“บิ๊ก ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์” อัปเดตยื่นขอสิทธิเลี้ยงดูลูก รอขึ้นศาลเดือน ก.ค. เผยอาทิตย์ที่แล้วนัดไปหาลูก แต่ถูกยกเลิกตอนเช้า บอกแล้วแต่คนจะพิจารณา ไม่รู้เรียกโดนกีดกันไหม รับกลัวลูกไม่สนิท ไม่มีความผูกพัน ร้องไห้เพราะจุกและสะเทือนใจ เจอลูกถามทำไมพ่อไม่นอนกับแม่ ไม่รู้อดีตเมียถูกโจมตี ขอส่งกำลังใจแบบเชื่อมจิต แจงปมพักงาน “คอปเตอร์” เพราะยังไม่พร้อมใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น ไม่รู้สึกว่าแรง หลังตอบแฟนคลับให้ห่วงตัวเองก่อน ลั่นอวยเกิน ศิลปินจะเสียคน
หลังยื่นโนติส 3 ข้อ เพื่อเรียกร้องขอสิทธิเลี้ยงดูลูกจาก “แพรวพราว แสงทอง” ล่าสุดวันนี้ (6 มิ.ย.) “บิ๊ก ธิติวุฒิ” หรือ “ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์” ก็ได้ออกมาอัปเดตความคืบหน้าให้ฟัง ในงานเปิดตัว SEWA ULTRA HYBRID SUNSCREEN ว่าตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการรอ แต่ศาลนัดแล้ว น่าจะเป็นเดือนกรกฎาคมนี้ ส่วนเรื่องที่อดีตภรรยาถูกโจมตีหนัก ก็ขอส่งกำลังใจให้แบบเชื่อมจิต
“ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการรออยู่ ศาลนัดแล้ว แต่ว่ารอวัน น่าจะเป็นเดือนกรกฎาคม ถามว่าก่อนหน้านี้มีโทร.มาเจรจา หรือไกล่เกลี่ยไหม ก็โทร.มาแค่แจ้งว่าได้รับหมายศาลแล้ว แต่ก็ไม่เคลียร์อะไร ก็ไปเคลียร์กันที่ศาลเลย แต่เขาก็มีถามว่าต้องการอะไรเหรอ เราก็บอกว่าต้องการตามที่หัวข้อเลย เขาก็บอกว่าไปคุยกันในศาล (มีท่าทีว่าจะยอมกันได้ไหม จะได้ไม่ต้องไปถึงศาล?) เหมือนไม่มีอะไรที่เราได้ฟังเลย มีแต่ปัดเข้าศาลหมดเลย”
อาทิตย์ที่แล้วนัดจะไปเจอลูก แต่เช้าวันไปเพิ่งมาบอกว่าลูกกลับพรุ่งนี้แทน
“ไปล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อน ไปถึงแล้วลูกไม่อยู่บ้าน ตอนนั้นเหมือนเรารู้ว่าลูกจะกลับวันนี้ ก็เลยวางแพลนจะไปหาลูก พอไปถึงเขาก็บอกว่าไม่ได้กลับแล้วนะ กลับวันถัดไป ก็เลยไม่ได้เจอลูก ก่อนไปก็แจ้ง คือผมมีคิวแสดงที่ยโสธรอยู่แล้ววันนั้น ผมก็แจ้งว่าจะไปหาลูกนะ เขาบอกจะกลับมาถึงตอนเย็น คุยกันก่อนเดินทาง 1 วัน พอตอนเช้าเขาก็ส่งข้อความมาบอกว่าไม่ได้กลับแล้ว เปลี่ยนเป็นกลับพรุ่งนี้ เราก็ตกใจ แต่ไม่เป็นไร มาใหม่ได้ ตอนนี้ลูกอยู่กับป้าเป็นหลัก (พี่สาวอดีตภรรยา)”
จริงๆ ทำใจไว้แล้ว แต่วันนั้นคุยกันแล้วกลับไม่มา
“เรารู้สึกว่าทำใจทุกเวลาอยู่แล้ว บางทีเขาอาจจะมีธุระด่วนหรือเปล่า แต่ความตั้งใจของเราคือ เรามีข้อความคุยกันว่าลูกจะกลับเวลานี้นะ ถึงเวลานี้นะ พอถึงวันมาก็ไม่เห็นมา”
