xs
xsm
sm
md
lg

เปิดแชตเต็ม! “อั้ม” สวน “ปุ้ย ปิยาภรณ์” ตอแหล ทุเรศ สันดานโบ้ยและเสี้ยม!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กลายเป็นประเด็นร้อนฉ่า หลังจากที่มีการปล่อยแชตเม้าธ์ฉ่ำระหว่าง “ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศก” และ “อั้ม จรีลักษณ์ จันทร์สุวรรณ” กรรมการผู้จัดการบริษัท สตาร์ดอม เอเชีย จำกัด ทำงานให้ปุ้ยในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และดูแลลูกค้า Miss Universe Thailand รวมทั้งเคยทำงานให้กับเวทีประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ ซึ่งสองคนที่ถูกเม้าธ์เต็มๆ คือ “นิโคลีน พิชาภา” และ “ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น” ภายหลังแชตหลุดว่อน ปุ้ย ไลฟ์เคลียร์ทันที มั่นใจแชตดังกล่าวไม่ใช่แชตหลุด แต่เป็นแชตตั้งใจปล่อย ปล่อยหมดหรือเปล่า? ยนคุยกับอั้มแค่เพียง 2 คน และไม่ได้นำไปเม้าธ์ในที่สาธารณะ พร้อมแจงว่า อีกฝ่ายเป็นคนปั่นก่อน และเรื่องนี้ถึงศาลแน่นอน  

หากย้อนไปในอดีต ตอนที่ปุ้ยสนิทกับอั้ม ในปี 63 อั้ม เคยออกมาแฉผู้จัดการนางงามรายหนึ่ง ผ่านเข้ารอบ 30 คนสุดท้าย ที่แฝงตัวมาเป็นทีมงานกองประกวด ซึ่งมองว่าเป็นการเอาเปรียบผู้เข้าประกวดรายอื่น จนมีการพุ่งเป้าไปที่ “เฌอเอม ชญานุช ศรทัตต์” ตัวเต็งในการประกวด และผู้จัดการ

ในเดือนก.ย. 63 ปุ้ย TPN และ อั้มได้ออกมาเผยถึงเรื่องนี้ ยืนยันว่าพี่เลี้ยงนางงามรายนี้ เข้ามาทำหน้าที่เป็นหนึ่งในทีมงาน เข้าประชุม และรู้ข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการประกวด ส่วนนางงาม ตลอดระยะเวลาก็พยายามปกปิด ไม่บอกว่าใครคือพี่เลี้ยง จนความลับรั่วไหล ทำให้รู้สึกรับไม่ได้ ไม่แฟร์กับผู้เข้าประกวดรายอื่น ซึ่งตอนนั้น อั้ม บอกว่าตนเองออกมาโพสต์เพื่อแสดงความรับผิดชอบ เรื่องบานปลายก็ต้องทำ พร้อมเรียกร้องให้ผู้จัดการรายดังกล่าว ออกมารับผิดชอบในเรื่องนี้  

ภายหลังดรามาดังกล่าว คนก็พุ่งเป้าไปที่ “เฌอเอม” ซึ่งตอบคำถามในประเด็นต่างๆ อย่างฉะฉาน มีไหวพริบ ฉลาด คนชื่นชมในทัศนคติ แชร์จนเป็นไวรัล โดยเฉพาะการตอบคำถามในประเด็นการเมือง เนื่องจากเบอร์โทรศัพท์ของผู้จัดการดาราที่ทำงานให้กองประกวด เป็นเบอร์เดียวกับที่ปรากฏบนอินสตาแกรมเฌอเอม ไม่นานหลังจากนั้น ปุ้ย - ณะ - อั้ม ก็ได้แถลงตัดสิทธิ์เฌอเอม ยันรักและเอ็นดู แต่ต้องรักษาสิทธิ์ผู้ประกวดอีก 29 ชีวิต โดยอ้างทำผิดกฎกองประกวด มีการฟาด “เคน” ผู้จัดการเฌอเอมเป็นคนบาป ไม่มีคุณธรรม ท้าให้เจอกันในศาล

