“อิงฟ้า” เผย “ณวัฒน์“ ประกาศให้เด็กในสังกัดมีแฟนได้แล้ว คงเพราะน้อยใจแฟนคลับ และเซนซิทีฟ เชื่อหวังดีไม่อยากให้มีแฟน หวั่นกระทบงาน แต่ตนยังเชื่อว่าลักกี้อินเกม ก็สามารถลักกี้อินเลิฟ ยอมรับลำบากใจเป็นคนกลางระหว่างบอสกับแฟนคลับ
ไม่รู้ว่าสาวๆ ในสังกัดมิสแกรนด์จะดีใจดีหรือเปล่า หลังจากที่ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ออกมาประกาศว่าอนุญาตให้เด็กๆ มีแฟนได้แล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยบอกชัดเจนเลยว่าไม่ให้มีแฟนเด็ดขาด เพราะไม่อยากให้กระทบกับการทำงาน งานนี้ “อิงฟ้า วราหะ” ที่เคยถูกห้ามมีแฟน เพราะเป็นเบอร์หนึ่งมิสแกรนด์ฯ ก็ได้เปิดใจว่า
“หนูก็ไม่ได้รู้สึกว่าปลดล็อกอะไรขนาดนั้น เพราะมันเป็นสิ่งที่วันนึงถ้าสมมติว่าเราจะมีความรักจริงๆ ก็คงจะบอกเขาตรงๆ จริงๆ ในชีวิตจริงเขาก็ไม่ได้ห้ามเราขนาดนั้น แค่กลัวจะเสียเรื่องของงาน แต่พอประกาศออกมาก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นการปลดล็อกกับทางแฟนคลับมากกว่า ว่าถ้าวันนึงใครคนนึงจะมีความรัก แต่ว่าทำงานแล้วไม่เสียหายก็ไม่ได้ผิดกฎที่เขาแจ้งไว้ เพราะจริงๆ กฎอันนี้ไม่ได้อยู่ในสัญญา มันเป็นกฎที่เขาตั้งขึ้นมาเพื่ออยากจะให้เราได้โฟกัสกับงานมากกว่าค่ะ
หนูเข้าใจ เพราะบอสเขาก็อยู่ในวงการมานาน เขาก็คงเห็นว่าหลายๆ คนก็เสียงานเพราะความรัก หรือได้รับความเสียหาย เขาก็คงมองในมุมว่าเป็นห่วงศิลปินในค่ายมากกว่า แต่ส่วนตัวหนูเองรู้สึกว่าเราเองก็โตแล้ว 29 แล้ว ถ้าวันนึง 30 31 32 จะมีใครสักคนนึงก็คงบอกเขาตรงๆ ได้แหละ หนูเข้าใจว่าเขามองในมุมมองไหน เพราะส่วนตัวบอสเองเขาคงเห็นคนที่ผิดพลาดเรื่องของความรักมาเยอะ ก็คงอยากจะให้เราถ้าสมมติจะมีใครก็คงอยากให้เราโฟกัสเรื่องของงาน กอบโกยในช่วงเวลาของตัวเองให้ได้มากที่สุดก่อน”
เชื่อถ้ามีความรัก และยังทำงานได้ดีก็ไม่น่ามีปัญหา
“สำหรับหนูอยากให้คนเสพผลงานมากกว่า ด้วยความที่เราสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก สุดท้ายคือยังเชื่อมั่นในความรักอยู่ดีว่าคนเราสามารถลักกี้อินเลิฟ ลัคกี้อินเกมได้ แต่แค่เราต้องอยู่ในความพอดีหรืออยู่ในจุดที่เรามั่นใจมากๆ ว่าคนนี้ดีจริง มันยังเป็นช่วงวัยรุ่นที่ถ้าสมมติเราจะมีแฟน พอมีงานเราก็ไม่อยากจะมานั่งสัมภาษณ์เรื่องความรัก คืออยากให้คนถามว่างานเป็นยังไงบ้าง มีอะไรอัปเดตบ้างมากกว่า แต่คนไทยก็หนีไม่พ้นเรื่องของการชอบฟังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ต่างๆ ส่วนตัวก็ยังโฟกัสเรื่องของงานมากกว่าค่ะ
