xs
xsm
sm
md
lg

“หนุ่ม กะลา” ฟ้องยักยอก “จูน” อยากให้แจกแจงเงิน ปิดหนี้ให้-ขอติดตัว 5 ล้าน โวยไม่ยุติธรรมเมียเก็บสมบัติ ตัวเองแบกหนี้ (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หนุ่ม กะลา” ตั้งโต๊ะแถลง ปมฟ้อง “จูน เพ็ญชุลี” และฝ่ายบัญชี ยักยอกเงิน 66 ล้านจากบริษัท ลั่นฟ้องเพราะอยากให้ออกมาแจกแจง ไม่หวังให้ติดคุก ฉิบหาย แต่หากมีเงินก็ขอให้ช่วยปิดหนี้ ให้ติดตัว 5 ล้าน แล้วแยกย้าย หย่า จบกันด้วยดี พ้อไม่คิดว่าจะใจร้าย เลิกไปแล้วเก็บทรัพย์สินทุกอย่าง แต่ทิ้งหนี้ไว้ให้ตน ต้องรับผิดชอบ 7 แสนต่อเดือน ทั้งที่เงินเข้าปีละ 20 ล้าน สาบานเห็นเงินไม่เคยเกิน 5 ล้าน เคยตัดพ้อเป็นนักร้องที่ไม่เคยมีเงิน 10 ล้าน ได้รับเงินเดือนแค่เดือนละ 4 หมื่นเท่านั้น โวยไม่ยุติธรรม! 

กรณีที่ “ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์” ออกมาเผยว่า “หนุ่ม กะลา” ณพสิน แสงสุวรรณ เตรียมฟ้อง “จูน เพ็ญชุลี หนูแก้ว” และคนใกล้ตัวอีก 1 ราย เหตุพบว่าถูกยักยอกเงินออกจากบัญชีบริษัท เป็นจำนวนเงินสูงถึง 60 ล้าน จนกลายป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์สนั่น

ล่าสุดเมื่อเวลา 19.30 น. หนุ่ม กะลา พร้อมทนายเดชา ได้ตั้งโต๊ะแถลงถึงเรื่องดังกล่าว โดยยอมรับว่าสเตทเมนต์ไม่โกหก ตนหรือจูนพูดอะไรก็ได้ แต่สเตทเมนต์ไม่โกหก พยานหลักฐานชัด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเอาไปหรือเปล่า มีเส้นเงินชัดเจนก่อนฟ้อง

ไม่ได้กลั่นแกล้ง ที่ผ่านมาสงสัยมาตลอดว่าทำงานมาถึง 25 ปี เป็นเงินตนเองที่เลี้ยงเขาและครอบครัว ตนดูแลอย่างดี ทั้งครอบครัวตัวเองและครอบครัวเขา มันเป็นเงินตนทั้งหมด ไม่ใช่เงินจูน จูนไม่ได้ดูแลครอบครัวนะ

วันนี้ต่อให้ทุกบัญชีต่อให้มี 100 ล้านก็ไม่เอาคืน เพราะเชื่อว่าสุดท้ายแล้วจูนจะดูแลเงินนี้เพื่อลูกเป็นอย่างดี ตนแค่คิดว่าแค่ปิดหนี้ซะ หรือเป็นไปได้ขอให้มีเงินติดตัวตนสัก 5 ล้าน แล้วต่างคนต่างไปใช้ชีวิต

หนุ่ม : “ตื่นเต้น ไม่ได้เจอนักข่าวนาน (หัวเราะ)”

เดชา : “เข้าเรื่องเลย วันนี้นัดคุณหนุ่มกะลามาเปิดใจ เพราะที่ผ่านมาภรรยาเขาเปิดใจมาหลายรายการ และมีการปล่อยข่าวทางโซเชียล ทางสื่อเยอะแยะมากมาย สังคมก็ฟังด้านเดียวว่าคุณหนุ่มไม่มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว วันนี้ก็จะมาเปิดใจเรื่องการที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ทองบริบูรณ์ 365 ซึ่งคุณหนุ่มเป็นหุ้นส่วนและผู้จัดการ และมีน้องสาวเป็นหุ้นส่วน 

เงินหายไปจากบัญชี ตั้งแต่ปี 58 เรื่อยมา จนถึงปี 66 เวลา 9 ปี เงินหายไป 66 ล้านกว่า เราได้มีการตรวจสอบสเตทเมนต์ในคดีชู้ ซึ่งภรรยาเขาไปฟ้องเรื่องชู้ และมีการเรียกสเตทเมนต์มา ผมเอาเอกสารในสำนวนนั้นมาตรวจสอบ และพบว่ามีเงินหายไปจากบัญชี ผมก็ถามหนุ่มว่าเงินหายไปรวมๆ แล้วให้ลูกน้องฝ่ายบัญชีคำนวณ 66 ล้าน ก็เยอะมาก ก็ถามว่าทราบไหม หนุ่มบอกว่าไม่ทราบ พอไม่ทราบทางนี้ก็ช็อก พอรู้ว่ามีเงินหายไปขนาดนี้ ก็ช็อก

ตรวจสอบแล้วเป็นจริงหมดเลย สเตทเมนต์จากทางภรรยา และสเตทเมนต์ของห้างเอามาเทียบกัน อ้าว เงินไปเข้าบัญชีภรรยาหมด และเงินของบริษัทก็ไปตรวจสอบ หลังพบความผิดปกติของเงิน ก็ไปเช็กบัญชีของห้างทองบริบูรณ์ ตอนเขาส่งบัญชีมาหลังมีปัญหาเรื่องมือที่สาม ที่เป็นข่าว ดูแล้วคงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็เอาบัญชีมาดู ปรากฏเหลือเงินอยู่ประมาณ 2-3 แสนบาท มาดูแล้วโอ้โห ตกใจ หลังจากนั้นได้ฟ้องไปที่ศาลแขวงสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 67 เรื่องราวก็ประมาณนี้

