xs
xsm
sm
md
lg

“ลูกหมี - ผู้เสียหาย” รอเก้อ ไร้เงา ดารา ป. อ้างป่วยเข้ารพ. ทนายลั่นไม่มีเงินจ่าย - ไม่ขายทรัพย์สินใช้หนี้ จะถูกฟ้องล้มละลาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ลูกหมี รัศมี” และเจ้าหนี้ ดารา ป. รอเก้อ อีกฝ่ายไม่มาตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ส่งเอกสารอ้างเครียดจนป่วยต้องเข้ารพ. “ลิลลี่ เหงียน” เผยติดต่อขออย่ามาสน. จะหาเงิน 1.7 แสนมาคืนก่อน แต่สุดท้ายก็หลอกอีก ทนายเผยหากไม่มีเงินจ่าย - ไม่ขายทรัพย์สินใช้หนี้ จะถูกฟ้องล้มละลาย   

ส่อยืดเยื้อ สำหรับคดีที่นางแบบสาวชื่อดัง “ลูกหมี รัศมี ทองสิริไพรศรี” ออกมาแจ้งความและแฉว่า ดารา ป. อดีตนางงาม มีสามีเป็นนักการเมือง ยืมเงิน 2 ล้าน แล้วไม่คืน แถมจ่ายเช็คเด้ง ซึ่งตำรวจ สน.ทองหล่อ ได้ออกหมายเรียกไปแล้วครั้งแรกแต่คู่กรณีไม่มา จึงออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ในวันที่ 20 มิถุนายน 2567 หากไม่มาจะถูกออกหมายจับ แต่ผลปรากฏว่าวันนี้ดารา ป. เบี้ยวไม่มาตามนัด โดยให้ทนายส่งเอกสารระบุเหตุผลว่าป่วยเพราะเครียดหนัก ทำให้ลูกหมีมารอเก้อเป็นครั้งที่สอง

นอกจากลูกหมีแล้ว วันนี้ยังมีผู้เสียหายที่เป็นเหยื่อของ ดารา ป. อีก 7 คน รวมตัวกันมาแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ ซึ่งความเสียหายทั้งหมดประมาณ 16 ล้านบาท มีทั้งคนในวงการและนอกวงการ หนึ่งในนั้นคือ “ลิลลี่ เหงียน” นักแสดงชาวเวียดนาม ที่โดนไป 6.7 แสน โดยหลังจากเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว ทุกคนได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พร้อมด้วย “นางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์” หรือ “ทนายกุ้ง” ทนายของลูกหมี เผยถึงแนวทางในการดำเนินคดี

ลูกหมี : “วันนี้เป็นหมายเรียกครั้งที่ 2 ของ พี่ ป. พนักงานสอบสวนบอกว่าเขาไม่มา อาจจะมีความเครียดสูง น่าจะไม่สบายเข้าโรงพยาบาลค่ะ”

ทนาย : “ก่อนที่จะถึงวันนี้ เขาส่งทนายความมา 2 สำนักงาน เพื่อขอเจรจาไกล่เกลี่ยกับเคสของลูกหมี แล้วจะนัดกันอีกครั้ง อ้างว่าจะไกล่เกลี่ย แต่วันนี้มาไม่ได้ ส่งใบรับรองแพทย์มาให้กับตำรวจ บอกว่าเข้าโรงพยาบาล เนื่องจากเครียดเห็นข่าวตามสื่อ แต่เดี๋ยวมีการเจรจาเคสลูกหมี แต่พอวันนี้มีผู้เสียหายคนอื่นๆ เห็นข่าวที่เราจะมาวันนี้ ก็เลยมีผู้เสียหายอีกหลายคนมาเพิ่ม

