์อย่างเดียว แต่เรื่องของโปรเจกต์ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นของการที่จะผลิตซีรีส์ ตอนนี้เราพัฒนาบทซีรีส์ละครประมาณ 3 เรื่อง เรามีหน่วยฮอลลีวู้ดที่เป็นผู้จัดหนังภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ดเป็นพาร์ตเนอร์ของเรา ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถทำโปรเจกต์คอร์สโอเวอร์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเอาโปรดักชั่นฮอลลีวูดมาถ่ายที่เมืองไทย หรือจะทำโปรดักชั่นไทยแล้วเอาความเป็นฮอลลีวู้ดเข้ามาเสริม เพื่อจะยิงออกตลาดโลก ก็จะมีทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจัดคอนเสิร์ตไทย คอนเสิร์ตต่างชาติ คอนเสิร์ตเกาหลี อีเวนต์ หรือการผลิตซีรีส์ ทุกอย่างเรามีร่างไว้หลายโครงการมาก ตอนนี้เราจะเริ่มปล่อย ซึ่งโครงการแรกของเราก็คือคอนเสิร์ต PETER FLY Y NOT 7 นี่แหละครับ”

บอกเตรียมมีโปรเจกต์กับทางฝั่งเกาหลีอีกเยอะ
“เป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์ครบวงจรครับ แต่เราจะค่อยๆ เปิดไปทีละเฟสครับ ก่อนสิ้นปีนี้จะมีอีก แต่ยังไม่เฉลยดีกว่า ขอพูดงานที่ผ่านมาที่เรามีโอกาสได้เข้าไปร่วมจัดนิทรรศการ BTS ที่เราจัดที่ Q Stadium ที่เอ็มควอเทียร์ เป็นโครงการของเกาหลี แต่เราได้มีโอกาสเข้าไปซัปพอร์ตเขาในโครงการนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่เป็นพาร์ตเนอร์ทางฝั่งเกาหลี ก็จะมีโปรเจกต์เกาหลีค่อนข้างเยอะครับ

ถามว่าทุ่มทุนหนักไหม ก็แล้วแต่โปรเจกต์ครับ แต่เราก็จะมีพาร์ตเนอร์ในแต่ละโครงการ การที่จะรวมพลังกันในแต่ละโครงการจะทำให้โปรเจกต์แข็งแรงขึ้น ผมไม่ได้เป็นประเภทว่าผมต้องได้อยู่คนเดียว แต่การรวมตัวกันหลายๆ หน่วยแล้วมาแบ่งกัน มันได้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพาร์ตเนอร์ในไทยหรือต่างประเทศครับ

ซึ่งการที่เราทำงานด้านนี้มาโดยตรงก็ได้นำมาใช้ในงานบริหารด้วย เพราะการที่จะขึ้นโปรเจกต์ ผมก็เข้าใจทั้งการทำงานเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ซึ่งคนที่เป็นผู้บริหารอย่างเดียวไม่เคยทำงานเบื้องหน้า ในมุมผมมองว่าอาจจะเสียเปรียบนิดนึง เพราะไม่รู้ว่าทาเลนจ์รู้สึกยังไง จะรับมือกับเขายังไง เพราะแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แต่มันมีบางอย่างที่เราต้องดูแลเขา และความสัมพันธ์มันก็จะยืนยาว ก็อยากให้จำชื่อนี้ไว้นะครับ เพราะเราจะพยายามทำเรื่องของเอ็นเตอร์เทนเมนต์เรื่องของความบันเทิงที่คิดว่าทุกคนอยากจะเห็นและอยากจะสัมผัส ชูก้า ไฮ เอ็นเตอร์ไพร์ส เป็นชื่อของบริษัทเรา และงานแรกของเรา PETER FLY Y NOT 7 ก็อยากให้มาดูจริงๆ”

เผยไม่ได้ให้แฟนสาวเข้ามาเกี่ยวเรื่องงาน แค่ซัปพอร์ตทางใจกันก็พอ
“(หัวเราะ) ไม่ครับ เรื่องงานเราแยกชัดเจน จริงๆ ต้องบอกว่าสำหรับคู่รักการที่จะมาทำงานด้วยกันไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ เพราะเรื่องงานต้องมีอยู่แล้วที่บางทีเราเห็นไม่ตรงกัน ก็อาจจะมีเรื่องโต้เถียงกัน บางทีก็อาจจะถึงขั้นทะเลาะกัน หรือแค่ไม่พอใจหรืองอนกันเสร็จก็จะมีปัญหาในชีวิตส่วนตัวต่อ เพราะงานมันจะไม่ถูกทิ้งไว้ที่ออฟฟิศอย่างเดียว พอกลับไปบ้านก็ยังเป็นเรื่องงานอยู่ หรืออารมณ์ค้างอะไรก็ว่ากันไป ก็อาจจะมีทะเลาะกันได้ แต่ซัปพอร์ตทางใจอันนั้นแน่นอนครับ (หัวเราะ)