ซึ่งการแถลงครั้งนั้น อั้ม ถูกวิจารณ์ว่ามีความสนิทกับ “แพรว แพรววณิชยฐ์ เรืองทอง” หนึ่งในผู้เข้าประกวด จนเปลี่ยนกฎเกณฑ์อายุผู้เข้าประกวด จากเดิมที่อายุของผู้เข้าประกวดที่เคยเปิดรับสมัครอายุ 18-27 ปี แต่จู่ๆ ก่อนวันรับสมัครไม่กี่วัน ได้เปลี่ยนกติกาใหม่เป็น 18-28 ปี ซึ่งบังเอิญว่า “แพรว” นั้นอายุ 28 ปี งานนี้ทำเอาคนเมาท์กันสนั่นว่าแล้วแบบนี้ไม่ผิดกฎเหรอ ขณะที่อั้มโยนว่าปุ้ยเป็นคนแก้กฎนี้เอง ถ้ามีหลักฐานว่าตัวเองเอื้อผลประโยชน์ให้แพรว ก็ส่งให้ปุ้ยได้เลย

ย้อนจุดเริ่มต้นดรามา “นิโคลีน”
ในปี 2022 แอนนา เสืองามเอี่ยม ชนะการประกวด MUT คว้ามงฯ ไปครอง โดยตัวเต็งอย่าง “นิโคลีน” ได้รองอันดับ 1 หลังประกวด พบว่ามีบุคคลหนึ่ง โพสต์รูปหมู่ที่ถ่ายคู่ปุ้ย พร้อมขอบคุณที่ปุ้ยเลือกคนที่ใช่ พร้อมติดแฮชแท็ก #น้ำแก้วเดียวห้ามลืมบุญคุณคน ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ยังใช้ได้เสมอกับสังคมไทย
 
แฟนนางงามแคปโพสต์ดังกล่าวมาแชร์ คาดว่าน่าจะหมายถึงนิโคลีน มีการสืบว่าคนโพสต์เปิดร้านเช่าชุดในแอลเอ เป็นที่รู้จักในวงการนางงาม เป็นผู้ใหญ่ที่เคยดูแลนิโคลีนตอนประกวดเวทีต่าง ๆ เช่น มิสทีนเอเชีย ยูเอสเอ 2015, มิสไทยแลนเวิลด์ 2018 แต่จู่ๆ อีกฝ่ายกลับเลิกสนับสนุนนิโคลีน จนมีการตั้งข้อสังว่า นี่เป็นสาเหตุให้นิโคลีนชวดมงฯ หรือไม่

ปุ้ย ควง นิโคลีน สยบดรามา
หลังเกิดดรามาเรื่องนี้ ปุ้ยได้ชวนนิโคลีนมาไลฟ์ชี้แจงด้วยกัน ยืนยันว่าไม่รู้แฮชแท็ก #น้ำแก้วเดียวห้ามลืมบุญคุณคน นั้นหมายถึงอะไร ทำไมคนจึงคิดว่าเขาหมายถึงนิโคลีน พร้อมยืนยันว่าไม่ว่าคำพูดใครก็ไม่สามารถทำให้หวั่นไหวได้ ทุกอย่างพิจารณาด้วยสมอง ตา และใจตัวเอง และหากสกัดจริง นิโคลีนไม่ดีจริง นิโคลีนคงไม่ได้เข้าไปยืนจับมือสองคนสุดท้าย พร้อมปุ้ยประกาศไม่อนุญาตให้ใครเอารูปตนไปโพสต์อะไรแบบนี้ เพื่อไปสร้างสถานการณ์ให้กระพือ อย่าลากตนไปอยู่กลางสมรภูมิ