ส่วนเรื่องออกหมายจับเนี่ย ถ้าเขามีความประสงค์ที่จะไกล่เกลี่ย ทางนี้ก็ให้โอกาสว่าลองมาคุยกันว่าเป็นไปได้ยังไงบ้าง ยังให้โอกาสอยู่ ถ้าคิดจะเจรจานะ แต่ถ้าหลังจากนั้นนัดแล้วไม่มาอีกครั้ง เป็นเหตุการณ์ประวิงคดี ทางนี้ก็คงไม่ยอม ก็คงจะให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งยังไม่ได้นัดวันมาค่ะ เดี๋ยวแจ้งให้ทราบอีกทีนึง วันนี้มาแจ้งเพิ่มประมาณ 5-6 ราย แต่ยังมีที่ไม่มาอีกก็เยอะค่ะ”

ลูกหมี : “ลูกหมีก็ได้คุยกับทางผู้เสียหายคนอื่นๆ ด้วยค่ะ พอเราแถลงข่าวไป ผู้เสียหายทุกท่านก็ได้พูดคุยกับลูกหมี วันนี้นัดกันมาพูดคุย ซึ่งแต่ละท่านก็มีความเสียหาย”

ทนาย : “รวมแล้วอาจจะมากกว่า 15-16 ล้าน แต่เท่าที่รวบรวมได้ประมาณนั้นค่ะ ลักษณะการโดนยืม ส่วนใหญ่เป็นความไว้ใจใกล้ชิด ยืมเอาไปลงทุนบ้าง”

ลูกหมี : “จะมีรายนึง 6 ล้าน พี่ผู้ชายที่ให้ยืมไปตอนนี้ก็ป่วยหนักค่ะ วันนี้เขามอบอำนาจมา ซึ่งลูกสาวเขาก็รู้จักกับทางครอบครัวของพี่ ป. เหมือนว่าลูกชายเป็นเพื่อนกัน พอสนิทสนมก็ไปกู้ยืมเงินกัน ตอนนี้ครอบครัว 6 ล้าน ก็ป่วยหนักค่ะ”

ทนาย : “เคส 6 ล้านบาท เป็นการชักชวนลงทุน แต่ว่าไม่มีธุรกิจจริง”

ลูกหมี : “เขามีเอกสารทั้งหมด มอบให้ลูกหมีเรียบร้อยแล้ว”

ทนาย : “ข้อหาก็จะแตกต่างกันไป แต่ละเคสไม่เหมือนกัน อาจจะเข้าข่ายฉ้อโกง พ.ร.บ.เช็ค ต้องดูว่าแต่ละเคสเป็นยังไงบ้าง ก็เพิ่งเห็นเอกสาร เพราะผู้เสียหายรวมตัววันนี้”

ลูกหมี : “ลูกหมีรู้จักน้องลิลลี่ (ลิลลี่ เหงียน) และรู้จักพี่อีก 2-3 ท่าน ที่อยู่ในวงการ ถ้าใครที่อยู่ในวงการบันเทิง พอพี่เขาเจอก็จะเข้าไปยืม แรกๆ น้องลิลลี่ก็ไม่เล่า เพราะมีความรักให้ พี่ ป. มาก”

ลิลลี่ : “หนูก็ยังมีความรัก ความเมตตาดีให้กับพี่ ป. อยู่ เขาเป็นคนเดียวที่ยืมเงินแล้วยังพูดคุยกัน แล้วก็ยังเป็นพี่น้องกัน ไปสังสรรค์ด้วยกันก็คิดว่าพี่ ป.ก็ยังใจดีกับเรา แต่วันนี้ที่ออกมา หลายวันก่อนที่หนูได้ให้สัมภาษณ์ไป หนูแค่รู้สึกเสียใจว่ามันเป็นเงินก้อนสุดท้ายของหนูที่หนูต้องใช้รักษาลูกและต้องจ่ายค่าประกันให้กับคุณแม่ แต่พี่ ป.ก็บอกว่า เดี๋ยวขอยืมก่อน ยืมถึงตอนบ่ายโมง เดี๋ยวสองทุ่มจะคืนให้ หนูก็ให้ไป 70,000 บาท ตั้งแต่วันนั้นหนูก็ไม่ได้

