“เปิ้ล นาคร” พร้อมยกสมบัติให้ “จูน” กับลูก ขอไปกินข้าววัด ดีกว่าบวชแล้วยังตัดกิเลสไม่ได้!

“เปิ้ล นาคร” พูดจากใจ ถ้าต้องเลิกกับ “จูน” ตนพร้อมจะเดินออกมาตัวเปล่า และยกสมบัติทั้งหมดให้เมียกับลูก ขอไปเป็นเด็กวัด ขอข้าววัดกินก็ยังได้ ดีกว่าไปบวชแล้วยังตัดกิเลสไม่ได้

เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่หลายๆ คนก็ยังอิจฉา สำหรับครอบครัวของ “เปิ้ล นาคร ศิลาชัย” กับภรรยา “จูน กษมา ศิลาชัย” ที่มีลูกๆ ที่น่ารักถึง 4 คน และช่วยกันทำธุรกิจออกมามากมาย จนถูกยกให้เป็นคู่สามีภรรยานักธุรกิจไปแล้ว งานนี้พอถูกถามถึงธุรกิจที่ทำร่วมกัน หากวันนึงต้องแยกกัน จะจัดการอย่างไร เปิ้ล ก็เปิดใจว่าตนจะขอยกสมบัติทั้งหมดให้เมียและลูก ส่วนตนขอแยกไปอยู่วัด เป็นเด็กวัด

เปิ้ล : “จริงๆ เราทำงานมากระเป๋าเงินทั้งหมดจะมาอยู่กองกลาง และเราก็ใช้ด้วยกัน ส่วนนึงก็เก็บไว้ให้ลูก ส่วนนึงก็ใช้หนี้ใช้สิน ส่วนนึงก็เอาไปลงทุน ส่วนนึงก็เอามาเก็บมาใช้สอย แต่ถามว่าสมมติถ้าวันนึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน เราคิดไว้แล้วว่าเราจะเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้จูนและลูกไปเลย และเราก็จะออกมาตัวเปล่า แล้วก็จะไม่บวชด้วย เราจะไปเป็นลูกศิษย์พระ ไปขอข้าววัดกินดีกว่า เพราะเรายังตัดกิเลสบางอย่างไม่ได้ ยิ่งเราเข้าไปบวชแล้วเราตัดกิเลสอะไรหลายๆ อย่างไม่ได้ บวชมาก็มีแผล”

จูน : “สำหรับเขานะ ไม่ได้เกี่ยวกับใคร”

เปิ้ล : “สำหรับผมเอง คือเรารู้สึกว่าเราคอยไปเป็นคนนึงช่วยทำนุบำรุงศาสนาดีกว่า คิดไว้นานแล้ว”

เผยที่เคยบอกว่าจะบวชไม่สึก เพราะมีงานที่ค้างอยู่ ก็เลยต้องสึกออกมา
เปิ้ล : “ที่เคยบอกว่าอยากจะบวชไม่สึก ก็กลับมาคิดอีกทีว่าถ้าเรายังละกิเลสไม่ได้ เราก็อย่าไปเป็นพระ สู้เราสึกออกมาแล้วเป็นฆราวาส คอยรับใช้พระสงฆ์ดีกว่า คอยเป็นเด็กวัดดีกว่า ขอข้าววัดกินก็ได้ ทรัพย์สมบัติก็ให้เมียให้ลูกไป แต่ตอนนี้ยังเป็นชื่อร่วมอยู่นะ แต่มันต้องไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นหรอก”

จูน : “ตอนที่เขาบวชนี่เราใจแป้วไม่เท่าไหร่นะ แต่งานที่ต้องเคลียร์มีเยอะมาก งานที่ต้องเซ็นเอกสารมีเยอะมาก ตอนนั้นก็ถามว่าเอกสารนี่จะยังไงคะหลวงพี่”

เปิ้ล : “จริงๆ ในใจก็แอบคิดนะหรือว่าไม่สึกดีวะ เพราะบวชแล้วรู้สึกดี รู้สึกสงบ มีสมาธิ มีเวลามองตัวเองได้มากขึ้น บวชรอบ 2 นี่ก็เกือบสองอาทิตย์ ไม่นาน แต่สุดท้ายก็ต้องสึกออกมาเพราะภาระ เราจะปล่อยให้เขาเหนื่อยคนเดียวไม่ได้ แต่รอบที่ 3 มีแน่นอน เพราะความฝันคือจะต้องมีออก้ากับออกู๊ดบวชด้วย”