จริงๆ วันนี้เราไม่ได้ต้องการแถลงข่าว หรือเป็นข่าว ปรากฏว่าคู่กรณีดันไปปล่อยข่าวทางโซเชียลเต็มไปหมดเลย เยอะแยะ คุณหนุ่มก็มองว่าเราเสียหาย ก็ต้องชี้แจง ประเด็นหลักๆ ประมาณนี้ นอกนั้นอยากให้ลูกความเป็นคนพูดดีกว่า เพราะผมไม่ได้ประสบภัยด้วยตัวเอง”

หนุ่ม : “จริงๆ หลักๆ ต้องบอกว่าผมไม่ได้อยากให้เป็นข่าวเลย ที่ผ่านมาถ้าสังเกต ตั้งแต่เป็นข่าวเรื่องมือที่สาม ผมออกมาพูดแค่ครั้งเดียวด้วยซ้ำ และออกรายการพี่หนุ่ม โฟนอินเข้าไปครั้งเดียว การที่ไม่ออกมาพูดเลย ผมรู้สึกว่าผมกลัวกระทบถึงลูก ผมรู้สึกว่าเข้าใจผิดหรือเข้าใจถูกก็ไม่สำคัญ สำคัญคือถ้าสิ่งนี้บานปลายเรื่องจะไปถึงลูก และมีผลกระทบต่อเด็ก

ครั้งนี้ก็ไม่คิดจะพูดเลยครับ สิ่งเดียวคือวันนั้นผมอยู่ที่วัด ผมจะบวช ผมขอพี่เดชาว่า พี่เดชาครับ ขอว่าพี่อย่าทำข่าวนะ ผมบวชนะ ผมเหนื่อยมาพักนึงแล้ว ผมอยากไปบวช พี่เดชาก็รับปากว่าได้ๆ ไปบวชเลย ทีนี้พอเราไม่ได้ทำข่าว อยู่ดีๆ ก็เริ่มมีข่าว มีคนส่งมาให้ว่าจากบางเพจ จากบางบุคคล ว่าเราจะบวชหนีไปอยู่กับเมียน้อย หรือนั่นนี่ อะไรก็ตามแต่ สองวันที่ผ่านมาก็เริ่มเป็นกระแสหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่ได้เล่นโซเชียลในช่วงหลังๆ มีคนส่งมาให้ดูบ้าง ก็โอ้ ผมให้พี่เดชาเป็นคนคอยวิเคราะห์ให้ว่าร้ายแรงไปถึงไหน ไปถึงเบอร์ไหน จนตอนสี่ห้าโมงเย็นที่ผ่านมา พี่เดชาบอกว่าต้องพูดหน่อยนะ เพราะไปไกลเหมือนกัน นั่นคือสาเหตุที่ผมออกมา

เจตนาผม ผมคิดว่าการที่ผมไปฟ้องต่อศาลเพื่อเคลียร์ปัญหาเรื่องการยักยอก ผมว่ามันคือปัญหาภายใน ผมไม่ได้เป็นคู่แรกที่เลิกกันแล้วศาลเป็นคนตัดสิน มันมีอีกเป็นร้อยเป็นล้านคู่ ผมคิดว่าการให้ศาลคุยนี่เป็นการคุยภายใน ไม่ใช่ใช้สื่อมากดดันว่าผมเลี้ยงลูก ชั่วร้าย แต่พอฝั่งนั้นพูด มันก็ถึงเวลาที่ผมต้องอธิบายหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น

จริงๆ ต้องบอกว่าที่ผ่านมา ผมนับตอนเป็นศิลปินเดี่ยวนะครับ สัก 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้มีข้อสงสัยเลยเกี่ยวกับการเงิน เพราะเราเป็นสามีภรรยา ผมจ่ายค่าไฟเองยังไม่เป็นเลย ผมมีหน้าที่ออกไปหาเงินกลับมา แต่จุดที่ทำให้รู้สึกว่าตอนที่เราคุยกันและจะคืนบัญชี พอเขาคืนเงินมา 2-3 แสน มันก็เลยเป็นจุดที่ทำให้ผมรู้สึกว่า เดี๋ยวนะ ผมต้องรับผิดชอบรายเดือนเขาและลูกอีกหลายแสน เกินจำนวนเงินที่เขาคืนผมมาด้วยซ้ำ แล้วเงินไปไหนหมด

เขาไม่เคยให้เหตุผลอะไรผมเรื่องเงินเลย ผมได้เป็นเงินเดือน เดือนละ 4 หมื่นบาท ผมได้เท่านั้นครับ พอเขาตัดกลับมา ผมก็ตกใจว่าเงินไปไหนแล้ว แต่มันเช็กสเตทเมนต์ทางมือถือได้คร่าวๆ แล้วชื่อออกไปเป็นเพ็ญชุลีๆๆ

ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟังเรื่องนึง ผมเคยพูดกับจูนว่าทำไมบ้านเราไมมีเงินสิบล้านสักที คำพูดนี้อยู่ในไลน์ ผมคุยมาตลอด ว่าผมเป็นศิลปินที่น้อยเนื้อต่ำใจมาก พูดอย่างตรงไปตรงมาว่าทำไมผมไม่เป็นนักร้องที่มีเงินสิบล้านสักที ทุกครั้งที่เราไปแบงก์ ผมเป็นกรรมการต้องเป็นคนเซ็นเพื่อเบิกเงินได้ คำถามคือแล้วทำไมเงินไปที่เพ็ญชุลีได้โดยที่ผมไม่ได้เซ็นชื่อ สองทุกครั้งที่ผมไปแบงก์ 

สมมติผมทำงานตั้งแต่ม.ค ถึงเดือน 6 มีรายได้เดือนละ 10 ล้าน ผมตีให้ฟุ่มเฟือยสุดๆ เงินเหลือสัก 5 ล้าน แต่ไม่ครับเงินจะเหลือ 2 ล้าน พอทำงานมาครึ่งปี เราก็รู้สึกว่าเดี๋ยวดิ เงินของเราไปไหน คำตอบที่ได้คือค่าใช้จ่าย มีนั่นมีนี่ ไม่ได้เพิ่งเกิดตอนผมมีประเด็นข่าวกับเขานะ เป็นอย่างนี้ตั้งแต่ตอนเป็นกะลาด้วยซ้ำ ทุกอย่างกระจ่างตอนเห็นสเตทเมนต์ ทำไมผมเห็นยอด3 ล้าน ยอด 2 ล้านเพราะก่อนเหลือ 3 ล้าน เงินถูกกระจาย วันศุกร์จะเข้ามา 1 ล้านออก 2 ล้านออก 8 แสนออก ยอดนี้เหลือให้ผมเห็นว่าเหลือเท่านี้

