เหล่าดีเจระดับโลก สาดความมันทะลุจุดเดือดให้ขาแดนซ์ได้เต้นกันแบบไม่มีเบรก 2 วันติด กับงาน TOGETHER FESTIVAL 2024
ดนตรี Electronic Dance Music และการมิกซ์เพลงที่ผสมผสานแนวเพลงที่หลากหลายของดนตรีเต้นรำมีพัฒนาการที่ไม่หยุดนิ่งมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ซึ่ง Together Festival ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลดนตรีเต้นรำอันดับต้นๆ ของไทยที่นำวิวัฒนาการของดนตรีเต้นรำร่วมสมัยมาให้แฟนเพลงได้สัมผัสผ่านโสตประสาทกันอย่างเต็มที่มาเป็นครั้งที่ 11 แล้ว
ตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงเที่ยงคืนของวันที่ 7 และ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา ไบเทค บางนา ก็ยังคงคราคร่ำไปด้วยขาปาร์ตี้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่แต่ละบีทของทุกบทเพลงที่เปิดออกมาผ่านลำโพงที่มีระบบเสียงที่แน่นปึ้กสุดๆ ได้เข้าไปกระตุกต่อมแดนซ์ให้ทุกคนพร้อมใจกันวาดลีลาออกสเตปแดนซ์กันแบบนอนสต็อปเลยทีเดียว ในปีนี้ความเก๋าของงานคือการคัดสรรดีเจระดับท็อปของโลก ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้มาอวดทักษะการมิกซ์เพลงเซิร์ฟเหล่าแฟนๆ ที่ยังคงเต็มที่ไปกับทุกบีทและทุกฮุกที่บรรเลงออกมา
ความโดดเด่นที่เห็นได้ชัดที่สุดของงาน Together Festival ปี 2024 ก็คือโปรดักชั่นที่ผ่านการออกแบบมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นจอ LED คุณภาพสูงลายล้อมจนล้นเวที ไปจนถึงจอด้านบนเหนือเวทีที่มีความคมชัดสูงมาก คอยวาดลวดลายกราฟฟิกและมิวสิกวิดีโอให้เข้ากับจังหวะดนตรีที่สร้างสรรค์มาอย่างจัดจ้าน ช่วยสร้างอารมณ์ร่วมให้กับทุกคนได้เป็นอย่างดี ส่วนระบบแสงสีที่มีทั้งแสงเลเซอร์และแสงที่สร้างสีสันต่างๆ ที่ยิงมาจากหลากหลายทิศทางบนเวที รวมถึงเปลวเพลิงสุดเร่าร้อนก็มีส่วนทำให้โชว์ของเหล่าดีเจที่ดีอยู่แล้วยิ่งเร้าอารมณ์ความรู้สึกให้ฟินกันมากยิ่งขึ้นไปอีก
Mordan ดีเจฝีมือดีชาวไทย เป็นดีเจคนแรกที่ขึ้นโชว์เปิดแดนฟลอร์ให้กับงาน Together ปีนี้ จัดเซ็ตมาอุ่นเครื่องและสร้างความคึกคักให้กับงานได้เป็นอย่างดี และ SABAI สุดยอดดีเจและโปรดิวเซอร์ชาวไทยที่แฟนๆ อยากเจอ Sabai ใช้ดนตรี Future Bass และ House ที่หลากหลาย ตามด้วยสามหนุ่มดีเจยอดฝีมือสุดแสนอารมณ์ดี Cheat Code จัดให้กันแบบเดือดๆ ด้วยดนตรี Progressive House, Future Bass และ Electro Pop ที่มิกซ์กันได้อย่างกลมกล่อม
Kayzo ทำให้แดนซ์ฟลอร์ลุกเป็นไฟด้วยการสาดบีทของดนตรีแนว Break Beat, Dubstep, Trap ไปจนถึง Happy Hardcore และด้วยความชื่นชอบในดนตรีร็อก, เมทัล และฮาร์ดคอร์ร่วมสมัยก็ทำให้โชว์ของเขาไม่ต่างไปจากโชว์ของวงเฮฟวีเมทัลดีๆ สักวงนึงเลย โดยเฉพาะในช่วงที่นำเพลงของวง Break Beat Hardcore ระดับตำนานอย่าง The Prodigy มารีมิกซ์ใหม่
ปิดท้ายวันแรกด้วยโชว์ของ Alan Walker ที่ทำเอาทุกคนขนลุกตั้งแต่ได้ยินท่อนอินโทรของ Faded หนึ่งในเพลง Electro House ที่ดีและเป็นที่รักของแฟนเพลงมากที่สุด Alan Walker ผสมผสานดนตรี Future House, Future Bass, Trap และ Electro Pop เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลื่นไหลและค่อยๆ เร่งระดับความมันด้วยบีทที่หนักและหนาขึ้นอย่างช้าๆ ซึ่งก็ทำให้ดนตรีมีมิติและความลึกมากขึ้นด้วย เสน่ห์ของ Alan Walker ก็คือการเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ทั้งด้วยบุคลิกของเขาเองและดนตรีที่เขาเปิด ทุกเพลงมีเสน่ห์ของเมโลดีที่งดงามและสีสันของดนตรีเต้นรำแต่ละแนวที่เต็มไปด้วยรายละเอียด ซึ่งความสนุกแบบค่อยๆ ไหลไปเรื่อยๆ แบบนี้ทำให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและแฟนๆ ต่างก็เสียดาย เพราะอยากให้โชว์นานกว่านี้อีกหน่อย
