“ตงตง กฤษกร” เปิดใจเรียก “สาลี่ เดอะสตาร์” ว่าแฟนได้ไม่ติด เปย์แบรนด์เนมเป็นของขวัญวันเกิดให้คุณแม่ฝ่ายหญิง เพราะอยากให้เป็นความทรงจำที่ดี ยอมรับเข้าทางคุณแม่เต็มที่ คุณแม่ขอแค่ให้คบกันอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ เผยข่าวกับสาวก่อนหน้านี้ไร้ผล รักกันแน่นปึ้ก แม่สาลี่ก็ไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ
หวานขึ้นทุกวันสำหรับคู่ของพระเอกหนุ่ม “ตงตง กฤษกร กนกธร” กับหวานใจ “สาลี่ เดอะสตาร์” หรือ “โสมวิมาลา ณ อุบล” ที่ล่าสุดฝั่งตงตงเรียกสาลี่ว่าแฟนเต็มปาก แฮปปี้ที่ทุกอย่างอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ โดยเฉพาะคุณแม่ของฝ่ายหญิง ทำให้ตนรู้สึกเหมือนได้อยู่กับคุณแม่ตัวเองไปด้วย
“ทุกคนเห็นแบบไหน ก็เรียกได้ครับผม (หัวเราะ) จริงๆ คือเราก็มีได้คุยกัน แต่ผมคุยกับน้องอยู่ว่าไม่อยากให้รีบร้อนอะไร คือเราอยู่ในสายตาพ่อแม่แบบนี้โอเคแล้ว แล้วก็เราศึกษาคุยกันไปแบบนี้เรื่อยๆ ณ วันไหนที่มันพร้อมจริงๆ เราก็ค่อยอันนี้กับมัน แต่ถ้าจะเรียกแฟนจริงๆ ผมก็ไม่ติดครับ”
บอกตั้งใจซื้อของขวัญให้คุณแม่ของ “สาลี่” เพราะอยากให้เก็บเป็นความทรงจำดีๆ
“แต่จริงๆ ผมไม่ได้เรียกว่าเปย์หรอก คือความตั้งใจหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นด้วยวันเกิด งานสำคัญใดๆ คือเรารู้สึกว่ามันก็เป็นสิ่งที่เราควรให้ เพราะว่าสิ่งที่เขาให้ มันก็เหมือนเราให้เขา แล้วเขาให้เรากลับมา ให้กันไปกันมา ผมว่าการให้มันสำคัญมากๆ เลย หลักๆ เขาก็ดีใจครับ และเขาก็ไม่ได้หวังอะไรเลยตอบแทน แล้วก็ไม่ได้หวังอะไรในเทศกาลต่างๆ เลยครับ ขอแค่ให้ทุกอย่างมันราบรื่นด้วยดี และก็ขอให้ในอนาคตมันเป็นสิ่งที่ดีเท่านั้นเอง
จริงๆ ข้อความนั้นผมเขียนก่อนที่จะมอบของขวัญให้ ก็เป็นการ์ดอวยพร คือต้องบอกว่าด้วยตัวคุณแม่ของน้อง เขาชอบเก็บอะไรที่เป็นความทรงจำ เขาเก็บมาตลอดไม่ว่าจะตอนเด็กๆ เขาไม่เคยที่จะไม่เก็บของเลย เพราะฉะนั้นสิ่งแบบนี้มันก็เลยเป็นความตั้งใจของผมและตัวน้องด้วย เราก็เลยได้มีโอกาสได้เขียนกัน และก็มอบให้น้องครับเพื่อให้คุณแม่เก็บไว้ เราก็มีไปเลือกด้วยกัน และมีที่ผมไปเลือกคนเดียวด้วย เราก็จะดูการแต่งกาย การใช้ชีวิตของแม่ของน้องเขาด้วยว่าเป็นแบบไหน เราก็เลือกในสิ่งที่เหมาะสมกับคุณแม่เขาด้วย จริงๆ ก็เป็นของขวัญที่ให้ร่วมกันกับน้องสาลี่ด้วยครับ”
ยอมรับเข้าทางคุณแม่เต็มที่ และทำทุกอย่างให้อยู่ในสายตาผู้ใหญ่