ก็มีคนได้เห็นเขาบ้างแล้วครับ จริงๆ ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรนะครับ เดินห้างก็เดินจูงมือกันเหมือนคู่รักทั่วไป แต่ก็แค่ไม่ได้เปิดเผย เพราะอยากจะรักษาความเป็นส่วนตัวเขาและครอบครัวเขาด้วย เราก็รู้กันดีกว่าการที่มีคนชมก็ต้องมีคนว่า ซึ่งคนที่อยู่นอกวงการบันเทิงอาจจะรับมือไม่ไหว จริงๆ เขาเองก็รู้อยู่แล้วว่ามันอาจจะมีทั้งแง่ลบและแง่บวก คนชมบ้างก็ต้องมีว่าบ้าง แต่เราสองคนก็มีความรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องไปเปิดประตูตรงนี้

ถามว่ากลัวเขาจะรับไม่ไหวไหม เอาจริงๆ ผมอยู่วงการบันเทิงมาถ้านับตั้งแต่ถ่ายแบบตอนนี้ก็ 31 ปี จะเข้า 32 ปีแล้ว ผมก็เจออะไรมาเยอะ ซึ่งก็ทำให้เราชินในบางส่วน หนังเราต้องหนาหน่อย บางทีมันก็มาดี หรือไม่ทุกอย่างมันก็จะมาแย่ ซึ่งถ้าเรารู้สึกกับมันเยอะจนเกินไปชีวิตเราคงจะไม่มีความสุข ซึ่งเราดูแบบอย่างจากน้องๆ บางคนได้ พอเข้ามาวงการใหม่ๆ อยู่ๆ ดังขึ้นมา แต่วันนึงอยู่ๆ กระแสพลิกมีแต่คนเข้าไปว่า เขาก็รับมือไม่ค่อยไหว น่าสงสารมาก ถ้าเป็นเมืองนอกที่วงการบันเทิงใหญ่ยิ่งกว่านี้อีก มันถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าหรือแย่กว่านั้นก็มี เพราะฉะนั้นเอาจริงๆ วงการบันเทิงมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะอยู่ยาก เราก็ค่อยๆ โตน่าจะดี เราจะได้ชินกับการเป็นส่วนหนึ่งของวงการบันเทิงในวันข้างหน้า ซึ่งอย่างแฟนผมเขาไม่ได้เป็นคนในวงการบันเทิง ผมก็เลยอยากจะให้เขามีเซฟโซนของเขา”

บอกแฟนสาวแฮปปี้อยู่แล้วที่ไม่ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ
“เขาเฉยๆ เพราะเขาไม่ได้อยากจะดัง คือเขาไม่ใช่คนประเภทหิวแสง ต้องการให้รู้ว่าฉันเป็นคนนั้นคนนี้ เขาบอกว่าเขาอยู่เงียบๆ ดีแล้ว (หัวเราะ) แต่พอมีคนชมว่าแฟนสวย เป็นใครก็ต้องรู้สึกดีครับ มีคนชมว่าแฟนสวย แฟนน่ารักก็ต้องรู้สึกดีอยู่แล้ว แต่เขารู้สึกยังไงเดี๋ยวผมไปถามให้ (หัวเราะ) วันนี้ผมก็ชวนมานะ แต่เขาบอกว่าวันนี้มันเป็นงานของผม ก็อยากให้ข่าวมันเป็นเรื่องของงานที่กำลังจัด เพราะเป็นการเปิดตัวบริษัท ซึ่งถ้าเขามา เขาก็กลัวว่าจะเป็นเรื่องข่าวระหว่างผมกับเขา ซึ่งจะแย่งความสนใจไปจากงาน

จะมีวันที่พาออกงานด้วยกันไหม เพราะสวมแหวนไปแล้ว อันนี้เหรอครับ (โชว์แหวน) ก็อาจจะสักวันนึงครับ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ความคลั่งรักเพิ่มขึ้นวันละนิดวันละหน่อยนะ ก็เป็นเรื่องที่คุยกันเองด้วยนะ เป็นเรื่องตลกมาก คือปกติจะมีช่วงโปรใช่ไหม แล้วเดี๋ยวมันก็จะหมดโปร แต่เราก็แซวกันเองว่าของเรามันเหมือนโปรวัตสันนะ มีโปรทั้งปีเลย (หัวเราะ)”

บอกเวลาอยู่ข้างนอกเป็นสิงโต แต่อยู่ด้วยกันเหมือนลูกแมว
“เราสองคนเป็นคนชอบสัมผัสตัวกัน มันเป็นเรื่องปกตินะสำหรับผม แต่ผมว่ามันจะมีความน่ารักที่ผมก็ไม่เคยเจอมาก่อน เหมือนต่างคนต่างอ้อนกันเอง มันจะมุ้งมิ้ง น่ารักๆ ปกติเวลาผมไปข้างนอกก็จะเหมือนเป็นสิงโต แต่พอเจอกับเขาก็ต่างคนกลายเป็นลูกแมว น่ารักๆ (หัวเราะ) แต่เรื่องแต่งงานเนี่ย คือเราต่างดำเนินชีวิตด้วยเหตุและผล ซึ่งมันยังไม่ใช่จังหวะตอนนี้ เพราะเหตุผลคือเรากำลังลุยงานกันอยู่ เขาก็มีงานของเขา ตอนนี้บริษัทใหม่ก็เพิ่งเปิดตัว อยากให้ทุกอย่างมันลงตัวก่อน เดี๋ยวถ้าจังหวะมันใช่ ทุกอย่างมันลงร่องของมันได้ประมาณนึง ก็อาจจะเป็นจังหวะค่อยว่ากันอีกที”