วันนี้เขาบอกเป็นคนในครอบครัว ทำไมไม่คุยกัน ผมคุยกับจูนมาหลายเดือนแล้วนะ ทุกอย่างอยู่ในไลน์หมด คุยหลายเดือนมาก ผมบอกว่าตอนนี้ผมเป็นหนี้ 10-20 ล้าน ถ้าบริหารเงินผมได้จริง ผมเป็นนักร้อง 26 ปี ทำไมผมเป็นหนี้ 20 ล้าน ถ้าหาเงินได้ปีละ 20 กว่าล้าน ซึ่งเป็นหนี้บ้าน หนี้รถเขาสองคัน หนี้รถผม 1 คัน หนี้คอนโด ทุกอย่างไม่เคยมีการดูแล ทุกอย่างเป็นหนี้หมดเลย ทีนี้ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร พอเห็นสเตทเมนต์ก็เริ่มมาพบพี่เดชา บอกว่าผมไม่ได้จะเอาเงินคืนนะ ไม่ได้จะเอา 66 ล้านคืน นี่แค่บัญชีเดียวนะ ต่อให้เป็น 100 ล้าน ผมก็ไม่เอาคืน แต่ผมขอเขาในไลน์มาโดยตลอดว่าจูนปิดหนี้ให้หน่อย ถ้าเป็นไปได้ขอเงินติดตัว 5 ล้านได้ไหม แล้วจบกัน”

ยันที่ผ่านมาจูนอยากหย่า แต่ตนยื้อหย่าไม่ได้ เงินฉันอยู่ไหน
หนุ่ม : “ผมเห็นคุณพ่อส่งคอมเมนต์มาให้ว่าอยากหย่าขนาดนี้เลยเหรอ ไม่นะครับ ความจริงแล้วจูนบอกจะหย่าประจำ อยู่เรื่อยๆ เลยช่วงหลัง แต่ผมบอกหย่าไม่ได้ เพราะเงินของฉันมันอยู่ที่ไหน เราต้องคุยกันเรื่องนี้ก่อน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น ผมได้เงินเดือน 4 หมื่นครับ มันจะค่อยๆ เพิ่ม ก่อนหน้านี้อาจ 2 หมื่น หลังๆ มา 4 หมื่น ผมได้ 1 แสน ตอนแยกบ้านได้แล้วประมาณ 1 ปีครึ่งหรือ 2 ปี ผมขอเขา เพราะผมบอกเขาว่าผมอยู่ด้วยเงิน 4 หมื่นไม่ได้ ผมมีงานเกือบเต็มเดือน การเลี้ยงข้าวลูกน้องตกมื้อละ 2-3 พัน มันอยู่ไม่ได้ พอไปอยู่กับแม่ ผมก็ต้องกลับไปรับผิดชอบบางอย่าง มันอยู่ไม่ได้ เลยขอเขา 1 แสน ซึ่ง 1 แสนก็เพิ่งได้

หลังเจอว่าเงินหายไป ก็คุยกับจูน เขาบอกว่าไม่มีครับ เขาบอกว่าไม่มีเงิน ตอนเป็นประเด็นข่าวเมื่อปีที่แล้ว มีบางช่องพูดว่าพี่หนุ่มมีเงิน 8 ล้าน สาบานให้ตาย เกิดมาในชีวิต ผมไม่เคยเห็นเงินในบัญชีตัวเองเกิน 5 ล้านด้วยซ้ำ ที่เขาบอกว่า 8 ล้านเขาขอเก็บไว้ให้ลูก ผมดีใจที่สุดในชีวิตด้วยซ้ำว่าเอาเว้ย เลิกกันไปลูกยังมี 8 ล้าน ใจยังคิดอย่างนั้นเลยครับ

ลั่นไม่คิดว่าจะใจร้าย เลิกไปแล้วเก็บทรัพย์สินทุกอย่าง แต่ทิ้งหนี้ไว้ให้ตน
“มันมีคำถามทุกครั้งที่ไปแบงก์ แต่ไม่ได้ต้องการคำตอบ เพราะผมไม่ได้คิดจะไปไหนกับเขา แล้วผมก็ไม่คิดว่าคนนึงจะใจร้าย ขนาดเลิกกันไปแล้ว ตัวเองเก็บทรัพย์สินทุกอย่าง แล้วทิ้งหนี้ให้ผมแบบนี้ บางคนพูดว่าขนาดออกมาแล้ว ยังไม่รับผิดชอบดูแลลูก ค่าใช้จ่ายในบ้านผมเดือนละ 7 แสน ผมยังจ่ายให้ทุกเดือนนะครับ จ่ายถึงพี่จูนด้วยนะครับ

ฟ้องเนี่ยคือการที่เขาต้องมาแจงกับผมว่าเงินไปไหน แล้วเมื่อเขาแจงได้หรือไม่ได้ก็ตาม เราต้องคุยกันว่าถ้าไม่อยากให้เรื่องบานปลาย ก็ปิดหนี้ให้หน่อยแล้วจบกันไปนะ คำตอบเขาก็คือไม่ครับ ไม่มี อยากฟ้องก็ฟ้อง ไหนหมายล่ะ”

เลือกฟ้องเพราะแบ่งสินสมรสไม่ได้
หนุ่ม : “มันแบ่งสินสมรสไม่ได้ ตอนผมแยกออกจากบ้าน ของทุกอย่างที่เป็นหนี้เขาให้ผม แต่ทุกอย่างที่ผ่อนหมดแล้ว เขาเอานะครับ นั่นคือสิ่งที่ผมจะเริ่มแบ่งจากอะไรครับ”