“ใช่ ยังไงมันก็ต้องเต็มที่ครับ ไม่ว่าด้วยอะไรมันก็ต้องเต็มที่ ในสำหรับความรักของผมคือเราก็ตั้งใจมากๆ ไม่ว่าจะเป็นด้วยเรื่องงาน หรือว่าความรัก เราก็แยกออกมาทั้งสองทางแล้วว่างานก็คือส่วนงาน ความรักก็ส่วนความรัก แต่ไม่ใช่ว่าทำให้งานนั้นดร็อปลง เพราะฉะนั้นเต็มที่ได้มันก็ต้องเต็มที่ทั้งสองทาง จริงๆ คุณแม่ก็มีกฎบางอย่างครับ แม่ก็บอกว่าให้อยู่ในสายตาของคุณแม่ด้วยครับ มันก็จะโอเค แล้วผมว่ามันก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าผมไม่ค่อยได้อยู่กับแม่ พอคุณแม่ของน้องไปด้วยทุกที่ ก็มีโอกาสเหมือนไปเที่ยวกับแม่ของเราด้วย ผมก็เลยมีแพลนว่าเดี๋ยวจะชวนแม่ของผมไปด้วย
กฎอื่นๆ จริงๆ ไม่มีครับ ขอแค่ให้อยู่ในสายตาของพ่อแม่ แล้วทำอะไรให้อยู่ในร่องในรอยประมาณนี้ครับ ส่วนเรื่องข่าวจริงๆ ผมว่าคุณแม่เขาก็คงมีเอ๊ะบ้าง แต่ว่าเราก็คุยกันตลอด เพราะว่าเราเจอกัน เราก็มีอัปเดตกันมาตลอดว่าเป็นอย่างไร เป็นแบบไหน เราได้มีโอกาสเล่า ได้แชร์กันและกัน ผมว่ามันก็เป็นสิ่งที่ดี แล้วก็ทำให้ข่าวไม่ดี หรือข่าวที่พูดไปโดยไม่มีมูลเหตุ มันได้ปรับความเข้าใจกันในทุกๆ ครั้ง
จริงๆ ไม่ได้อธิบายเยอะเลยครับ เพราะคุณแม่ก็รู้จักพี่เมเปิ้ลที่เป็นข่าว พี่เมเปิ้ลก็เป็นพี่ที่ผมสนิทมากๆ อยู่แล้ว แล้วก็เคยเจอคุณแม่และเคยเจอน้องแล้วด้วย เพราะฉะนั้นผมก็รู้สึกว่าผมไม่ได้อธิบายอะไร และแม่ของน้องก็ไม่ได้ต้องการคำอธิบายใดๆ ก็แฮปปี้มากๆ ครับ เรื่องระวังเป็นพิเศษ ผมว่ามันไม่เกี่ยว ถ้าจะให้ผมขยับตัวยากเพราะว่ามันมีข่าวที่มันไม่ดี ผมว่ามันก็คงไม่ใช่ เพราะสำหรับผมรู้สึกว่าผมก็ใช้ชีวิตแบบนี้
แล้วก็ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมก็จะใช้ชีวิตของผมไป เพราะไม่ได้ทำอะไรที่มันไม่ดี เพราะฉะนั้นการที่ข่าวไปเขียนอะไรที่มันไม่ดี ผมก็คิดว่ามันก็คงไม่มีผลอะไรกับผม และผมก็คงไม่ต้องไปแคร์ว่าผมจะต้องไประมัดระวังตัวขนาดไหน”
เผยเปลี่ยนสีผม เพราะช่วงนี้ว่างจากละครแล้ว
“เปลี่ยนลุคเพราะว่างๆ ด้วยครับ หลังจากจบละครกลิ่นมาลีไป เราใช้เวลาถ่ายทำละครเรื่องนี้ค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร แล้วก็รู้สึกว่ามันว่าง และผมก็ผมสีเดิม สีน้ำตาลแบบนี้มานานมากๆ แล้ว เราก็เลยรู้สึกว่าอยากเปลี่ยนลุคและใช้ชีวิตแบบนี้ดูบ้าง แต่เดี๋ยวก็ต้องเปลี่ยนกลับครับ แต่ต้องดูอีกทีว่าถ้าตัวละครด้วยสีผมอะไรอย่างนี้มันได้ มันเหมาะสมแล้ว ก็อาจจะใช้สีนี้ในการถ่ายละครก็ได้”