ไม่รู้เป็นการกีดกันไหม แล้วแต่คนจะพิจารณา นัดครั้งหน้า 11 มิถุนายนนี้ หวังว่าจะไม่มีธุระด่วนอีก
“ผมไม่รู้ว่ากีดกันหรือเปล่า แล้วแต่คนจะพิจารณาเอาเอง ผมก็ไม่กล้าพูดเต็มปาก แต่จริงๆ ผมก็ตกใจที่ไม่ได้มา แต่ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะมารับลูกอยู่แล้ว บางคนอาจจะบอกว่าทำไมวันที่ลูกอยู่ถึงไม่มา แล้ววันลูกไม่อยู่ทำไมต้องดิ้นรนมา ให้เป็นเรื่องเป็นราว คือวันที่ลูกอยู่ผมก็ไม่ว่าง แต่วันที่ผมจะไปก็นัดกันแล้ว แจ้งแล้ว เราก็รับทราบว่าลูกจะกลับมาถึง เรานานๆ ทีเจอลูก ก็แอบมีความหวังว่าจะได้เจอลูกอยู่ เวลาได้เจอก็อยู่ด้วยกันทั้งวัน แต่รอบนี้ก็แจ้งว่าจะไปรับลูกอีกครั้ง 11 มิถุนายนนี้ หวังว่าจะไม่มีธุระด่วนอีก ถามว่ามีเผื่อใจไหม ก็เผื่อใจอยู่ แต่เราแจ้งออกสื่อขนาดนี้แล้วก็คงต้อง.. (หัวเราะ)”
อยากให้ลูกมาร่วมงานวันเกิด
“ใช่ ผมจัดงานวันเกิดวันที่ 12 มิถุนายน จัดในโรงแรม เชิญแขก เชิญพี่ๆ ในวงการไปเยอะอยู่ มีการ์ดชัดเจน จะมีลูก มีเพื่อนไปด้วย แจ้งให้เขารับทราบแล้วด้วย”
กลัวได้เจอลูกน้อย แล้วลูกจะไม่สนิท ไม่ผูกพัน
“ก็กลัวอยู่ เรื่องของความใกล้ชิด ลูกจะไม่สนิทกับเราเหมือนเดิม จะไม่คุ้นเคย ลูกชายคนเล็กเพิ่ง 1 ขวบ ผมคิดว่าลูกชายคนเล็กต้องหาวิธีเข้าหาใกล้ชิดอีกนิดหนึ่ง เราห่างจากลูกเดือนสองเดือนแล้ว มันเป็นช่วงที่เขากำลังจดจำพอดี แต่คำว่าพ่อลูกเป็นสายเลือด ผมว่ายังไงก็จูนกันง่ายอยู่แล้ว”
นอกจากเจอหน้า ก็มีวิดีโอคอล อธิบายลูกตลอดว่าทำไมถึงไปหาไม่ได้
“ก็ยังโชคดีที่คนโตอายุ 4 ขวบแล้ว เขาวิดีโอคอลเป็น ถ่ายรูปเป็น บางครั้งเขาก็กดโทร.มาหาเรา แต่ช่วงหลังไม่เห็นโทร.มาเลย พ่อจะโทร.ไปหา แต่ช่วงเดือนก่อนโทร.ตลอดนะ ครูก็ส่งข้อความมาหานะ ว่าน้องพูดถึงพ่อที่โรงเรียน บางทีเราโทร.ไปเขาไม่รับก็มี เขาอาจจะยุ่งอยู่ ที่เขารับสายก็มี ตอนที่ไม่รับสายอาจจะยุ่งหรือไม่สะดวก อาจจะมีเหตุจำเป็น
เวลาน้องโทร.มา ก็จะบอกว่าพ่อมารับหน่อย พ่อเมื่อไหร่จะมารับหนู เราก็จะบอกว่าเราทำงานอยู่ ทำงานเพื่อหนู ก็อธิบายบอกเขา เวลาที่นัดแล้วไม่ได้เจอ เขาจะมีบอกว่าทำไมพ่อไม่มารับหนูเลย แต่เรามีเหตุผลที่จะบอกเขาได้อยู่ อาจจะบอกวันที่เจอกันอีกที ว่าไม่ได้มาเพราะอะไร เพราะ 4 ขวบ เขาจดจำแล้ว”
ไม่รู้กระแสโจมตีอดีตภรรยา ไม่ได้กดติดตาม ไม่ได้ดูความเคลื่อนไหว ให้กำลังใจแบบเชื่อมจิต