เดชา : “สินสมรสถูกจำหน่ายโดยคู่สมรสอีกฝ่าย ถ้าพูดภาษากฎหมายนะ ฉะนั้นเมื่อสินสมรสหายไป 66 ล้านก็จะฟ้องหย่าแบ่งสินสมรสไม่ได้ เป็นหลักกฎหมายครอบครัวเลย จึงไม่สามารถฟ้องหย่า ฟ้องไปก็กลายเป็นไม่มีสินสมรส ก็ใช้คดีอาญานี่แหละว่าคุณได้ทำการยักยอกเงินส่วนนี้ไป แต่เงินส่วนนี้ไม่ได้เป็นสินสมรส เป็นเงินของห้างหุ้นส่วน คนละเรื่องกันเลย หนี้สินทรัพย์สินเวลาหย่าต้องแบ่งกันคนละกึ่ง เป็นไปตามกฎหมายครอบครัว แต่เงินที่ยักยอกไปของหจก. เป็นคนละส่วน เงินที่ยักยอกไม่ใช่สินสมรสนะ เวลาติดตามข่าวอยากให้ทุกคนมีสติและไปทำการบ้านบ้าง โจทก์ที่ฟ้องคือหจก. ไม่ใช่หนุ่มกะลานะ บางคนบอกเมียมาเอาเงินผัวไป ผัวจะมาฟ้องอาญาอะไร ไร้สาระ นี่เป็นคดีนิติบุคคล ผมทำมาหลายคดี อย่างคดีเสี่ยเกาลัดตกรถ จำได้ไหม ก็เหมือนกัน มีการฟ้องร้องแบบนี้ หลักๆ ก็แค่นี้”

ไม่ยุติธรรม ต้องผ่อนบ้าน รถ ส่งลูก รวมค่าใช้จ่าย 7 แสนต่อเดือน
หนุ่ม : “จริงๆ ผมมีคำพูดนึงที่ผมพูดกับทุกคนเสมอรอบๆ ตัว ว่าผมรู้สึกผิด ที่ผมทำสิ่งนั้น ผมยอมรับผิดอย่างลูกผู้ชาย เพราะสุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องที่ทำให้เราอยู่กันไม่ได้ พอแยกทางก็ต้องตกลงกันว่าจะเอายังไงต่อ ทีนี้ปัญหาคือเราตกลงกันไม่ได้ สมมติคุณทำงานได้ 100 แต่คุณต้องใช้จ่ายเพื่อคนอื่น 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วจะอยู่ยังไง แล้วเป็นหนี้อีก ผมทำงานมาทั้งชีวิต ผมรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับผม เงิน 60 ล้านหายไปหมด กลายเป็นว่าผมต้องมานั่งผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ทุกวันนี้ก็ยังต้องทำนะครับ ส่งลูก ลูกหาหมอ เดือน 4 แสนก็ว่าไปครับ ถ้ารวมๆ สองบ้าน รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ประมาณ 7 แสน”

มีหลักฐานว่าเงินยังอยู่ยิ่งดี จะได้เอามาปิดหนี้
หนุ่ม : “ดีสิครับ (หัวเราะ) ถ้ารู้ว่าเงินอยู่ไหนก็เอาสิ ปิดหนี้เลย ผมอยากเห็นเงิน 60 ล้านว่าอยู่ไหน ถ้าเงินยังอยู่ ก็ยิ่งดี ปิดหนี้สิ ก็จบแล้ว เราก็จดทะเบียนหย่า ตกลงกันเรื่องลูก”

คุยในไลน์ตลอด มีทุกรูปแบบ รู้ว่ามีเงิน ช่วยปิดหนี้ให้หน่อย แต่อีกฝ่ายบอกไม่มี!
หนุ่ม : “ผมคุยในไลน์ตลอด ดี มีอารมณ์ คุยนุ่มนวล มีทุกแบบแหละครับ เขาก็บอกว่าไม่มีไงครับ เราอาจไม่ได้คุยกันเรื่องเงิน 66 ล้านครับ แต่ผมรู้ว่าเขามี ผมก็เลยพูดว่าเอาเงินปิดหนี้ให้หน่อย แล้วจบเลย ต่างคนต่างไป บ้านต่อให้ปิดแล้งจะให้เป็นชื่อเราทั้งคู่ด้วย แต่เขายืนยันว่าไม่มี

ผมขอย้อนกลับไป 2 ปีที่ผมแยกบ้านมา นั่นคือ 2 ปี ผมไม่ได้เอาเงินออกมาใช้หรือช้อปปิ้งเลย มีแค่เงินเดือน 4 หมื่นบาทต่อเดือน นอกนั้นไม่มีรายจ่ายเลย เท่ากับเงินผมปีละ 20 ล้านจะเข้าเขาเต็มๆ 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างน้อยที่สุดก่อนหน้านั้น 7 ปีไม่มี ผมเชื่อ แต่สองปีมันต้องมีสิครับ จะเหลือ 8 ล้านได้ไง

เงินเข้าต่อปี 20 ล้าน แต่สาบาน เห็นเงินไม่เคยเกิน 5 ล้าน
หนุ่ม : มีผม น้องสาว แล้วก็เขาครับ ตอนแรกเขาเป็นด้วย หลังเกิดปัญหา ตอนนี้ผมกลับมาดูแลเองแล้ว ผมรู้เพราะเพิ่งเอาบัญชีมาดูแลเอง น้องสาวเป็นแค่หุ้นส่วน มีแค่จูนกับฝ่ายบัญชีอีก 1 ท่าน (จำเลยที่ 2) จริงๆ คนเซ็นอนุมัติต้องเป็นผมเบิกเงิน ก็แอบตกใจที่เห็นสเตทเมนต์เป็นเพ็ญชุลีๆ เพื่อนๆ ให้คำปรึกษาบ้างว่าเป็นไปได้ที่เขาจะใช้แอปฯ หรือเปล่า ส่วนน้องสาว เขาก็แล้วแต่ผม

