เป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมเป็นวงกว้างจนกลายเป็นกรณีศึกษา กับประเด็นที่นักร้องชื่อดัง “หนุ่ม กะลา” ณพสิน แสงสุวรรณ ฟ้องอาญา “จูน เพ็ญชุลี หนูแก้ว” ภรรยา ข้อหายักยอกทรัพย์บริษัท เพื่อนำไปสู่การหย่า ซึ่งเป็นปัญหาคาราคาซังมากว่า 1 ปี ซึ่งเสียงสังคมส่วนใหญ่แน่นอนคือรุมสาป หนุ่ม กะลา ว่ารุนแรงกับเมียถึงขั้นฟ้องอาญาเอากันติดคุกหัวโตแล้ว แต่บางส่วนก็เริ่มจะเห็นใจ หนุ่ม กะลา มองว่าการกระทำนี้ จูน ก็บีบกันเกินไป
เส้นทางรัก “จูน-หนุ่ม” ปากกัดตีนถีบสู้อดทนจนมีวันนี้
“หนุ่ม กะลา” เติบโตมาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจนมาก อยู่ในชุมชนแออัด แม้กระทั่งส้วมยังต้องไปขอข้างบ้านใช้ ในบ้านไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งอำนวยความสะดวก มีเพียงเตารีดที่เอาไว้ใช้รีดชุดนักเรียนที่ต้องซักทุกวัน “จูน เพ็ญชุลี” เด็กหญิงที่เติบโตมาในฐานะดี และเรียนเก่ง ทั้งคู่คบหากันตั้งแต่เรียนชั้น ม.4 และแน่นอนทั้งคู่ถูกกีดกันเพราะไม่เหมาะสมกันในทุกด้าน แต่สุดท้ายก็ต้านทานความรักไม่ไหว
หนุ่มกะลา ขอยืมเงินครอบครัวจูนเพื่อใช้สานฝันอนาคตตัวเองจนวันหนึ่งมีชื่อเสียง แม่ของ หนุ่ม กะลา เองเคยเล่าว่าจะบอกจูนเสมอตั้งแต่สมัยเรียนให้จูนไปคบกับคนอื่น อย่ามาคบกับลูกแม่ เพราะลูกแม่จน เกเร และเจ้าชู้ แต่จูนก็สู้อดทน รักมั่นคงเพราะยึดหลักก็คนมันรักไปแล้ว จูนเคยเปิดใจกับสื่อมวลชนในวันแต่งงานว่า… “การคบหากับนักร้องนักดนตรีนั้น แรกๆ ก็ทำใจไม่ได้ ไม่เข้าใจ แต่เขาเป็นแบบนี้ก็ต้องรักและยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น ถึงจะไปด้วยกันได้ จึงคุยตกลงกันว่าอะไรที่ไม่ชอบก็ไม่ทำ ซึ่งหนุ่มก็คงความสม่ำเสมอมาตลอด”
ในวันที่ชีวิต หนุ่ม กะลา เสียหลัก ยุบวงกะลา ชีวิตเครียด มืดแปดด้าน ยังไม่รู้จะทำมาหากินอย่างไรต่อไป ได้แต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่พูดกับใคร เหล้าไม่กิน ไม่สังสรรค์ จูน เพ็ญชุลี คนนี้ก็เป็นคนช่วยดึงออกมาจากหวงอารมณ์ซึมเศร้า ช่วยกันแก้ไขปัญหาจนหนุ่ม กะลา กลับมายืนในฐานะนักร้องได้อีกครั้ง
27 ปีที่รักกันมา ด้วยนิสัยพื้นฐานเป็นคนเจ้าชู้ จูน เคยเล่าว่าเรื่องผู้หญิงกับหนุ่ม กะลา มีมาเรื่อยๆ ตามประสานักร้องที่เจอผู้หญิงมากมาย แต่ทุกครั้งก็สามารถจัดการให้จบได้ จนมาถึงเคส “จ๊ะโอ๋ งามพริ้ง” CEO แบรนด์ดัง อดีตแม่ค้าตลาดนัดที่โด่งดังในโลกโซเชียล
มือที่ 3 จุดเริ่มต้นดรามา
วันดีคืนดีมีเพจดังโพสต์คำใบ้… “เห็นข่าวนักร้องซอฟต์ร็อกพาเมียน้อยเมียหลวง เที่ยวเมืองนอก ประเทศเดียวกัน แต่ไปคนละรอบ งึดเลยค่ะ” งานนี้ทำเอาชาวเน็ตคอมเมนต์สนั่นทายว่านักร้องซอฟต์ร็อก คือ หนุ่ม กะลา เพราะช่วงนั้นเจ้าตัวได้โพสต์ลงโซเชียลว่าเดือนนี้ไปญี่ปุ่นรอบที่ 2 ชาวเน็ตตามสืบขุดภาพ ขุดคลิปจนรู้ว่ามือที่ 3 เป็นใคร และสุดท้าย หนุ่ม กะลา ก็ออกมายอมรับด้วยตัวเองนอกใจภรรยา และจะเลิกกับมือที่ 3 เพื่อจบเรื่องนี้
“จูน เพ็ญชุลี” เดินหน้าคดีฟ้องชู้