ศึกที่บานปลาย “ฟ้าใส vs ปุ้ย TPN
เป็นนางงาม ที่มีสารพัดดรามา แต่ฟ้าใสก็สู้ยิบตา โดยหลังเจ้าตัวคว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ช่วงแรกสัมพันธ์กับปุ้ยเหมือนจะดีต่อกัน แต่ดรามาเริ่มปะทุหลังจากที่ปุ้ยและทีมงานเริ่มโพสต์แปลกๆ ทั้งเรื่องตื่นสาย เข้ากองสาย อ้างท้องเสีย ปล่อยตัวอ้วน
ภายหลังการประกวด MU “โจ้ เซอร์เฟส” ดีไซเนอร์ผู้ออกแบบชุดราตรีให้ฟ้าใสใส่ใน MU รอบไฟนอล ก็ออกมาโพสต์เสริมดรามา “ป้อม วินิจ” เมคอัพอาร์ติสเบอร์ต้นของไทย พากันโพสต์ถึงวีรกรรมของนางงามที่ไม่มีวินัย ไม่รักษาเวลา ชอบมาสาย ปล่อยตัวจนหุ่นพัง คนโยงไปถึง ฟ้าใส ต่อมา ชาวเน็ตช่วยทวงถามเรื่องรถประจำตำแหน่งที่ได้หลังคว้ามงกุฏ ซึ่งคำตอบของปุ้ยทำชาวเน็ตเริ่มเห็นร่องรอยความบาดหมาง และในการประกวด MUT 2020 กองไม่ให้ความสำคัญกับฟ้าใส ไร้เงาในรอบพรีลีม

“มงกุฎ - สายสะพาย” ที่หายไป
ต่อมเอ๊ะชาวเน็ตเริ่มทำงานอีก หลังอีเวนต์หนึ่งที่รวมเหล่านางงามหลายเวที ทุกคนมีทั้งมงกฎและสายสะพาย ยกเว้นฟ้าใส ท่ามกลางข่าวลือว่าหลังพ้นตำแหน่งฟ้าใสไม่ได้เซ็นสัญญากับกองประกวด ถูกกองยึดมงกุฎ สายสะพาย และของรางวัลกลับหมด ในขณะที่ "พี่เอส อนุสิทธิ์" ผู้จัดการส่วนตัวของฟ้าใสโพสต์ภาพฟ้าใสในวันประกวด MUT 2020 ที่มีสตาฟถือกล่องยืนอยู่ข้างหลังฟ้าใส เสร็จงานปุ๊บ สตาฟมาขอมงกุฎคืนทันที

ปุ้ยออกมาชี้แจงเรื่องนี้ว่าฟ้าใสไม่ได้เซ็นสัญญากับกองจริง จึงได้ทำบันทึกข้อตกลงระหว่างฟ้าใสกับทีพีเอ็นต่อหน้าทนายความของทั้งสองฝ่าย และเป็นการตกลงกันด้วยดี แต่ฟ้าใสได้อะไรบ้างนั้นไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ส่วนเรื่องมงกุฎ ปุ้ยบอกว่าไม่ได้เอามงกุฎคืน เพราะไม่ได้ให้ตั้งแต่แรก! เนื่องจากฟ้าใสไม่ยอมเซ็นสัญญากับกองประกวด

9 พ.ย. 63 ฟ้าใสจัดแถลงทั้งน้ำตา ระบุว่ากองเอาสัญญาฉบับใหม่ให้เซ็น มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหลายอย่าง เช่น เพิ่มจำนวนปีที่ผูกพันจาก 2 ปีเป็น 3 ปี หักเปอร์เซ็นต์เพิ่มเป็น 70:30 ถ้าได้ตำแหน่งจะขอหัก 50:50 ทุกกรณี ซึ่งเธอไม่ได้เซ็น พอกลับมาเมืองไทย ทางกองก็เสนอสัญญาฉบับใหม่มาให้เซ็นอีกรอบ แต่เธอไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขต่าง ๆ จึงยังไม่ได้เซ็น จึงยุติที่การลงนามในข้อตกลงไม่ต่อสัญญา