ช่วงที่เอาเงินมาดูแลเอง มีเงินเข้าออกเท่าไหร่ (หัวเราะ) ปีนี้ผมรับงานไม่เยอะ แต่ถ้าเทียบกับปีที่แล้ว ที่เป็นปีทีเริ่มรับงานน้อยแล้ว จะมี 15-18 ต่อเดือน นี่งานร้องเพลงเฉยๆ ไม่รวมค่าลิขสิทธิ์ ค่ารีวิว หรืออะไรก็ตาม เงินเข้าต่อปี 20 ล้าน โดยประมาณครับ ระหว่างที่อยู่แบบสามีภรรยา ไม่เคยเห็นเกิน 5 ล้าน สาบานเลยครับ ครั้งสุดท้ายที่เห็นเงินเกือบ 5 ล้านก่อนเป็นโควิด จำได้เลยว่านั่งอยู่บนที่นอน แล้วรู้สึกว่าโห แม่xเอ้ย งานยังไม่เปิด กูตาย คนเป็นหัวหน้าครอบครัว กูตายแน่ แล้วค่าใช้จ่ายโคตรโหดเลย พอวันนี้มารู้ ผมเสียใจมาก ผมจำภาพที่ผมนั่งอยู่บนที่นอนแล้วโห แม่x วันนั้นผมเครียดมาก แต่พอมาเห็นบัญชีที่มันออกไปแล้ว เฮ้ย ถ้าพูดกับกูสักคำ

ถามว่าเคยสงสัยไหม ทำไมเงินไม่มากขึ้นกว่านี้เลยเหรอ เขาให้เหตุผลว่าเป็นค่าใช้จ่าย ทุกครั้งที่ได้ยินก็จะบอกว่าโห ค่าใช้จ่ายมันเยอะนะ เธออยากถือเองเปล่าล่ะ แต่ในที่สุดแล้ว ผมอยากบอกว่าสเตทเมนต์มันไม่โกหก ผมหรือจูนพูดอะไรก็ได้ แต่สเตทเมนต์ไม่โกหก”

เดชา : “นัดเจอกันอีกทีน่าจะ 23 ก.ค. คดีนี้หลักฐานมันชัด ฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเอาไปหรือเปล่า มันชัดในสเตทเมนต์ เงินทุกบาททุกสตางค์เข้าบัญชีเขา มีเส้นเงินชัดเจนก่อนฟ้อง ไม่ได้อยู่ดีๆ ไปกลั่นแกล้งเขานะ หลักฐานมันชัดโดยไม่ต้องอธิบาย ถ้าเขาบอกว่าไม่ได้ทุจริต ก็เอาหลักฐานมา ว่าเงินในบัญชีเขาเอาไปไหน ทำอะไร ถ้าไม่ชัดไม่ฟ้อง บอกเลย เส้นเงินชัดเลย ไล่ออกมา ที่ฟ้อง ฟ้องตามสเตทเมนต์”

ลั่นที่ผ่านมา เป็นเงินของตนที่เลี้ยงเขาและครอบครัว ตอนนี้ถึงมี 100 ล้านก็ไม่เอาคืน ขอแค่ปิดหนี้
หนุ่ม : “ถ้าคนมองว่าเขาเป็นผู้หญิง มีลูก ก็อยากจะบอกว่า 25 ปีที่ผ่านมา เป็นเงินผมนะครับที่เลี้ยงเขาและครอบครัว ผมบกพร่องตรงไหน ผมไม่ได้บกพร่องอะไรนะครับ ผมทำผิดผมก็ยอมรับผิดว่าผมทำสิ่งไม่ดี เท่าที่ผู้ชายคนนึงจะทำกับครอบครัวนึง แต่ถ้าเรื่องดูแล ผมดูแลอย่างดีที่สุด ทั้งครอบครัวตัวเองและครอบครัวเขา ตลอด 25 ปี การเป็นนักร้อง มันเป็นเงินของผมนะครับ ไม่ใช่เงินของจูน จูนไม่ได้ดูแลครอบครัวนะ

วันนี้ต่อให้ทุกบัญชีรวมกัน ถ้าเราขึ้นศาลแล้วขอสเตทเมนต์จากแบงก์อื่นได้อีก ต่อให้มีเป็น 100 ล้านผมก็ไม่เอาคืน เพราะเชื่อว่าสุดท้ายแล้วจูนจะดูแลเงินนี้เพื่อลูกเป็นอย่างดีได้อยู่แล้ว ผมแค่คิดว่าแค่ปิดหนี้นี้ซะ แล้วต่างคนต่างดูแลลูก ก็จบ ส่วนที่มีคำถามว่าเกี่ยวกันไหม กับการโดนยักยอก ทำให้นอกใจ ไม่ใช่ครับ”

เดชา : “เบื่อ ไม่อยากกลับบ้าน ไม่เคยพูดนอกใจเลย”

หนุ่ม : “ถามว่าเกี่ยวไหม ก็ไม่ครับ”

อยากคุยบนศาล ไม่ใช่ผ่านสื่อ ลั่นถูกภรรยาให้เพื่อนไปโพสต์บวชเพื่อไปอยู่กับเมียน้อย
หนุ่ม : “เวลาไปส่งลูกตอนหัวค่ำ ผมยังเจอเขานั่งกินข้าวอยู่เลย ทำไมไม่หันมาคุยกับผม (หัวเราะ) ผมไปเจอลูกทุกวันถ้าผมว่าง ผมไปรับลูกที่โรงเรียน ไปทำกิจกรรมกับลูก ผมไปส่งหลายๆ ครั้ง ผมก็เจอเขานั่งกินข้าวช่วงตอนหัวค่ำ ก็ทำไมไม่หันมาคุยกับผม ความจริง เราทั้งคู่รู้ดีว่าเราคุยกันอยู่แล้ว ทำไมเราไม่คุยกันให้จบ ก็คุยกันให้จบ วันนี้มันปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าคุณไม่มีเงิน คุณมีเงินอยู่จริงๆ และควรเอามาเคลียร์ในส่วนที่ผมต้องรับผิดชอบ

