กรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ สามี-ภรรยา ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากชู้ได้ทุกกรณีขัดรัฐธรรมนูญจนทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานาในสังคม ถูกตีความหมายว่ากฎหมายฟ้องชู้ขัดรัฐธรรมนูญ อีก 360 วัน สามีภรรยาจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากชู้ไม่ได้
ขณะที่ “ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์” ที่เคยประกาศเป็นทนายให้เมียน้อย ไม่เป็นทนายให้เมียหลวง ได้โพสต์ข้อความว่า “#ทนายเมียหลวงคงไม่มีงานทำแล้วครับ หลังจากนี้ 360 วัน ฟ้องชู้เรียกค่าทดแทนกันไม่ได้แล้ว ยินดีกับชู้ทุกคนนะครับ 555 #อีกสักครู่จะมีนักข่าวมาสัมภาษณ์ที่สำนักงาน”แต่ภายหลังไม่นาน ทนายเดชาก็แก้ไขข้อความ ลบประโยคที่บอกว่ายินดีกับชู้ทิ้งไป แล้วเปลี่ยนเป็นคำว่า แต่ยังสามารถฟ้องหย่าด้วยสาเหตุอื่นได้นะครับ เข้าไปแทนที่
นอกจากนี้ได้คอมเมนต์ใต้โพสต์อีกว่า “หลังจากนี้ไปอีก 360 วัน มีชู้กันเต็มที่เลยนะครับ เพราะกฎหมายชู้ขัดกับรัฐธรรมนูญก็ฟ้องร้องเรียกค่าทดแทนกันไม่ได้ครับ”
“ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการมีชู้หรือการเป็นชู้เป็นสิทธิเสรีภาพ การจำกัดสิทธิเสรีภาพไม่สามารถทำได้ เพราะบุคคลเสมอกันเท่าเทียมกันทางกฎหมาย ชายและหญิง มีสิทธิเท่าเทียมกันกฎหมายจะเลือกปฏิบัติไม่ได้เพราะฝ่าฝืนมาตรา 26 และ 27 ของรัฐธรรมนูญ”
“คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ผูกพันทุกองค์กรครับ หลังจากนี้ 360 วัน เป็นชู้กันไม่สามารถฟ้องร้องเรียกค่าทดแทนได้ครับ เพราะคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญมติเอกฉันท์ครับ ทุกคนต้องยอมรับครับ”
ต่อมาโพสต์เพิ่มเติมว่า “#ยกเลิกกฎหมายเดิมใช้คำว่าสามีหรือภรรยา
เดิม ภริยาจดทะเบียนฟ้องเมียน้อยหรือหญิงชู้จะต้องแสดงตนโดยเปิดเผยเท่านั้นหากไปล่วงเกินกันในที่ลับฟ้องร้องไม่ได้
เดิม สามีฟ้องชายชู้ได้ถึงแม้จะไปร่วมหลับนอนกันในที่ลับฟ้องได้ทำให้ชายชู้เสียเปรียบ
กฎหมายใหม่จึงใช้คำว่าคู่สมรสแทนคำว่าสามีภรรยา
ดังนั้นถ้านอกใจกันฟ้องชู้ได้เหมือนเดิมเท่าเทียมกันคือล่วงเกินหรือแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับคู่สมรสของบุคคลอื่น เท่ากับมี 2 เหตุผลในการฟ้องชู้ #กฎหมายใหม่น่าจะมีผลประมาณ 120 วันหลังจากนี้ รายงานข่าวล่าสุดเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายเรื่องการฟ้องชู้”
ขณะที่เพจเฮียบรรจง ของ “บรรจง ชีวมงคลกานต์”ผู้ประกาศข่าวช่องเวิร์คพอยท์ ได้ออกมาไขความกระจ่างถึงประเด็นนี้ โดยโพสต์ว่า “สรุปสั้นๆ ว่ายกเลิกกฎหมายฟ้องชู้ของเดิมที่ไม่เท่าเทียม เพื่อนำไปสู่การแก้ไขใหม่ให้เท่าเทียมกันทุกเพศ” รวมทั้งได้แนบข่าวเอาไว้ว่าเพื่อความเข้าใจที่กระจ่างมากขึ้น
เลขาผู้ตรวจฯ แจงคำวินิจฉัยศาล รธน. ชี้ กฎหมายฟ้องชู้ขัด รธน. เพราะปัญหาไม่เท่าเทียมทางเพศ หญิงฟ้องชู้สามีที่เป็นเพศเดียวกันไม่ได้ หลังจาก ครบ 360 วัน สามารถฟ้องเพศเดียวกันได้แล้ว สอดคล้อง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม
สืบเนื่องจากกรณีที่ วันนี้ (18 มิ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาคำร้อง ผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1523 วรรค 2 ขัดรัฐธรรมนูญ หรือไม่?