ที่มา TPN อัญเชิญพระแก้วมรกตมาร่วมแถลง
ภายหลังฟ้าใสแถลง TPN ก็ขอแถลงบ้าง โดยอัญเชิญพระแก้วมรกตมาด้วย ยันเอกสารฉบับแรกที่ฟ้าใสเซ็นตอนเข้าประกวดไม่ใช่สัญญา เป็นแค่ข้อตกลง พอได้ตำแหน่งจึงจะเซ็นสัญญา ซึ่งทำกันเป็นธรรมเนียมทุกเวที ไม่เห็นใครเคยมีปัญหา ยืนยันไม่เคยเปลี่ยนสัญญา ระยะเวลาผูกพัน 3 ปีไม่ใช่เวลาที่โหดร้าย ส่วนแบ่ง 50:50 เฉพาะกรณีที่มีงานต่างประเทศ ซึ่งกองจะรับผิดชอบดูแลทั้งหมด รวมทั้งค่าเดินทาง แต่ถ้าเป็นงานในประเทศยังคงให้ฟ้าใส 70 กองได้ 30 ในข้อตกลงที่ฟ้าใสเซ็นตอนเข้าประกวดระบุชัดเจนว่า นางงามต้องเซ็นสัญญาภายใน 30 วันหลังได้รับตำแหน่ง บางคนเขาเซ็นตั้งแต่วันแรกที่ได้ตำแหน่งด้วยซ้ำ ส่วนเงินรางวัล 1.5 ล้าน จะแบ่งจ่าย 2 งวด งวดละ 7.5 แสนบาท โดยงวดแรกจ่ายหลังเซ็นสัญญา และงวดที่สองจ่ายภายใน 30 วันหลังจากส่งมอบตำแหน่งให้ปีถัดไป พร้อมมงกุฎ สายสะพาย รถยนต์ และที่พักระหว่างดำรงตำแหน่ง

ที่ผ่านมาทางกองทวงสัญญาจากฟ้าใสหลายครั้ง เพราะเอกสารเหล่านี้ต้องใช้ยืนยันกับกองใหญ่ที่ต่างประเทศว่านางงามที่ส่งไปเป็นผู้ชนะจริง พอฟ้าใสไม่เซ็นก็ส่งผลกระทบ พี่ปุ้ยต้องไปขอกับกองใหญ่ ต่อมาคุณแม่ของฟ้าใสขอแก้สัญญา ตนก็แก้ตามให้ทุกอย่าง เช่น ข้อที่นางงามต้องทำงานการกุศลไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง/ปี ขอแก้เป็นไม่เกิน 10 ครั้งต่อปี ตนก็แก้ให้ แต่สุดท้ายก็ไม่เซ็น ต่อมาฟ้าใสร่างสัญญามาเอง มีเนื้อหาในสัญญา เช่น เงินรางวัล 1.5 ล้าน ให้จ่ายงวดแรกวันเซ็นสัญญา และงวดที่สองจ่ายภายใน 14 วัน 

เมื่อทำงานการกุศลครบ 12 ครั้งแล้ว สามารถปฏิเสธงานต่อ ๆ ไปได้ หรือเรียกค่าตอบแทนจากบริษัทได้ครั้งละ 15,000 บาทสำหรับงานในกรุงเทพฯ และ 30,000 บาทสำหรับงานต่างจังหวัด ซึ่งพี่ปุ้ยบอกว่ารับข้อนี้ไม่ได้ เพราะทีพีเอ็นจะไปเรียกเงินจากงานการกุศลไม่ได้ นางงามสามารถรับงานอื่น ๆ เช่น สอนพิเศษ เปิดช่องทางออนไลน์เป็นของตัวเองได้ โดยไม่ต้องแบ่งค่าตอบแทนให้กับบริษัท ตนเห็นว่าถ้าถึงขนาดนั้นแล้วไม่ต้องเซ็นก็ได้ ปุ้ยทิ้งท้าย หากฟ้าใสคิดว่าตัวเองมีความชอบธรรมที่จะได้รับมงกุฎ ก็จะยกให้ ขอให้ฟ้าใสติดต่อมารับด้วยตัวเองได้เลย