ดีกรีความร้อนแรงของงาน Together ในวันที่ 2 ไม่ได้ลดลงไปจากวันแรกเลยแม้แต่องศาเดียว ดนตรีแนว Dubstep, Jungle ไปจนถึงแนว Trap และ Drum & Bass ของดีเจ RL Grime ที่มีจังหวะที่เร่งเร้ารุนแรงเหมือนเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่ทำให้แดนฟลอร์ทะลุจุดเดือดได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว สุดเซอร์ไพร์ด้วยการประชันสุดยอดดาวรุ่งระดับโลก ก็ยิ่งช่วยเสริมความมันด้วยฝีมือการมิกซ์ระดับพระกาฬของ b2b รวมถึง Knock 2 สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ ด้วยดนตรี House ที่มีเบสไลน์หนักๆ นอกจากนี้ก็ยังนำดนตรี Trap และ RL Grime ที่ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของดนตรีฮิปฮอปและอาร์แอนด์บีร่วมสมัยในเวลานี้มามิกซ์เข้าด้วยกันได้อย่างสนุกมือ ซึ่งเจ้าตัวก็เอาใจแฟนเพลงด้วยการนำธงชาติไทยมาคลุมตัวเองไว้ในระหว่างโชว์ด้วย
GRYFFIN ดีเจคนนี้ได้ยินแค่ชื่อก็มันแล้ว ซึ่งโชว์ในคราวนี้เจ้าตัวยิ่งกว่าไม่ทำให้ผิดหวัง แต่ทำให้ภาพรวมของงานดูสนุกสนานมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวกับการเปิดเพลงในแนว Tropical House, Trance และ Future Bass ที่เจ้าตัวถนัดและด้วยเซนส์ของการเปิดเพลงแดนซ์ที่มีความเป็นดนตรีป็อปร็อกผสมผสานอยู่ด้วยก็ทำให้เพลงของ GRYFFIN เข้าถึงง่ายและโชว์ก็เต็มที่ทั้งในเรื่องของคุณภาพเปิดเพลงเอาใจแฟนๆและความเป็นป็อปสตาร์ของเขาเอง ตามได้โชว์สุดพิเศษจาก NWYR (ออกเสียงว่า New-Year) เป็น Side Project ของ W&W นั่นเอง และนี่ก็แสดงให้เห็นถึงการ comeback สู่เพลง Trance ของพวกเขาอีกครั้งหลังจากที่หยุดพักไปเกือบ 4 ปี บอกเลยว่าคุ้มค่า
Steve Angello ดีเจชาวกรีซที่เป็นหนึ่งในสมาชิกวง House ระดับซูเปอร์กรุ๊ปอย่าง Swedish House Mafia เป็นอีกหนึ่งความพีกของงานในปีนี้ โชว์ของเขาได้รับคำชมจากแฟนๆ ว่าเป็นหนึ่งในโชว์ที่ดีที่สุดของงาน Together ปีนี้ ด้วยดนตรีแนว Tenhno House และ Electro House เป็นหลัก ดนตรีที่ Steve Angello เปิดในงานเจิดจรัสด้วยท่วงนองของบทเพลงที่สวยงามติดหู แต่ในขณะเดียวกันก็มีความหนักหน่วงชวนให้ออกสเตปตลอดเวลาด้วยกลิ่นอายของบีทแบบเทคโนจากยุค 90 โดย Steve Angello ปิดโชว์อย่างงดงามด้วยเพลงที่ครองใจขาแดนซ์ที่สุดเพลงหนึ่งอย่าง Save the World X Calling (ID Remix)
งาน Together Festival ปี 2024 ไม่ทำให้ผิดหวังเลย ไม่ว่าจะเป็นเหล่าดีเจฝีมือระดับเทพทุกๆ คนที่มาสร้างความมันและความสนุกให้กับทุกคนในแบบแทบไม่มีเวลาให้หยุดพักกันเลย เช่นเดียวกันกับเหล่าแฟนเพลงที่ส่งพลังกลับคืนมาให้กับเหล่าดีเจบนเวทีในแบบล้นทะลัก ซึ่งก็ยิ่งทำให้โชว์ทวีความมันมากขึ้นไปอีก สุดท้ายก็คืองานโปรดักชั่นที่ยิ่งกว่าจัดเต็มในทุกๆ อย่างซึ่งก็ทำให้ภาพรวมของงานออกมาวิจิตรตระการตาสุดๆ ไม่ต่างไปจากการดูงาน Performance Art ดีๆ งานหนึ่งเลย
ใครพลาดงานปีนี้ยังมีปีหน้าให้แก้ตัว ส่วนใครที่ได้ไปร่วมงานในปีนี้แล้ว ซึ่งเชื่อว่าได้ฟินกันถ้วนหน้าแน่นอน ก็ยังมีเวลาเตรียมตัวกันได้อีกหนึ่งปีเต็มๆ เพราะความเดือดและความมันที่จะทำให้ทุกคนได้แดนซ์กันยับแบบนอนสต็อปยังมีให้ได้เติมกัน จนเกินที่จะเต็มอีกแน่นอนกับงาน Together Festival ในปี 2025