“เป๊ก เปรมณัช” เปย์ลูกแล้วต้องเปย์เมีย กันน้อยใจ กรอกหูลูกทุกวันให้เรียกพ่อก่อนแม่!

“เป๊ก เปรมณัช” หลงลูก ตื่นเต้นทุกครั้งกับพัฒนาการ “น้องสเปซ” วัย 5 เดือน ฟุ้งลูกสร้างความสุขให้พ่อแม่ ตอนนี้ทำงานเป็นหลัก อาจจะไม่ได้ผูกพันเท่ากับ “นิว นภัสสร” แต่พยายามกรอกหูลูกให้เรียกพ่อก่อนแม่อยู่ทุกวัน ลั่นเปย์ลูกแล้วต้องเปย์เมียด้วย กันน้อยใจ

เป็นคุณพ่อลูกอ่อนที่ดูจะหลงลูกไม่น้อยทีเดียว สำหรับพิธีกร-นักแสดงหนุ่ม “เป๊ก เปรมณัช สุวรรณานนท์” ที่ล่าสุดได้คว้ารางวัลพิธีกรดีเด่น จากรายการบ้านและสวน บนเวทีโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 38 ประจำปี 2566 ที่จัดขึ้น ณ ห้อง แกลอรี่ ชั้นG หอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม เจ้าตัวเลยอวยเต็มที่ ว่าตอนนี้ลูกชายกำลังอ้อแอ้พูดเก่ง ก็น่าจะได้พ่อมานี่เอง

“น้องสเปซตอนนี้ 5 เดือนแล้วครับ เริ่มคุยเก่งแล้ว ยิ้มให้ตลอดเลย เป็นเด็กที่มีความสุขมาก สร้างความสุขให้พ่อแม่มาก คุยเก่งได้ใครมาเหรอ ก็น่าจะได้ทั้งคู่นะครับ วันนี้พ่อก็ได้พิธีกรดีเด่นไป ก็น่าจะโชคดีนะครับ อาจจะได้พ่อมาด้วย (หัวเราะ) หลงลูกมากครับ สเปซน่ารักจริงๆ เขายิ้มเก่งมาก เห็นพัฒนาการของเขาทุกวันเลย แต่ผมว่าคุณแม่น่าจะเห่อกว่า เพราะพ่อทำงาน แต่ลูกเป็นพลังให้เราทำงานทุกวันได้ เพิ่งไปทริปกลับมาจากญี่ปุ่น แต่ก็วิดีโอคอลคุยกับเขาตลอด บางทีคุยแล้วเราน้ำตาไหล คิดถึง ไป 3 วัน

เมื่อวานพอกลับมาถึงบ้านก็คิดว่าเขาหลับแล้ว แต่แม่บอกว่าไม่ยอมนอน ปกติเขาต้องนอนแล้วนะ แต่พอพ่อกลับมาก็คึกอยู่ประมาณ 2-3 ชั่วโมงเลย (หัวเราะ) ถามว่าเริ่มชินหน้าที่พ่อหรือยัง 3 เดือนแรกหนักหน่วงมากเลยครับ เพราะว่าตื่นเช้าทุกวัน กลับดึกทุกวัน แล้วก็ต้องมาดูแลกันต่อ แล้วก็ตื่นเช้าอีก ตอนนั้นเป็นช่วงที่ถ่ายละครเยอะ ทำงานเยอะ แต่พอถ่ายละครเสร็จก็ได้เริ่มเล่นกับเขามากขึ้น ก็ยิ่งผูกพันกันมากขึ้น มันไม่มีคำว่าชินหรอกมั้ง มันเป็นความสุขของความเป็นพ่อที่ต้องทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เรียกว่าชีวิตเปลี่ยนแล้วกัน”

บอกตื่นเต้นทุกครั้งที่เห็นพัฒนาการใหม่ๆ ของลูก
“แค่จากนอนหงายแล้วพลิกมานอนคว่ำได้ก็ตกใจแล้ว (หัวเราะ) ว้าว โอ้โห มันได้ขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย แค่เริ่มพูดสื่อสารอ้อแอ้ได้แค่นั้นก็ตกใจแล้ว กับโมเมนต์ครั้งแรกของเขาน่ะครับ อย่างพาเขาไปเที่ยวครั้งแรกแล้วเอาเท้าสัมผัสทราย เพราะเราก็เที่ยวมาทั้งชีวิตแล้ว เจอทะเลภูเขาตั้งกี่ครั้งแล้ว แต่การพาเขาไปสัมผัสน้ำทะเลครั้งแรกเขาจะรู้สึกยังไง แต่เราก็รู้สึกแทนเขาเองทั้งหมด เราก็อยากให้เขาเจอประสบการณ์แรกกับหลายๆ อย่าง

จริงๆ ก็ลุ้นเหมือนกันนะว่าจะเรียกพ่อหรือแม่ก่อน บางวันก็มีพอผมกลับมา มีเรียกพ่อๆ นิวก็บอกว่าพ่(อ)ง (หัวเราะ) เราเอ๊ะ เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศไม่ใช่เหรอ นี่คือตามหาพ่อเหรอ (หัวเราะ) เดี๋ยวก็จะพาไปทำบุญต่อครับ ผมก็พยายามพูดกรอกหูลูกตลอดให้เรียกพ่อ เพราะโมเมนต์ที่แม่เขาอยู่กับลูกจะมากกว่า แต่เราทำงานก็จะอยู่กับลูกน้อยกว่า ก็จะพยายามกรอกหูไว้ตลอด พอจุ๊บหูทีนึงก็บอกว่านี่พ่อเองนะลูก เพราะปกติแล้วพี่เลี้ยงก็ผู้หญิง นิวก็ผู้หญิง เลขานิวก็ผู้หญิงหมด ลูกจะอยู่กับผู้หญิงมากๆ ไม่ได้ พ่อก็อยากจะชวนลูกมาเตะบอล แล้วก็พาไปลุยกับพ่อบ้าง ลูกชายทั้งที

ตอนนี้ผมก็ทำงานเป็นหลักครับ นิวก็เลี้ยงลูก เขาก็ไม่ได้บ่นนะ เขารู้ว่างานเราเยอะ ด้วยความเป็นแม่ด้วย ก็สลับกัน ทุกวันนี้เสร็จงานก็กลับบ้านเลย เพื่อนๆ เข้าใจครับ (หัวเราะ) เขารู้แหละว่าลูกอ่อน เปย์ให้ลูกก็มีบ้างครับ ไปญี่ปุ่นกลับมาก็มีซื้อกลับมาให้เขา ก็ถือว่าเปย์ในระดับนึงนะ เห็นอะไรก็อยากจะให้ลูก แต่ตอนนี้ของลูกก็เต็มบ้านแล้วล่ะครับ เมียก็เข้าใจ แต่เราก็ต้องซื้อให้เมียด้วยสิครับ ไม่งั้นเดี๋ยวเมียก็จะน้อยใจ (หัวเราะ)”