“จูน เพ็ญชุลี” เดินหน้าฟ้องชู้ “จ๊ะโอ๋ งามพริ้ม” เรียกค่าเสียหาย 10 ล้าน ศาลตัดสินให้จูนชนะคดี จ๊ะโอ๋ต้องชดใช้ 4 ล้าน แต่จ๊ะโอ๋ใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ และฟ้องอาญาจูนกลับ ข้อหาเบิกความเท็จ เรื่องรายได้ หนุ่ม กะลา
ด้าน หนุ่ม กะลา ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวจนชีวิตป่นปี้ คนเสื่อมศรัทธา ความนิยมลดลง ไม่อินกับเพลงซึ้ง เพลงรักของหนุ่ม กะลา อีกต่อไป ในช่วงแรกงานหนุ่ม กะลา หายไปเยอะมาก ซึ่งตลอดระยะเวลาที่มีปัญหากัน หนุ่มยังคงรับผิดชอบครอบครัว ค่าใช้จ่ายภายในบ้านเดือนละ 700,000 บาท อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“หนุ่ม กะลา” ฟ้องอาญา “จูน เพ็ญชุลี” ยักยอกทรัพย์บริษัท
ก็ไม่รู้เป็นผลต่อเนื่องจากเรื่องที่ จ๊ะโอ๋ งามพริ้มฟ้องอาญาจูนกลับ ข้อหาเบิกความเท็จ เกี่ยวกับ รายได้ หนุ่ม กะลา? เพราะใช้ทนายคนเดียวกัน ซึ่งหนุ่มได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวยื่นฟ้องภรรยา จูน เพ็ญชุลี ยักยอกเงินจากบริษัทเข้าบัญชีตนเอง จำนวน 66 ล้าน โดยบอกว่าอยากให้ จูน ออกมาแจกแจง ไม่หวังให้ติดคุก ฉิบหาย แต่หากมีเงินก็ขอให้ช่วยปิดหนี้ ขอเงินติดตัว 5 ล้าน แล้วแยกย้าย หย่า จบกันด้วยดี งานนี้หนุ่มตัดพ้อออกสื่อ ไม่คิดว่าเมียจะใจร้าย เลิกไปแล้วเก็บทรัพย์สินทุกอย่าง แต่ทิ้งหนี้ไว้ให้ตนแต่เพียงผู้เดียว!
งานนี้ทำเอาจูนในฐานะภรรยา ผู้จัดการส่วนตัว และหุ้นส่วนบริษัท สวนกลับโพสต์แจกแจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวผ่านโซเชียล นี่หรือที่ยักยอก ทำชาวเน็ตเสียงแตก บ้างรู้สึกอึ้งแทนจูน ที่สามีกล้าฟ้องภรรยาที่ช่วยเหลือตัวเองมาเกือบทั้งชีวิต , หนุ่มไม่แมน กับคำพูดในตอนแถลง เหมือนฆ่าตัวตายทั้งๆ ที่เป็นผู้เสียหาย บ้างก็เข้าข้างหนุ่ม มองว่าจูนเองก็ทำเกินไปที่ให้หนุุ่มหาเงินมหาศาลแต่กลับต้องมาแบกแต่หนี้
ว่ากันตรงๆ เราคนนอกไม่ได้รู้ต้นสายปลายเหตุในเรื่องราวทั้งหมด จะไปวิเคราะห์วิจารณ์มากมายคงไม่ได้ เอาเป็นว่าในทุกความสัมพันธ์ สุดแรงยื้อ ปลายทางก็คือหย่า แยกย้ายกันไปใช้ชีวิต ดีกว่ามาทำสงครามฟาดฟัน ฟ้องร้องกัน สักวันหนึ่งลูกก็ต้องมารับรู้
กับเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็ไม่เป็นผลดีกับฝ่ายไหน
มีผู้รู้ทางกฎหมายได้ออกมาบอกไว้ว่า ผัวเมียลักทรัพย์ ยักยอกทรัพย์สินกันและกัน เป็นข้อยกเว้นในกฎหมายประเทศไทย ไม่ต้องรับโทษ ถามว่าผิดไหมก็ผิดแหละ แต่กฎหมายไทยไม่เอาโทษสามี-ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ต้องเป็นในส่วนระหว่างบุคคลกับบุคคลนะ แต่ในกรณี จูน-หนุ่ม กะลา เป็นเรื่องของนิติบุคคลในรูปแบบบริษัท กฎหมายเอาโทษได้
แน่นอนว่าหลายๆ อย่างประเมินไม่ได้ด้วยเงิน ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความจริงใจ ความซื่อสัตย์และภักดี แต่ในเมื่อวันนี้ คนเป็นสามีหมดรักกันแล้ว คนเป็นภรรยาก็ต้องทำใจยอมรับและเดินหน้าต่อให้ได้ หนุ่ม กะลา เองก็ได้รับผลกรรมจากการนอกใจภรรยาแล้ว ความภูมิใจที่เหลืออยู่ในชีวิตนี้คงมีแต่การร้องเพลง การที่หนุ่ม กะลา ลุกขึ้นมาปกป้องตนเองจาก จูน เพ็ญชุลี ที่เป็นทั้งเมียและผู้มีพระคุณในชีวิต ก็ต้องใช้ความกล้าครั้งใหญ่ ไม่สุดจริงก็คงไม่ทำ เหมือนคำพูดที่ว่า… “อย่าบีบใครให้จนตรอก”