นี่คือเหตุผลที่หนูออกมา หนูแค่เสียใจตรงจุดนี้ ก็ไม่อยากให้พี่เขาโกรธ หนูอยากได้เงินคืนจริงๆ เพราะว่ามันลำบาก ล่าสุดหนูก็เพิ่งขายนาฬิกาไป แล้วต้องเอาเงินไปจ่ายค่าประกัน ซึ่งยอดเงินทั้งหมด ณ ปัจจุบันก็คือ 670,000 บาท แต่ก่อนหน้านั้นที่รู้จักกันวันแรก พี่เขาก็ขอยืมเงิน 800,000 บาทหนูก็ให้ไป ด้วยความที่เราเชื่อใจ และพี่เขาเป็นนักแสดงด้วย และก็สังคม ครอบครัวพี่เขาด้วย หนูก็เลยคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา

จริงๆ ก็ยังคุยกันอยู่ทุกวัน แล้วหนูก็ทวง หนูบอกว่าพี่ ป. 600,000 บาท ยังไม่ได้ไม่เป็นไร ขอ 70,000 บาท ก่อนได้ไหม แล้วเขาบอกว่าพี่ถามเพื่อนก่อน รอก่อนๆ คือรอแบบนี้ มันเป็นคำพูดเดิมที่เขาเคยจะให้หนูเมื่อหลายเดือนก่อนแล้วเอาเงินก้อนแรกไป 800,000 บาท แล้วก็ไม่ได้สักที กว่าจะได้เงินคืนใช้เวลาหลายเดือน หนูก็เลยรู้สึกท้อ ถ้า 600,000 บาท ไม่ได้ไม่เป็นไร ขอแค่มิตรภาพเรายังเป็นอยู่อย่างนี้ แต่ขอ 70,000 บาท นี้เพราะว่าอันนี้มันสำคัญมากๆ หนูต้องไปจ่ายค่าประกันให้กับคุณแม่ และก็ลูกชาย นี่คือเหตุผลที่หนูออกมา

ถามว่าเขาไกล่เกลี่ยไม่ให้เราออกมาไหม เมื่อวานก็คุยกัน พี่เขาก็บอกว่าน้องลิลลี่อย่าออกไปได้ไหม ถ้าเกิดว่าพี่หาเงินได้ 170,000 บาท ขอให้น้องอย่าออกไปนะ หนูก็บอกว่าถ้าพี่ให้หนู ก็จะไม่ออกมา เพราะว่าหนูก็ลำบากอยากได้เงิน 170,000 นั้น เพราะมันเยอะมากสำหรับหนู แต่สุดท้ายหนูก็ไม่ได้ เขาโกหกขอผัดผ่อนมาหลายรอบมาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหลายเดือนก่อน แค่พูดเงิน 70,000 บาทนี่ ตั้งแต่ 2 ทุ่มจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ หนูก็ทวงทุกวันค่ะ วันนี้ก็เลยตัดสินใจมาแจ้งความข้อหาที่เขายืมเงินหนู แต่ของหนูไม่มีสัญญากู้ยืม หนูให้เพราะว่าเรารักกันเป็นพี่น้อง แต่มีแชตไลน์ มีหลักฐานการโอน”

ทนาย : “อันนี้ไม่เป็นไรค่ะ เพราะว่าน้องเขามีแชตไลน์ หลักฐานชัดเจน เขียนว่าไม่จำเป็นต้องใช้ ถ้ามีแชตไลน์หลักฐานการกู้เงินก็ถือว่าใช้ได้แล้ว เพราะน้องเขาก็มีหลักฐานครบเลย”