ถามว่าคิดว่าความรักจะทำให้งานดีไหม หนูว่าอาจจะเป็นทาร์เก็ตของบางคน ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยความที่เรามีคู่จิ้น เขาก็อาจจะมีทาร์เก็ตในเรื่องของงานคู่ หรือแฟนคลับที่มีทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ แฟนคลับที่เข้าใจก็จะมีที่อยากให้เราได้เจอสิ่งดีๆ คนดีๆ ถ้าสมมติว่าเราสามารถทำงานได้ และมีคนดูแลได้ เขาก็รู้ว่าหนูก็โตแล้ว แต่บางคนก็มีที่ไม่อยากให้มีนะ จะเป็นห่วงนั่นนี่ ก็จะละเอียดนิดนึงก็มีค่ะ”
บอกแฟนคลับบางส่วน ตนก็ไม่สามารถควบคุมได้
“หนูจะบอกว่าไม่ใช่แค่ทางบอส แต่คือองค์กรที่โดน ส่วนตัวหนูโดนมาตลอด เพราะแฟนคลับมีหลากหลาย มีทั้งที่น่ารักและแฟนคลับที่อาจจะเป็นเด็กๆ หรือกลุ่มคนที่ไม่เข้าใจก็มี เพราะเวลาที่หนูไม่ได้เสิร์ฟโมเมนต์ หรือหนูไม่ได้มีโมเมนต์หวานๆ เราก็โดนด่าฉ่ำเหมือนกัน แต่หนูไม่ได้ออกมาเทคแอ็กชั่น เราพยายามโฟกัสในส่วนที่เป็นส่วนดี เพราะแฟนคลับน้ำดีก็มีเยอะมากๆ ที่เขาซัปพอร์ต ซึ่งส่วนที่บอสเห็นอาจจะเป็นส่วนที่หนูเองก็ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งต่อให้เราออกมาพูดหรืออะไรบางคนก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน
ทุกวันนี้ที่โพสต์คำคม คนเขามองว่าหนูเป็นไลฟ์โค้ชอยู่แล้ว (หัวเราะ) เวลาเราโพสต์อะไรก็มักจะได้ฮีลใจบ้าง กำลังใจบ้าง จริงๆ มันคือทาร์เก็ตที่หนูอยากจะให้โซเชียลของหนูมันมีหลากหลาย ไม่ใช่แค่เรื่องของผลงานอย่างเดียว เราก็อยากให้มีคนคอมเมนต์ คนแชร์ เพราะเราก็จะดูการตลาดหลายๆ อย่าง อย่างเพจคำคมเขาจะมีทาร์เก็ตที่จะช่วยเปิดการมองเห็นได้ค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าวันนี้เจออะไรหรือรู้สึกอะไรแล้วเอามาลง ส่วนมากจะลงเป็นฟีลไลฟ์โค้ชมากกว่า แต่ถ้าคนคิดว่าเป็นอารมณ์ของเรา ณ ตอนนั้น ก็เข้าใจได้ แต่ก็จะห้ามความคิดไม่ค่อยได้เท่าไหร่”
เผยมีคนเอาแชต “ติ๊นา ศุภนาฎ จิตตลีลา” ไปโพสต์ในด้อมของ “บอสณวัฒน์” ทำเอาบอสเครียด
“อันนี้ก็คงต้องไปสัมภาษณ์เขา เพราะเราก็ตอบแทนไม่ได้ แต่ถ้าให้มองในมุมว่าหนูเองก็ไม่ได้อยากให้ไปคิดว่าใครจะต้องหมายถึงเรา เพราะทุกคนก็คงมีเส้นทางหรือเรื่องราวชีวิตแต่ละคนแตกต่างกันออกไป เพราะหนูก็ไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไรในชีวิตประจำวันไหม หรืออาจจะเป็นฟีลเดียวกันที่เป็นไลฟ์โค้ช เพราะทุกคนก็คงมีทาร์เก็ตของเขา อันนั้นก็คงจะต้องไปสัมภาษณ์เขา