จริงๆ บัญชีทองบริบูรณ์มีแบงก์อื่นด้วย แต่นี่เราเอามาแบงก์เดียว แบงก์อื่นมีปัญหาไหม ยังไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้ตรวจสอบ จริงๆ ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะให้เขาฉิบหาย ไม่ได้คิดว่าจะทำสิ่งนั้นกับเขาเลยด้วยซ้ำ ผมแค่เป็นหนี้ ผมรู้สึกว่ายิ่งผมเป็นกระแสข่าวมากเท่าไหร่ มันไม่ดีต่องานบันเทิงผมแน่นอน ถ้าไม่เป็นผลดี แล้วจะหาเงินที่ไหนมาเลี้ยงลูก ผมก็อายุเยอะแล้ว สิ่งที่ควรทำที่สุดคือเอาเงินมาปิดหนี้ให้เราซะ แล้วจบกันไปดีกว่า ผมไม่ได้ต้องการไปขุดว่าเธอโกงฉันกี่บาท ประเด็นของผมแค่อยากคุย เคลียร์ และให้คุยบนศาลเท่านั้น ผมว่าการที่ผมไม่ออกมาทำข่าวเลย มันก็ค่อนข้างภายในสุดๆ แล้วนะ อันนี้เรียกว่าภายในมากแล้วนะ แต่การที่ไปพูด หรือให้เพื่อนบางคนโพสต์ว่าผมบวชเพื่อไปอยู่กับเมียน้อย มันไม่ใช่เลย ผมอยากอยู่เงียบๆ ถ้าเขาอยากคุยกับผมจริงๆ เขาต้องคุยกับผม ไม่ใช่คุยผ่านสื่อ”

อยากบวชเพราะเหนื่อย
จริงๆ จะบวชวันที่ 15 ก.ค. เดือนกว่าๆ ส่วนสาเหตุที่อยากบวชเพราะเหนื่อยครับ ไม่ได้เหนื่อยแค่เรื่องข่าวที่เกิดขึ้น ถ้าจำได้ ผมจะชอบสัมภาษณ์ว่าผมรับเงินเยอะเกิน มันโอเวอร์โหลดมาหลายปีมาก พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา ก็อยากอยู่สงบๆ สักเดือนกว่าๆ ไปอยู่ป่าซะ จริงๆ มันก็เกี่ยวทั้งเรื่องส่วนตัวและงาน ทุกอย่างเลยครับ เรื่องบวชมีมานานแล้ว ถ้าผมรู้ว่าเป็นแบบนี้ผมจะไม่บวช แต่ก็โชคดีที่เราไม่ได้กำลังฟ้องเขาเพื่อให้เขาติดคุก หรือฆ่าเขาให้ตาย มันคือการอยากจะคุย ผมเลยไม่ได้ทุกข์ใจว่าสิ่งนี้คือปัญหากับการบวช ถ้าการคุยยังไม่ลงตัว การบวชก็ไม่กระทบ ผมก็ไปบวชตามหน้าที่ของผม บวชเดือนกว่าๆ”

“การออกมาพูดวันนี้ไม่เกี่ยวกับการปล่อยเพลง เพราะเพลงปล่อยไปก่อนหน้านี้ ยอดวิวแค่ 1.6 ล้านเอง ไม่ได้ต้องการกระแส ตอนนี้ถ้าเปรียบกับชีวิต ผมว่าเพลงปล่อยของผมเหมาะที่สุด เนื้อหาคือการปล่อยวางทุกอย่าง เหมือนชีวิตผมตอนนี้ ผมไม่ค่อยได้เล่นโซเชียลมากนัก ที่เห็นผมลงโซเชียล มันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ เพราะผมยังทำงานในวงการบันเทิง พอมันนิ่งๆ ก็แพลนมาแล้วว่าจะบวช ได้จังหวะพอดี ก็ปล่อยเพลงนี้ เดือนกว่าๆ ไม่ได้นานมาก แต่สำหรับผม ผมคิดว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อใจผมมากๆ ตอนนี้ทำใจไม่ได้เลยที่จะไม่เจอลูก ผมก็ยังส่งข้อความไปหาจูนก่อนที่คนทั้งโลกจะบวช ผมก็ส่งไปว่าจูน 15 นี้ผมจะบวช ถ้าไม่รบกวนเธอจนเกินไป พาลูกมางานบวชได้ไหม เขายังถามว่าบวชวัดไหน ก็ยังมีอยู่”

ไม่ได้รู้สึกดี และไม่ขอตอบเรื่องมือที่สาม
หนุ่ม : “จริงๆ ช่วงที่ผ่านมาไม่ได้สบายใจขึ้นเลย (หัวเราะ) ที่ผ่านมาไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย มันมีเรื่องมาตลอด ถ้าใครได้ตามเรื่องนี้ จะเห็นว่าผมโดนกระแสเรื่องมือที่สาม ทุกครั้งที่มีกระแสฝั่งนั้น ผมก็โดนด้วยเสมอ มันก็ไม่ได้มีความสุข 100 เปอร์เซ็นต์ ถามว่ากับมือที่สามยังติดต่อไหม อันนี้ตอบไม่ได้ครับ ต้องให้พี่เดชาตอบ”

เดชา : คดีอยู่ในศาล ปัจจุบันอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ มือที่สามก็ฟ้องคุณจูนกลับเป็นคดีอาญา เบิกความเท็จ นำสืบเท็จ พยานเท็จ ในคดีที่ไปฟ้องเขาเรื่องเมียน้อย อยู่ในศาล ยังเป็นคดีพิพาท ยังไม่จบ ถ้าเขาไปตอบเดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องคดีความขึ้นมา เพราะทางโน้นเขาฟ้องกลับ”