บอกยอดทั้งหมดของหนี้รวมกว่า 16 ล้านบาท ถ้าไม่มีจ่ายก็ต้องล้มละลาย
ทนาย : “ถามว่าหลังจากเป็นข่าวไปคิดว่าจะได้เงินคืนกันไหม ก็รอมีความหวังอยู่นะคะ เพราะเคสลูกหมีเขาก็ติดต่อเข้ามาเพื่อจะขอเจรจาแล้ว แต่เราไม่แน่ใจว่าเวลานัดจริงๆ แล้วเขาจะเข้ามาหรือเปล่า หรือจะมีอะไรอย่างอื่นที่เลื่อนไปอีกไหม เพราะว่าทุกคนที่มาที่นี่ไม่ได้ต้องการดำเนินคดีหรือเป็นคดีความอะไร อยากได้เงินทุกคน ก็อยากให้ออกมาคุย”

ลูกหมี : “ผู้เสียหายท่านอื่นๆ บางท่านก็มอบอำนาจให้มีคนมาเป็นตัวแทนค่ะ ก็มียอด 6 ล้าน มียอด 1.1 ล้าน มียอด 1.5 แสน มี 6 หมื่นกว่า”

ทนาย : “ถามว่าด้วยยอดหนี้เขาเยอะ ถ้าเขาไม่มีจ่ายจริงๆ จะทำยังไง ก็ถ้าเป็นคดีอาญาก็เข้าข่ายฉ้อโกงก็มีโทษจำคุกอยู่แล้ว ในส่วนถ้าเป็นคดีแพ่งก็ไปบังคับคดีในส่วนทรัพย์สินเอา ถ้าสมมติเลวร้ายจริงๆ ไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย หนี้บุคคลธรรมดาเกิน 1 ล้านบาทก็ต้องล้มละลายไปค่ะ ทางสามีเขาก็ไม่ได้ติดต่อมานะคะ เพราะว่ามันเป็นไปตามกฎหมายอยู่แล้วค่ะ ชัดเจนตามหลักฐานอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการที่ทุกคนมาที่นี่ ไม่ได้อยากดำเนินคดีกับเขา แต่อยากได้เงินมากกว่า อยากให้มาพูดคุยกัน ถึงเวลานัดก็อยากให้มา ไม่อยากให้ส่งเป็นเอกสารมาขอเลื่อนโน่นนี่นั่น มันเป็นการประวิงคดี มันก็ดูเจตนาได้นะคะ เราก็ต้องให้ตำรวจดำเนินคดีต่อไป ให้ออกหมายจับต่อ”

ลูกหมี : “ลูกหมีอยากให้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยค่ะ เพราะก็เกิดความเครียดกันทุกฝ่ายนะคะ แต่การไกล่เกลี่ยจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะพอเราอยู่ในวงการเดียวกันก็อยากให้รับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง และการไกล่เกลี่ยมันก็ง่ายที่สุด พร้อมเมื่อไหร่ทางเราก็พร้อม ก็เชิญที่โรงพักทองหล่อได้เลยค่ะ”

บอกอย่าอ้างว่าถูกโกง เพราะไม่เกี่ยวกัน
ลูกหมี : “เรื่องที่เขาพูดเรื่องการโดนโกงเนี่ย มันเป็นเรื่องของเขากับคนที่โกงเขา มันไม่เกี่ยวกับเราเลย ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา เพราะการพูดออกมาเป็นการอ้างอย่างใดอย่างหนึ่งหรือเปล่า ก็เป็นความคิดของพี่เขาที่จะพูดออกมา หรือการที่เขาบอกว่าเขายืมเงินแทนเพื่อน หรือมาค้ำแทนเพื่อน สัญญาก็คือสัญญาระหว่างพี่ ป.กับลูกหมี ซึ่งมันก็ชัดเจนนะคะทั้งสัญญาและตัวเช็ค คดีของลูกหมีจริงๆ มันไม่ได้ซับซ้อน แต่การกระทำของพี่เขาทำให้ซับซ้อนเองค่ะ