แต่ส่วนตัวบอสเขาคงน้อยใจแหละ ด้วยความที่ตอนนี้หนูมองว่าเขาค่อนข้างเซนซิทีฟ และค่อนข้างจะอ่อนไหวอยู่พอสมควร หนูก็รู้ว่าเขามีน้อยใจ เหมือนเราไม่ปกป้อง ไม่รักองค์กรไหม แต่สำหรับหนูว่าหนูยืนอยู่ตรงนี้ถ้าบอกว่าไม่รักองค์กรคงไม่ใช่ เพราะเราทำตัวเองทุกอย่างเพื่อที่จะเรียกได้ว่าเป็นหน้าเป็นตาของมิสแกรนด์ เพื่อให้เจนต่อๆ ไปเขาได้มีพื้นที่เรื่อยๆ ในสื่อหรือในวงการ แต่มันเป็นสิ่งที่ควบคุมยากจริงๆ ในสิ่งที่มันเกิดขึ้น
เขาก็คงเจอข้อความที่หนูก็ไม่รู้ว่าที่เขาเห็น เขาไปเห็นเลเวลเยอะขนาดไหน ก็อาจจะเจอคำพูดที่ต้องยอมรับว่าตอนที่มีดรามาขึ้นมา ก็มีกลุ่มที่ใช้คำรุนแรงจริงๆ รุนแรงถึงที่เป็นคำหยาบเลยก็มี ส่วนคนที่แนะนำดีๆ ก็มี แต่เขาอาจจะไปเห็นส่วนนั้นแล้วรู้สึกว่าน้อยใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะตรงนี้เราก็อยู่กันเป็นครอบครัว เวลาที่เขาโดนอะไรก็อยากให้ศิลปินออกมาเทคแอ็กชั่น แต่บอสอาจจะไม่เก็ตฟีลของเราว่ายิ่งเราเทคแอ็กชั่นจะยิ่งไปกันใหญ่ เพราะหนูรู้สึกว่าวิธีการจัดการคงไม่เหมือนกัน สำหรับเรารู้สึกว่าเราจะเลือกโฟกัสในส่วนที่ดีมากกว่า”
ยอมรับลำบากใจ เป็นคนกลางระหว่าง “บอสณวัฒน์” กับ “แฟนคลับ”
“จริงๆ หนูก็ปกป้องอยู่แล้วนะ ปกป้องทั้งองค์กรอยู่แล้ว แต่แค่วิธีการปกป้องของเรามันไม่ใช่ว่าหยุดนะ ห้ามด่านะ ห้ามว่านะ เพราะยิ่งหนูทำแบบนี้ ยิ่งลามทุ่งเลย มันยิ่งไปกันใหญ่ สุดท้ายผู้บริโภคดีๆ มันยังมี เรากลัวผู้บริโภคดีๆ จะน้อยใจไปด้วย ทีนี้ก็ไปกันใหญ่ เพราะทุกวันนี้ก็ยอมรับว่าเรามีคอนเสิร์ต มีงานที่ต้องขายบัตร กลุ่มปิดก็ต้องมีการสั่งซื้อทางไลฟ์หรือทางลูกค้า ก็ยังจะต้องมีผู้บริโภคดีๆ อยู่
ถามว่าเราลำบากใจไหม เราก็ลำบากใจ เพราะเราก็รักบอส ถ้าไม่รักก็คงไม่ทำตัวเองมาขนาดนี้ แฟนคลับเราก็รัก ก็ต้องหาจุดตรงกลางที่รู้สึกว่าเราปกป้องเขาในรูปแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเราไม่รัก แต่น่าจะเป็นทางออกที่เรารู้สึกว่ามันดีที่สุดแล้วในเจนนี้ด้วย บอสเขารักศิลปินแหละ เขาเป็นห่วง เขามีความน้อยใจ มีความเสียใจกับคำพูดที่โดนกลับมา เราก็เข้าใจเขา แต่ช่วงนี้หนูว่าเขามีความเซนซิทีฟด้วยแหละ อาจจะด้วยทำอะไรหลายๆ อย่าง ก็มีความเครียดนิดนึง”