ฟ้าใสโต้เรื่องตื่นสายไม่เป็นความจริง กองนัดแฟนคลับโดยไม่ได้บอกฟ้าใสล่วงหน้า แต่มาเคาะประตูห้องบอกว่าอีก 10 นาทีต้องไป ทำให้เธอเตรียมตัวไม่ทัน รวมทั้งผู้ใหญ่กระซิบว่าให้เธอขอโทษที่มาสายเพราะท้องเสีย ยอมทำตาม แต่รู้สึกแย่ที่ต้องมารับผิดในสิ่งที่ตนไม่ได้ทำ ส่วนเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าไม่มีวินัย ปล่อยตัวจนอ้วน หรือทำตัวมีปัญหานั้น หากเรื่องนี้เป็นความจริง กองใหญ่คงไม่ปล่อยให้เธอเข้าไปถึงท็อป 5 ตอนเกิดดรามาดีไซเนอร์ และมีข้อมูลเท็จออกไปมากมาย ผู้ใหญ่โทรบอกว่าให้นิ่งเอาไว้ เดี๋ยวจัดการเอง แต่กลายเป็นว่าเธอถูกเข้าใจผิดมาตลอด

วันที่ 29 พ.ย. 63 ฟ้าใสเดินทางไปรับมงกุฎที่ออฟฟิศทีพีเอ็นด้วยตัวเอง ซึ่งพบว่ามงกุฎชำรุดตรงส่วนยอดนิดหน่อย ฟ้าใสจะเอาไปซ่อมเอง

ทวงเงินบริจาคออกสื่อ 4 แสนบาท
เรื่องไม่จบแค่นี้ พ.ค. ปี 65 ฟ้าใสได้เผยว่ามีเงินบริจาคเหลืออยู่ในโครงการ we are one จำนวน 4 แสนบาท ซึ่งอยากนำเงินไปช่วยมูลนิธิที่ต้องการความช่วยเหลือ ให้ทนายทำจดหมายส่งไปถึงต้นสังกัดเดิม แต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับนานเป็นปีก่อนที่ปุ้ยจะออกมาโต้เรื่องนี้ ยันเงินยังอยู่ครบ หากฟ้าใสอยากได้ก็ให้เข้ามาชี้แจง ไม่อยากถูกตราหน้าว่าโกง มองเป็นเรื่องหยุมหยิม ใครจะกล้าเอาเงินบริจาคไปใช้

อั้มแตกหักอะไรกับปุ้ย
เงื่อนงำความบาดหมาง เป็นเรื่องที่รู้กันแค่สองคน ซึ่งแชตหลุดการสนทนาระหว่างปุ้ยและอั้ม เม้าธ์ฉ่ำๆ ว่าตอนที่นิโคลีน ประกวด MUT 2022 ได้เอาทีมช่างแต่งหน้าเก่ามาจาก MTW แต่ไม่ชอบสไตล์ของทีม เลยขอเปลี่ยนทีมช่างแต่งหน้ามาเป็นอีกทีม ซึ่งทำให้ทีมเก่าไม่พอใจมาก เพราะผิดมารยาทมาหลายครั้ง รวมทั้งซัดนิสัยนิโคลีนทำนองว่าชอบสั่ง-บงการ เปลี่ยนไปเยอะ พาดพิงแม่ของนิโคลีน ทำนอง เอาลูกไปนินทากับคนอื่น เพราะลูกไม่เชื่อฟังเหมือนเดิมแล้ว แต่ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกคว้ามงฯ มีความเป็นไปได้ว่า ถ้าได้มงฯ ก็พร้อมจะเฉดหัวทุกคนทิ้ง งานนี้นิโคลีนไม่อยากให้แม่มาวุ่นวาย และกดดันให้แม่กลับอเมริกา แต่พองานหายไม่มีเงินก็กลับไปคุยกับแม่ให้ส่งเงินค่าผ่อนรถให้

ซึ่งแม่ปุ้ยได้ตอบกลับข้อความดังกล่าวทำนองว่า ขอบคุณ มีอะไรช่วยสืบหน่อย ข้อมูลสำคัญมาก รวมทั้งคนสนิทได้ส่งภาพถามปุ้ยว่านิโคลีนทำแบบนี้จะไม่มีปัญหากับสปอนเซอร์หรือ ซึ่งแม่ปุ้ยได้ตอบกลับว่า เดี๋ยวจะโดนแน่ เดี๋ยวนี้เชิดใส่ทุกคนเลย เพราะรับงานตรงเอง ให้แฟนเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ จะปลด นิโคลีน ออกจากตำแหน่งรอง 1 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022 อยู่แล้ว และจะส่งหนังสือยกเลิกสัญญาไปให้ งานนี้มีการพูดว่า “จิตสำนึกไม่ได้เลย เนรคุณมาก”