ที่เขาบอกว่ามีเงินมากกว่า 2 ล้านเนี่ย มันเป็นเรื่องที่เขาอยากจะพูดว่าเขามีที่ดินกี่ 10 ล้าน 100 ล้านเขาก็พูดได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องของเขา เราไม่รู้อยู่แล้วว่าเขาจะมีเงินเท่าไหร่ แต่เงิน 2 ล้านเขาก็ควรจะเคลียร์กับเราให้เรียบร้อยค่ะ ไม่สามารถมาอ้างได้ว่าจะโดนโกง คนละส่วนค่ะ อยากให้พี่ ป.รับผิดชอบในส่วนของเงิน 2 ล้าน พี่ ป.จะไปแจ้งความว่าพี่โดนโกงที่ดินร้อยล้านอันนั้นก็เรื่องของพี่ค่ะ”

บอกอย่าเครียดมาก อยากให้หายดี จะได้ออกมาเคลียร์กันเร็วๆ
ลูกหมี : ”นี่ก็เพิ่งทราบจากตำรวจนะคะว่าพี่เขาไม่มา เพราะเขาบอกว่ามีความเครียดสูง เข้าโรงพยาบาล ก็อยากให้พี่เขาใจเย็นๆ และเข้ามาไกล่เกลี่ย เพราะนอกจากผู้เสียหายที่มาวันนี้ ก็มีผู้เสียหายท่านอื่นอีก คือบางคนเขาก็ไม่อยากออกมา หรือบางคนเขาก็ติดธุระ ซึ่งบางส่วนก็มอบอำนาจมา มันก็มีเยอะที่เป็นผู้เสียหาย ส่วนเรื่องการชักชวนให้ลงทุนทางออนไลน์ ลูกหมีไม่เห็นนะคะ ส่วนใหญ่ที่ทราบคือเวลาพี่เขาพบเจอใครเขาก็จะพูดคุยเรื่องยืมเงิน”

ทนาย : “เพราะส่วนใหญ่ที่ยืมไปจะเป็นคนที่ใกล้ชิดรู้จักสนิทกัน ไม่ใช่เป็นคนอื่นไกลกันเลย เพราะฉะนั้นถ้าไม่ไว้ใจกัน ไม่เชื่อใจก็จะไม่ให้ เพราะฉะนั้นคนที่ให้ยืมไป คือเชื่อใจและไว้ใจเขาแล้วก็เชื่อถือเขามาก”

อ้อม หนึ่งในผู้เสียหาย : “เสียไป 1.2 ล้านบาท คือแฟนรู้จักกับสามีเขาก่อน หนูถึงได้มาคุยกันกับพี่ ป. มีการยืมชักชวนไปลงทุน เขาบอกว่าเอาไปทำคอลลาเจน และมาทราบทีหลังว่าไม่มีการลงทุนจริงๆ”

ทนาย : ”น้องเขาเล่าให้ฟังว่า เขาเอาไปลงแล้วก็จะได้ผลประโยชน์ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ แล้วก็ไม่ได้เงินทุนคืน พอน้องไปเช็กแล้วว่าธุรกิจที่มาเอาเงินไปลงทุนมีจริงไหม ซึ่งมันไม่มีธุรกิจ ง่ายๆ ว่าน้องก็อยากจะได้เงินคืน ก็เลยให้ไปอีกเอาไปลงทุนเพิ่ม สุดท้ายรู้แล้วว่าธุรกิจไม่มีจริงแน่นอน ที่ทราบว่าไม่ได้เงินคืนแล้วจริงๆ ก็คือช่วงปลายปลายปีที่แล้ว ที่น้องเขาไว้ใจ เพราะทางสามี ป.ปลาไปรู้จักกับแฟนของทางน้องอ้อม ก็เลยติดต่อไว้ใจคุยกันมา แต่ถามว่าสามีของพี่ ป. จะมีส่วนตรงนี้ด้วยไหม อันนี้ไม่ทราบค่ะ อาจจะมีส่วนหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ เพราะว่าแฟนของเขาแนะนำให้รู้จักกันมา”

ลูกหมี : “อยากจะให้พี่ ป. เข้ามาเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย จะได้จบเรื่องของลูกหมี แล้วก็ไม่อยากให้พี่เครียดมาก หายเร็วๆ นะคะ”









กำลังโหลดความคิดเห็น