นิโคลัส เคจ เผยว่าเขารับบทในภาพยนตร์ "ห่วย ๆ" หลายเรื่องเพื่อชำระหนี้ 6 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่เขา "ลงทุนมากเกินไปในอสังหาริมทรัพย์" ก่อนที่ตลาดจะพังทลายในช่วงปลายทศวรรษ 2000 ไม่ได้ถึงขั้น "หมดตัว" จากการใช้จ่ายเงินตัวอย่างที่ทุกคิด
ในการให้สัมภาษณ์กับ CBS ในรายการ "60 Minutes" นิโคลัส เคจ กล่าวถึงการติดหนี้หลายล้านดอลลาร์ และการใช้หนี้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยยืนยันว่าเป็นเพราะการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ เช่น ปราสาทในเยอรมนีและอังกฤษ คฤหาสน์ในนิวออร์ลีนส์ และเกาะส่วนตัวในบาฮามาส ที่ทำให้เขามีหนี้จำนวนมาก ไม่ใช่การซื้อสิ่งของแปลกๆ เช่น หัวกระโหลกไดโนเสาร์และปลาหมึกมาเลี้ยง
"ผมลงทุนมากเกินไปในอสังหาริมทรัพย์ มันไม่ใช่เพราะผมใช้เงิน 80 ดอลลาร์ซื้อปลาหมึกอะไรแบบนั้นหรอก ตลาดอสังหาริมทรัพย์พังทลาย และผมไม่สามารถขายออกได้ทันเวลา" เคจกล่าว
"ผมชำระหนี้ทั้งหมดแล้ว เป็นจำนวนประมาณ 6 ล้านดอลลาร์ ผมไม่เคยยื่นล้มละลาย"
เขายังเล่าถึงความมืดมนในช่วงเวลานั้น ว่างานเป็นเหมือนเทวดาผู้พิทักษ์ของเขา การรับบทในภาพยนตร์ปีละสามถึงสี่เรื่องช่วยให้เขาผ่านช่วงเวลานั้นไปได้ และสามารถชำระหนี้ได้
เคจยืนยันว่าแม้ภาพยนตร์บางเรื่องจะออกมาไม่ดี แต่เขาก็ตั้งใจทำงานทุกเรื่อง "ถึงแม้ภาพยนตร์บางเรื่องจะออกมาไม่ดี แต่พวกเขารู้ว่าผมไม่ได้ทำแบบขอไปที ผมใส่ใจทุกครั้ง"
แต่แน่นอนว่าเหตุผลในการรับงานของเขาในช่วงนั้นเป็นเรื่องของเงินเป็นหลัก
"ผมไม่สามารถบอกรายละเอียดหรือเปอร์เซ็นต์ได้ แต่ใช่ เงินเป็นปัจจัย ผมจะตรงไปตรงมาอย่างสิ้นเชิงกับเรื่องนั้น ไม่มีเหตุผลที่จะโกหก" เคจกล่าว "ไม่ใช่ความลับอะไรที่ว่าผมเคยผิดพลาด (เรื่องทางการเงิน) ผมต้องพยายามแก้ไข ความผิดพลาดทางการเงินเกิดขึ้นจากการพังทลายของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ทำให้รายได้ส่วนใหญ่ที่ผมได้รับถูกลบล้างไปเกือบทั้งหมด แต่สิ่งหนึ่งที่ผมจะไม่ทำคือการยื่นล้มละลาย"
เคจเคยถูกฟ้องร้องผู้จัดการด้านธุรกิจของเขา ข้อหาให้คำแนะนำที่ผิดพลาด แต่ล่าสุดอดีตลูกจ้างได้ออกมาแฉกลับว่า นิสัยใช้เงินมือเติบของเคจต่างหากที่เป็นปัญหาที่แท้จริง
แซมมวล เลวิน กล่าวว่า ปัญหาทางการเงินของพระเอกชื่อดังเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เขาเข้าช่วยจัดการด้านธุรกิจให้ปี 2001 แล้ว “เคจ ใช้จ่ายเงินจำนวนมากที่เขาได้รับมาจากอาชีพนักแสดง เขามีหนี้สินจำนวนมาก และมีปัญหาเรื่องภาษีย้อนหลังมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว” เลวินกล่าว
เลวินยังแจกแจงรายละเอียดการใช้เงินของอดีตนายจ้างในช่วงนั้นว่า รายจ่ายของเขารวมถึง “บ้านขนาดใหญ่โตหรูหรา 15 หลังทั่วโลก, เรือยอชท์ 4 ลำ, เกาะที่บาฮามาส, เครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ขณะที่อีกหลายล้านเหรียญหมดไปกับเครื่องเพชร และงานศิลปะ
หลังจากการตรวจสอบบัญชีของพระเอกชื่อดัง เลวิน อ้างว่าเขาได้แนะนำให้กับเคจไปแล้วว่า เขาซึ่งมีรายรับอยู่ถึง 30 ล้านเหรียญต่อปีนั้น ถ้าวางแผนใช้เงินให้ดี ก็สามารถแก้ไขปัญหาทางการเงิน และกลับมีความมั่นคงอีกครั้งได้ไม่ยาก ซึ่งเลวินได้โน้มน้าวให้เคจขายทรัพย์สินบางส่วนออกไปบ้างรวมถึง หนังสือการ์ตูนที่สะสมไว้มูลค่าประมาณ 1.6 ล้านเหรียญ และรถยนต์ที่เก็บเอาไว้หลายสิบคัน
แต่หลังจากแสดงนำ และรับเงินค่าตัวจำนวนมหาศาลในงานอย่าง National Treasure, The Ant Bully, Ghost Rider และ National Treasure: Book of Secrets เลวินเล่าว่าพระเอกวัย 45 ปีคนนี้ก็กลับมาจับจ่ายอย่างสนุกมืออีกครั้ง
รายได้จากอาชีพนักแสดงจำนวนมากของเขาที่ได้รับจากหนังหลายเรื่อง ในช่วง 4 - 5 ปีที่ผ่านมา กลับถูกผลาญหมดไปอีกครั้ง กับค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิเช่น การซื้อบ้าน 3 หลังมูลค่ารวม 33 ล้านเหรียญ โดยเป็นปราสาทในอังกฤษ 2 แห่ง และในเยอรมันอีก 1 แห่ง ซึ่งต้องใช้เงินอีกหลายล้านเหรียญในการบูรณะซ่อมแซมให้กลับมาอาศัยอยู่ได้อีกครั้ง
รถมอเตอร์ไซค์ 22 คัน และรถยนต์โรสรอยส์อีก 9 คัน, งานศิลปะ และของเก่าอีกจำนวน 47 ชิ้น ซื้อมาด้วยเงินกว่า 5 แสนเหรียญ, ดาราชื่อดังยังใช้จ่ายเงินจำนวนมหาศาลกับการเที่ยว และจัดงานปาร์ตี้หรูหรา และแม้จะมีปัญหาเรื่องการเงินเช่นนี้ เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมากลับมีข่าวว่า นิโคลัส เคจ ก็ยังอุตส่าห์ ควักกระเป๋าเป็นจำนวนเงิน 276,000 เหรียญ ในการประมูลซื้อโครงกระดูกไดโนเสาร์ ที่เอาชนะเพื่อนนักแสดงชื่อดัง