แชตดังกล่าวหากมองผิวเผินเหมือนอีกฝ่ายตั้งใจสกัดดาวรุ่งนิโคลีน ภายหลังนิโคลีนกลับเข้าไปยืนจับมือกับ “แอนนา เสืองามเอี่ยม” และได้เพียงรองอันดับ 1 ปุ้ยยืนยันนิโคลีนไม่ได้เลวร้ายอย่างข้อมูลที่ได้รับ และควรค่าแก่ตำแหน่ง และอีกฝ่าย “เป็นเดือดเป็นแค้น”  

ความจริงอีกด้านจากอั้ม!
ภายหลังทัวร์ลงหนัก “อั้ม” ได้ออกมาเคลียร์ข้อเท็จจริงฝั่งตัวเอง เปิดแชตให้เห็นเต็มๆ ถึงการสนทนาระหว่างตนเองกับปุ้ย พร้อมยืนยันว่าไม่อยากร่วมงานกับปุ้ยเพราะคาดเดาไม่ได้ว่าจะได้รับผลตอบแทนหรือไม่ 

ก่อนเล่าว่าตนเองทำงานต้องสำรองค่าใช้จ่ายในการพีอาร์ทั้งหมดให้กับกองประกวด หักลบกลบหนี้ยังต้องชำระค่าสปอนเซอร์เป็นเงิน 5 แสน สรุปทำงานฟรี ท้าให้ไปถามพีอาร์ที่เคยทำงานกับปุ้ยรายหนึ่ง ด่าแรง ตอแหลไม่เนียน

ส่วนเรื่องที่บอกว่าตัวเองโกรธเคืองเพราะนางงามที่ไม่ชอบได้จับมือ ยอมรับว่าไม่ได้เชียร์นางงามคนนั้น เพราะเชียร์แอนนา เสือ แต่ไม่มีสิทธิ์บอกหรือเสนอว่าใครจะได้เข้ารอบไหน เพราะไม่ใช่เจ้าของเวที ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการที่ใครได้มงฯ 

ยอมรับว่ามีปัญหากับแม่นางงาม ซึ่งเมื่อปุ้ยสอบถามจึงเล่าเพื่อให้ปุ้ยได้ระวังและเตรียมรับมือ หากเจอพฤติกรรมดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าถึงอย่างไร นางงามคนดังกล่าวก็มีศักยภาพ ที่อาจจะได้มงกุฎ จึงไม่มีเหตุผลที่จะโกรธหากปุ้ยให้นางงามได้จับมือ เพราะสุดท้ายคนที่มงฯ คือคนที่ตนเองเชียร์ 

ตรรกะง่ายๆ เชียร์ใครแล้วชนะต้องโกรธผู้จัดที่ให้คนที่ไม่เชียร์แพ้ทำไม? เรื่องนี้ก็ตอแหล และทุเรศ!

ส่วนเรื่องที่โดนใส่ร้ายว่าชอบเสี้ยม เสี้ยมกี่โมง? งานนี้เปิดแชตเพื่อปกป้องตัวเองรวมทั้งได้อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างพระแก้วมรกตให้เป็นพยาน หากใครก็ตามที่ถูกพาดพิงในแชต เป็นผู้คิดดี พูดดี กระทำดี ขอให้มีแต่ความสุขความเจริญ แต่หากประพฤติปฏิบัติตนในทางที่ไม่ดี ก็ขอให้ได้รับผลกรรมที่ก่อไว้ พร้อมทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ร่วมงานด้วยปีเดียวก็เห็นสันดาน และความระยำ ใครอยากทำงานต่อต้องคิด ตอแหลไม่เนียนไปเรียนมาใหม่ สันดานโบ้ยและเสี้ยม!

หูยย เรื่องนี้เดือดอยู่ไม่น้อย และต้องติดตามต่อไปว่าปุ้ยจะตอบว่าอย่างไร 















































กำลังโหลดความคิดเห็น