“ส่วนมากไม่ค่อยได้อ่าน มีแต่คนมาเล่าให้ฟังอย่างนั้นอย่างนี้ คือผมไม่ได้กดติดตาม ผมเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกันอยู่ ก็คือกดอันฟอลโลว์ ไม่ได้ดูการเคลื่อนไหว คือรับฟังอยู่ว่าเขาเจอปัญหาอะไรต่างๆ เราก็เพียงแค่ส่งกำลังใจให้เขาสู้ๆ (ส่งยังไง?) ส่งผ่านจิตกระแส จะให้เราส่งข้อความไปมันก็คงไม่ใช่ ส่งกระแสจิต แบบเชื่อมจิต”
ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในตัวเรา ใครทำอะไรได้อย่างนั้น พลาดได้แต่อย่าพลาดบ่อย
“ทุกสิ่งทุกอย่างอะไรก็ช่างมันอยู่ในตัวเรา คือถ้าเราแสดงอะไรให้มันดีมันก็ดี คือเราแสดงออกยังไงมันสะท้อนกลับมาหาตัวเราเองหมดเลยนะ อย่างเช่นวันนี้ที่ผมสัมภาษณ์ ผมสัมภาษณ์ดีมันก็ออกไปดีกลับมาหาเราดีเลย คือถ้าเราทำออกไปไม่ดีมันก็กลับมาหาเราไม่ดี เพราะฉะนั้นผมมองแล้ว มันเป็นเรื่องใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ก็ส่งกำลังใจให้ ทุกๆ คนมันมีสิทธิ์พลาดพลั้งกันได้ แต่ก็อย่าพลาดบ่อย ให้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังผิดพลาดอยู่ คือสังคมไทยอะเขาเป็นคนใจดี แต่สังคมไทยให้อภัยกับคนที่สำนึกผิด”
ร้องไห้ตอนลูกถาม ทำไมพ่อไม่นอนกับแม่ที่บ้านเรา เผยรู้สึกจุกและสะเทือนใจ
“คือวันนั้นผมไลฟ์สดอยู่ แล้วผมคิดว่าเนี่ยกำลังเช่าบ้านกำลังหาบ้านอยู่ แล้วลูกนั่งอยู่ข้างๆ แต่ผมลืมคิดไป ลูกก็เลยบอก เอ้า ไปหาบ้านทำไมในเมื่อพ่อก็มีบ้านอยู่ แม่ก็มีบ้านอยู่ กลับไปนอนที่บ้านเราสิ ลูกก็เลยถามแบบนั้น เพราะเขาได้ยิน ถึงร้องไห้เลย เพราะทำไมลูกถามอย่างงั้น เราก็ลืมตัวว่าเราพูดให้ลูกได้ยิน ที่ร้องก็คือรู้สึกจุก ว่าบ้านเราก็มีอยู่ แต่ทำไมต้องไปอยู่ที่อื่น เราก็รู้สึกว่าลูกถามแบบนี้เราสะเทือนใจ เพราะว่าบ้านน่ะสร้างเสร็จก่อนเดือนกรกฎาคม แล้วคือบ้านหลังนี้เราสร้างยังไม่ถึงปีเลย บ้านที่เราตั้งใจสร้างให้ครอบครัว มีสระว่ายน้ำ มีสวนมีอะไร มันเป็นบ้านของครอบครัวจริงๆ บ้านหลังนี้”
การจะขึ้นศาลครั้งนี้ จะเป็นการเจอกันหลังจากแยกทาง
“ใช่ครับ คือผมไม่ได้เตรียมอะไรมากเลย ผมเป็นธรรมชาติหมดเลย ไม่มีสคริปต์ เวลาจะเจอเขาก็คือพูดความจริงหมดเลย แต่มันไม่มีโอกาสได้ต่อรองกัน อาจจะไม่ลงตัว เราก็ต้องคุยกันข้างใน ในเรื่องของกฎหมาย (แล้ววันเกิดเราได้ชวนเขาไหม?) ไม่ชวนครับ”
แจงเหตุพักงาน “น้องคอปเตอร์” เพราะสมาธิสั้นและยังไม่พร้อม ทุกคนมาทำงาน ไม่ได้มาช่วยเลี้ยงเด็ก