ไม่ได้มั่นใจว่าจูนมีเงิน 66 ล้าน แต่สเตทเมนต์ไม่โกหก
หนุ่ม : “ผมไม่ได้มั่นใจว่าเขามีเงิน 66 ล้าน ผมคิดว่าต่อให้ผมขึ้นศาล ผมก็ไม่ได้เงินสักบาทเลยครับ กฎเกณฑ์การทำแบบนี้ มันรู้ปลายทางอยู่แล้วแต่ถ้าถามว่าผมมั่นใจจากอะไร สเตทเมนต์มันโกหกคนไม่ได้ครับ จริงๆ ถ้าเกิดว่าผมไม่ใช่นักร้อง ผมเป็นคนบื้อๆ คนนึงด้วยซ้ำ ผมเดินห้างเองไม่ได้ จ่ายค่าไฟไม่ได้ จูนเหมือนเป็นเหมือนเพื่อน แม่ พี่สาว พี่ชาย เขาทำแทนหมดเลยทุกอย่าง บางอย่างต่อให้เราสงสัยแค่ไหน ก็จะไม่เอ่ยปากถามหรอก เพราะรู้สึกว่าอยู่มานาน เหมือนเวลาอยากได้แว่นสักอันแล้วแม่ไม่ซื้อให้ ก็หงุดหงิดแค่เวลานั้นแล้วก็จบ

การซื้อของต่างๆ ถามว่าร้องขอบ่อยไหม ก็ไปช้อปปิ้งด้วยกัน เท่าที่เขาจะกรุณาแหละครับ (หัวเราะ) สิ่งไหนเหมาะสมเขาก็ให้ ไมโครโฟนที่ร้องอัลบั้มจอย ผมก็เก็บเงินซื้อเอง ทั้งที่เงินอยู่ที่จูน”

ถ้าทำเพื่อลูกต้องไม่เอาเงินเดือนจากตน
หนุ่ม : “ถ้าทำเพื่อลูกต้องไม่เอาเงินเดือนจากผมแล้วครับ

ไม่ทราบสาเหตุกับสิ่งที่ทำ
หนุ่ม : “ผมไม่ทราบเลย เขาอาจไม่มีความมั่นใจ เขาระแคะระคายเรื่องบุคคลที่สามมาแล้วสัก 2-3 ปี สมมตินะครับ เขาก็เลยตั้งรับเรื่องนี้ไว้เลย แต่พฤติกรรมนี้เป็นมาก่อนมีอันนี้นะครับ สเตทเมนต์มันย้อนกลับไปไกลมากจนผมตกใจมากว่าเฮ้ย ช่วงที่เรายังมีเงินไม่เยอะ เธอก็เอาเหรอ (หัวเราะ)”

เดชา : “9 ปีที่ฟ้องไป ตั้งแต่ปี 58 ถึงปี 66”
อึกอักภรรยาฟุ้งเฟ้อ รับเห็นแบรนด์เนม 5 ใบ รองเท้าแอร์เมส ตกใจ ไม่ได้ดูถูกเงินเดือน ตนร้องเพลงคืนเดียว เท่ากับเงินเดือนเขา
หนุ่ม : “ผมพูดได้เหรอครับ ผมไม่อยากพูดเลย ไม่อยากให้ใครมองเขาไม่ดี ช่วงเวลาอยู่ด้วยกัน ผมว่าของส่วนมากจะอยู่ในสายตาผมที่ซื้อ กระเป๋าแพงแค่ไหน รถ นาฬิกาเรือนเป็นล้าน จะอยู่ในสายตาของผม ว่าเธอซื้ออันนี้ๆ นะ แต่หลังแยกบ้านไปแล้ว ผมเห็นช้อปปิ้งแบรนด์เนม 5 ใบ เห็นรองเท้าแอร์เมส อะไรก็ตามที่เขาไม่ซื้อตอนอยู่กับผมเลย ผมก็ตกใจ ไม่ได้ดูถูกเรื่องเงินเดือนนะครับ ผมร้องเพลงคืนเดียว เท่ากับเงินเดือนเขา แล้วเขาซื้อขนาดนี้เลยเหรอ ผมยังไม่กล้าซื้อของขนาดนี้เลย นั่นก็คือปัญหาที่ผมรู้สึกแค่ว่าเรากำลังลำบากมากเลย แยกบ้านออกมา แต่คุณสุขสบาย เราต้องมานั่งรับผิดชอบ แค่นั้นเลยครับ”

ฟ้องเพราะอยากให้แจกแจง มีเงินก็ปิดหนี้ มีเงินมหาศาลแค่ไหนก็เอาไปเลย เดี๋ยวหาใหม่ได้
หนุ่ม : “ธงของผมกับพี่เดชา เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น คือเราฟ้องเขาก็จริง แต่เราแค่อยากให้เขาแจง ถ้ามีเงินอยู่ก็ปิดหนี้ให้ผม ต่อให้มีเงินมหาศาลขนาดไหน เอาไปเลยครับ ไม่เอาครับ เดี๋ยวทำใหม่ได้ เอาไปดูแลลูกได้เลย ผมเชื่อว่าเขาเป็นแม่ที่ดีอยู่แล้ว และจะเก็บเงินนี้เพื่อลูกได้แน่ๆ ก็จบ ต่อให้ปิดหนี้แล้ว ผมก็จะส่งเสียลูกอยู่นะครับ จะเป็นเช่นนั้น ค่าเทอมลูก ค่าใช้จ่ายลูกทุกอย่าง ก็จะเป็นเช่นนั้น”

ชีวิตคู่จบมานานแล้ว ร้าวกว่านี้ไหม ตอบไม่ได้
หนุ่ม : “จบดี ความสัมพันธ์ชีวิตคู่ถามว่าจะจบด้วยไหม จริงๆ มันจบมานานแล้ว ส่วนจะร้าวกว่านี้ไหม ผมตอบไม่ได้ จริงๆ ผมไม่ได้โกรธเขา ไม่ได้คิดว่าต้องติดคุกนะ ผมพูดได้หรือเปล่า มีข้อกฎหมายบางอย่าง การยักยอกทรัพย์มีผลต่อบริษัทที่เขาทำงาน ผมพูดกับพี่เดชาว่าผมไม่ต้องการเห็นใครฉิบหาย ไม่ต้องการเห็นใครล้ม ผมแค่อยากคุย อยากได้ส่วนที่เป็นธรรมต่อผม แค่ส่วนที่ผมร้องขอ”

