ผู้หญิงใจร้าย? ผู้ชายใจดำ?

มีการแบ่งฝ่ายเชียร์กันไปเป็นที่เรียบร้อย กรณีที่นักร้องชื่อดัง "หนุ่ม กะลา" มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวเตรียมฟ้องคนใกล้ตัวในข้อหายักยอกทรัพย์หลังพบว่าเงินรายได้กว่า 66 ล้านบาทที่หาได้ในนามของบริษัทนั้นหายไป

หนึ่งในนั้นก็คือ "จูน" ผู้เป็นภรรยาของเขานั่นเอง

แต่ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะอยู่ทีมใคร เชียร์ใครดี เราลองมาฟังข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นกันดู...



ย้อนกลับไปหลังจากวันที่ฝ่ายชายตั้งโต๊ะแถลงข่าวนั้นดูเหมือนว่าหลายคนจะไม่ได้สนใจในรายละเอียดมากนักเพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เจ้าตัวพูดออกมาถึงเรื่องเงินมันคือเรื่องของการทวงบุญคุณ เรื่องของความความเห็นแก่ตัวล้วนๆ โดยเฉพาะกับประโยคที่บอกว่าตนเองร้องเพลงคืนเดียวก็ได้เงินมากกว่าเงินเดือนเมียทั้งเดือนแล้วที่แม้เจ้าตัวจะออกตัวว่าไม่ได้ดูถูกแต่งานนี้ใครเป็นเมียฟังแล้วก็ต้องสะอึก

ประกอบกับในช่วงเวลาเดียวกันได้มีข่าวว่าทางด้านของฝ่ายหญิงออกมาโพสต์แจกแจงถึงเงินต่างๆ ว่าตนเองเอาไปทำอะไรบ้าง รวมไปถึงชาวเน็ตบางส่วนที่ไปเอาหยิบเอาคำพูดของสามีคนบันเทิงคนอื่นๆ มาเปรียบเทียบ แล้วไหนยังจะมีเรื่องที่ทนายฝ่ายหญิงที่ออกมาบอกในทำนองว่าลูกความตนเองเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น้อยเพราะหากแพ้คดีนั่นหมายถึงการติดคุกหัวโต

แถมยังมีการโยงไปยังเรื่องนอกใจในก่อนหน้านี้ ทั้งหลายทั้งปวงก็เลยทำเอาภาพความเป็นสามีของ หนุ่ม กะลา ที่ว่ายอดแย่อยู่แล้ว ยังต้องมาเติมคำว่าอำมหิตเข้าไปอีก

อย่างไรก็ตาม หากเราตัดเอาความรู้สึกออกไป ลองมองในรายละเอียดถึงสิ่งที่เจ้าตัวอธิบายมาก็ต้องบอกว่ามีหลายเรื่องที่น่าสนใจทีเดียว

โดยนักร้องดังเผยว่าที่ผ่านมาไม่คิดจะสงสัยอะไรเกี่ยวกับการจัดการเรื่องการเงินของภรรยาเลยกระทั่งวันที่แยกออกมาจึงพบว่าตนทำงานมานานเกือบ 20 ปี เฉลี่ยรายได้ต่อเดือนเดือนละ 2 ล้านบาท นอกจากจะไม่มีเงินเก็บแล้วยังมีหนี้อีก 20 ล้าน

เขายังบอกด้วยว่าที่ผ่านมาได้รับเงินเดือนจากภรรยาเดือนละ 20,000 ก่อนจะขยับมาที่ 40,000 ตอนแยกกัน ซึ่งตนได้ขอเพิ่มเป็น 100,000 บาท ในขณะเดียวกันทุกวันนี้ตนยังต้องจ่ายให้กับภรรยาอยู่ทุกเดือน เดือนละ 7 แสน ซึ่งเงินส่วนนี้คือเงินที่ภรรยาเอามาแจง ไม่เกี่ยวกับรายได้ของบริษัทที่ถูกยักยอกไป

ที่สำคัญก็คือการเบิกจ่ายเงินในนามของบริษัทที่เขายืนยันว่าตนเองเท่านั้นที่มีสิทธิ์เซ็นชื่อในการถอนเงิน สำหรับสิ่งที่นักร้องดังต้องการรู้ก็คือเงินที่หามาได้นั้นไปอยู่ที่ไหน พอที่จะแบ่งเอามาปิดหนี้ได้หรือไม่เพื่อที่จะได้ตกลงกันในเรื่องของค่าเลี้ยงดูลูกก่อนจะแยกทางกันให้ถูกต้องตามกฏหมาย

เรื่องนี้หากจะมองถึงมุมของความเป็นสามีการกระทำของนักร้องคนดังก็อาจจะถือได้ว่าใจดำ แต่ถ้ามองกันในประเด็นที่ว่าทั้งสองต่างก็หมดรักกันและกันแล้วการที่เขาจะรู้สึกว่าทำไมตนเองต้องมาหาเลี้ยงคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาไม่ใช่ลูกก็คงไม่ได้ผิดอะไร รวมถึงสิ่งที่เจ้าตัวร้องขอนั้นก็ต้องถือว่าเป็นสิทธิ์ที่จะเรียกร้องได้เช่นกัน

ในขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าการกระทำของฝ่ายหญิงเองก็สุ่มเสี่ยงที่จะผิดในเชิงของข้อกฏหมายค่อนข้างสูงทีเดียว

ถึงตอนนี้หลายคนพยายามยื่นมือเข้ามาให้ทั้งสองพูดจาไกล่เกลี่ยเพื่อให้เรื่องจบลงซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและมีแนวโน้มที่จะเป็นเช่นนั้น

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายไม่ว่าเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร เรื่องราวของนักร้องดังที่เกิดขึ้นก็แสดงให้เห็นว่าในชีวิตคู่นั้น นอกจากเรื่องของความรัก ความรู้สึกแล้ว พื้นฐานที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ชีวิตคู่แต่ละคู่ดำเนินไปได้ก็คือเรื่องของความซื่อสัตย์นั่นเอง