“คือน้องคอปเตอร์ เขาก็เป็นศิลปินเด็กคนหนึ่งที่อยู่ในค่ายโตเกียวมิวสิก ศิลปินหนึ่งคนอายุ 10 กว่าปี ซึ่งที่เราพักงานเขา เนื่องด้วยความไม่พร้อม แล้วคือน้องเขาก็ไม่สบายด้วย เขามีอาการสมาธิสั้น แล้วก็ไม่มีใครดูแลน้องได้ในการเดินทาง เพราะมันล้นบริษัท เราก็ประชุมกันว่าควรที่จะพักไปโรงเรียนนะ เราควรจะหาทางออกให้เราดีกว่า ไม่งั้นเราก็จะโดนดรามาตลอด เพราะว่ามันจะมีคนถ่ายคลิปตลอดเวลาที่น้องแสดงกิริยาไม่โอเค ภาพมันออกไป เราเป็นห่วงน้อง เราก็ให้น้องพักก่อน
ตอนนี้คือน้องเขาอยู่กับคุณพ่อของน้องแล้ว แต่ว่าค่ายก็มีห้องน้องเหมือนเดิมนะ เพราะว่าบางทีเราไปที่ทำงาน ทำเพลง อัดเอ็มวี ก็ยังไปมาอยู่ คือเขาไม่ได้เป็นคนอื่น เขาเป็นศิลปินของเราอยู่ เพียงแค่แบ่งเวลาการทำงานมากขึ้น ซึ่งเขาต้องพักไว้เรื่อยๆ จนกว่าจะพร้อมใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น คำว่าเด็กมันไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน บางคนก็ไม่ได้ชอบเด็ก เพื่อนร่วมงานบางทีเขาทำงาน เขาไม่ได้มาดูแลเด็ก เราก็เข้าใจคนอื่น ว่าถ้าเขาไปซุกซนแผนกอื่นก็กลัวเขารำคาญ ก็เลยเอ๊ะ…แบ่งแยกชัดเจนเรื่องเวลา“
ตอนนี้ให้ขึ้นเฉพาะคอนเสิร์ตออนไลน์ในสตูดิโอ
”น้องจะมาเฉพาะคอนเสิร์ตออนไลน์ที่อยู่ในสตูดิโอเท่านั้น ถ้าเดินสายออกต่างจังหวัด ก็คือไม่ได้ให้น้องไป เพราะไม่มีใครดูแลน้อง”
ไม่รู้สึกว่าแรงไป เพราะพูดความจริง หลังตอบกลับแฟนคลับให้ห่วงตัวเองก่อน
“คือพูดจริงครับ บางทีผมพูดจริงแล้ว ว่าลูกคุณอยู่ที่บ้านกินข้าวกับอะไร คือวันนี้คุณมาเป็นห่วงศิลปิน ศิลปินผมดูแลให้อยู่แล้ว เพราะว่าเด็กอายุต่ำกว่า 18 ผมดูแล กินข้าวหรือยังอาบน้ำผมดูแล แต่บางทีเอฟซีก็มาก้าวก่ายจนเกินของคำว่าเป็นเอฟซี ก็เลยตอบไปว่า ถามตัวเองก่อนว่ากินข้าวกับอะไร ลูกกินข้าวหรือยัง อย่ามาเกินขอบเขตจนทำให้ศิลปินเสียคน ผมก็คือต่อว่าไปแบบนั้น ผมว่าไม่แรงนะมันเป็นความจริง“
อะไรเกินขอบเขตก็ต้องจัดการ ถ้าอวยเกินไป ศิลปินจะเสียคน
“ใช่ ถ้าเราอวยจนเกินไป ศิลปินก็จะเสียคน เอฟซีก็จะเอาแต่ใจ อยากให้คนนี้เป็นคนนั้นเป็นอย่างนั้น เพราะว่ามันก็เกินไป”
โพสต์ “ช่างแม่x” เพราะอยากระบาย ใครจะรับก็รับไป
”คำว่าช่างแม่x คือถ้าใครดู TikTok ผม ผมเคยไปอัดรายการจากพี่เป็กกี้ (เป็กกี้ ศรีธัญญา) ว่า แนะนำผมหน่อยในการใช้ชีวิตให้มีความสุข เขาบอกว่าใช้แบบ ช.ช้าง ช่างแม่x ก็เลยเอาของแกมาใช้ในชีวิตเรา บางอย่างเราก็ช่างมันเถอะ อาจจะเจอเรื่องไม่พอใจเรื่องไม่ดีก็ปล่อยผ่านบ้าง ก็เลยพูดไปอย่างนั้น ถามว่าใช้กับใคร กับคนที่ทำให้เราปวดหัว เราก็มีอารมณ์อยู่ ไม่ได้โยงถึงใคร ใครจะรับก็รับ เราอยากระบายบ้าง เพราะว่าเราอยากระบาย มีแต่ปัญหาเข้ามาหาเรา”