เดชา : “ที่ออกมาฟาดฟันกัน ถามว่าจะเป็นผลเสียต่อลูกไหม การฟ้องร้องเป็นเรื่องในศาล แต่ฝั่งโน้นไปปล่อยข่าวผ่านโซเชียลเต็มไปหมด จริงๆ เขาต้องการคุยที่ศาลแล้วจบ แม้แต่วันนี้ก็ไม่อยากมา คะยั้นคะยอถึงมา”

ทำผิดจริงก็ให้มาคุย อย่าเอาสื่อมาบีบให้คนกระหน่ำด่าตน ลั่นโดนเล่นข่าวเรื่อยๆ คนก็เสื่อมศรัทธาเรื่อยๆ
หนุ่ม : “ผมว่าความโชคดีคือลูกยังเด็กมา จนไม่รับรู้อะไร แต่ถ้ายืดเยื้อไปเรื่อยๆ ผมว่าถ้าเขารู้สึกอย่างที่เขาพูดจริงๆ มันต้องคิดถึงลูก มันต้องไม่เป็นแบบนี้ มันต้องไม่ใช่การใช้สื่อฟาดฟันกัน ผมโดนด่าค่อนข้างหนักนะครับ รอบนี้ ผมก็เฮ้ย อะไรวะ แต่ก็ไม่กระทบอะไรมาก เพราะรอบที่แล้วโดนด่าหนักกว่านี้ แต่ครั้งที่แล้วผมขอโทษ ผมยอมรับผิด ผมเจอใครก็ตาม ผมบอกว่าผมแม่xเหี้- มาก ทำตัวไม่ดีที่สุดในชีวิต

แต่ครั้งนี้ในบทบาทกลับกัน ถ้าเขาทำผิดจริงๆ เขาควรมาคุยกัน ตกลงกัน ไม่ใช่เล่นบทบาทเดิมโดยใช้สื่อมาบีบให้คนกระหน่ำด่าผม สุดท้ายก็มีผลกระทบต่องาน แล้วมันก็วนกลับไปลูก เพราะสุดท้ายแล้วผมก็ไม่มีเงินไปเลี้ยงดูลูกและครอบครัวของผม ความจริงมีผลกระทบกับงานเยอะมากๆ นะครับ เยอะเลย แฟนๆ หน้าเวทีสายตาไม่ได้เปลี่ยน แต่การที่เราโดนเล่นข่าวแบบนี้ไปเรื่อยๆ คนจะเริ่มเสื่อมศรัทธาไปเรื่อยๆ เราเป็นนักร้อง มันปฏิเสธไม่ได้ว่าเราขายความเชื่อบางอย่าง เราขายความเป็นพี่เป็นน้องกับเขา แต่เมื่อเขามองเราแล้วมองว่าเป็นผู้ร้าย มันก็ต้องมีผลอยู่แล้ว

ผมเห็นว่าคนเมนต์ว่าร้องเพลงรักไม่อินแล้ว จริงๆ แล้วก็ยังร้องเพลงได้อยู่ งานอัลบั้มใหม่ก็แต่งเพลงเสร็จไปหมดแล้วด้วยซ้ำ ครั้งที่แล้วผมเคยขอโทษไปทีนึงแล้ว ผมก็ยังยืนยันเหมือนเดิม ว่าผมทำตัวไม่เหมาะสม ขอโทษผ่านไปทางนี้นะครับ แต่เรื่องฟ้องยักยอก ผมออกมาอธิบายเพื่อปกป้องตัวเองและครอบครัว เพราะทุกครั้งที่เป็นข่าว ครอบครัวผมก็โดนไปด้วย ผมคิดว่าถ้าคนเข้าใจก็ขอบคุณมากๆ ส่วนคนไม่เข้าใจ อย่างน้อยก็ฟังไว้เป็นข้อมูลครับ”

ลั่นมีเรื่องเลวร้ายกว่านี้ แต่ไม่อยากพูด อยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ควรหย่า
เดชา : “สำหรับวันที่ 23 ความประสงค์คุณหนุ่ม ต้องการให้มันจบแบบบริบูรณ์แล้วแยกย้ายกันไป พูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกัน ไม่ต้องใช้สื่อโจมตีกัน ในเมื่ออยู่กันไม่ได้ก็แยกย้ายกันไป แต่หนี้สินทรัพย์สินก็เคลียร์กัน อำนาจปกครองบุตรก็ให้จบไป แต่อยากให้จบที่ศาล ไม่ใช่โพสต์เฟซบุ๊ก เล่นติ๊กต๊อก พรรคพวกตัวเองไปนำเสนอกัน 

จริงๆ มีเรื่องเลวร้ายกว่านี้แต่ไม่อยากพูดนะ มีหลักฐานบางอย่างที่เขาทำแรงๆ ก็ให้มันจบแล้วแยกย้ายกันไป นี่คือเจตนารมณ์ไม่ได้หวังให้ติดคุกติดตะราง การฟ้องก็มีผลตามกฎหมาย เงินเข้าตัวเขาก็ต้องชี้แจง ยิ่งบอกว่าเอาเงินไปเลี้ยงครอบครัวก็ต้องมีหลักฐาน จ่ายค่าเทอมค่าอะไรมันไม่ยากหรอก มันจะได้จบกันแล้วแยกย้ายกันไป เพราะอยู่กันไม่ได้ ทุกวันนี้ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว”

หนุ่ม : “เรื่องการหย่า ยังไงก็ต้องหย่า เพราะเราทั้งคู่คุยกันแล้ว มันต้องหย่า แต่ต้องทำภารกิจนี้ หนี้สินก็ต้องเคลียร์”

เดชา : “เรื่องหย่าก็เป็นความประสงค์เขาด้วย เราด้วย มันอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว ไม่ต้องไปหลอกใคร ทำยังไงให้มันจบบริบูรณ์ดีกว่า”

















กำลังโหลดความคิดเห็น