กรณี สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้ และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่า ตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้
ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1523 วรรค 2 ดังกล่าว ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบ รัฐธรรมนูญมาตรา 27 วรรค 1 วรรค 2 วรรค 3 และกำหนดบังคับให้คำวินิจฉัยมีผลเมื่อพ้น 360 วันนับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย
เนื่องจาก รัฐธรรมนูญมาตรา 27 วรรค 1 วรรค 2 วรรค 3 ระบุว่า บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพและได้รับความคุ้มครอง ตามกฎหมายเท่าเทียมกัน / ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน / การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล จะกระทำมิได้
เรื่องนี้ พันตำรวจโท กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่น ในฐานะหน่วยงาน ที่ยื่นคำร้อง ชี้แจงว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1523 วรรค2 มีปัญหาในข้อกฎหมาย เพราะบัญญัติไว้ว่า สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยา ไปในทำนองชู้สาวก็ได้ และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้
จากบทบัญญัติดังกล่าวเท่ากับว่า สามีจะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากชู้เพศใดก็ได้ โดยไม่ต้องพิจารณาว่าภริยาจะสมัครใจหรือไม่ และไม่จำเป็นต้องพิจารณาว่าเป็นการแสดงความสัมพันธ์โดยเปิดเผยหรือไม่
ในขณะที่หากเป็นฝ่ายภรรยา จะเรียกร้องค่าทดแทนจากคนที่มาเป็นชู้กับสามีของตน ฟ้องได้เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น ‘ผู้ชายที่มาเป็นชู้กับสามีตนภรรยาฟ้องไม่ได้’ อีกทั้งถ้าชู้ของสามีเป็นหญิงยังมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นหญิงที่แสดงความสัมพันธ์ในทางชู้สาวโดยเปิดเผย ถ้าคบกันหลบๆ ซ่อนๆ ไม่เปิดเผยจะไปเรียกค่าทดแทนไม่ได้
ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยแล้วเห็นว่า บทบัญญัติดังกล่าวขัดกับรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดว่า บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องเพศจะกระทำมิได้ จึงส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
สำหรับกระบวนการหลังจากนี้ จะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการแก้ไขข้อกฎหมายตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ทั้งนี้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร เมื่อครบ 360 วัน จะส่งผลให้สามารถฟ้องชู้เพศเดียวกันของสามีได้ ตามคำวินิจฉัยของศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม มาตรา 49 ที่เพิ่งผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาวันนี้ ได้ระบุยกเลิกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1523 ทั้งมาตราแล้ว โดยระบุ ให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา 1523 เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุตามมาตรา 1516 (1)
คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งและจากผู้ซึ่งได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่อง หรือผู้ซึ่งเป็นเหตุแห่งการหย่านั้น
‘คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งไปในทำนองชู้ หรือจากผู้ซึ่งแสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งในทำนองชู้ก็ได้’
ซึ่งเป็นการแก้ไขคำ จาก ผู้ซึ่งล่วงเกินสามี/ภรรยา (ชู้) เป็นผู้ซึ่งล่วงเกินคู่สมรส เพื่อให้ครอบคลุมทุกเพศตามหลักการของกฎหมายสมรสเท่าเทียม”
