xs
xsm
sm
md
lg

พ่อแม่แทบจิกหัวบอกให้พอ! “มิ้นต์ ชาลิดา” ไม่ท้อธุรกิจไอศกรีมไม่ได้กำไร หืดขึ้นคอทำหมดทุกหน้าที่ เจ๊งก็เยอะ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“มิ้นต์ ชาลิดา” เผยเปิดร้านไอศกรีมสนองความต้องการตัวเอง หืดขึ้นคอทำมาหมดทุกหน้าที่ เป็นเซลล์โทร.หาลูกค้าด้วยตัวเอง เฟลถูกลูกค้าปฏิเสธ ลั่นถ้าขับรถกระบะได้ก็คงทำไปแล้ว บอกเจ๊งก็เยอะ ต้องตามแก้ปัญหา จนพ่อแม่แทบจิกหัวบอกให้พอ แต่ยันไม่ได้เดือดร้อน ทำเพราะใจรัก

เปิดกิจการไอศกรีมแบรนด์ Minito Gelato มาได้หลายปีแล้ว สำหรับนางเอกสาว “มิ้นต์ ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” โดยเจ้าตัวเผยว่าได้ลองทำหน้าที่ในบริษัทเองแทบทุกตำแหน่งแล้ว เป็นเซลล์โทร.ขายของเองกับลูกค้าก็ทำมาแล้ว แต่ยอมรับว่าที่ทำทุกวันนี้ไม่ได้เน้นอยากได้กำไร แต่ทำเพราะความชอบกินไอศกรีมของตัวเองมากกว่า

“พูดจริงๆ ก็เคยเป็นเซลล์ของบริษัทตัวเอง เพราะมันจะมีช่วงเปลี่ยนถ่ายเซลล์เยอะ และเราก็อยากได้ยอดขายของบริษัทเรา เราก็ทำเอง มิ้นต์ก็คอยสังเกตเวลาคนมาขายประกัน ว่าเขาทำอะไร ไม้ 1 ไม่ได้ก็เอาไม้ 2 อย่างตอนเป็นอลิสเราก็ได้เรียนรู้จากสิ่งที่เราเคยทำมา ว่าการพูดเร็ว การปิดจบ ทำให้เขาไม่ทันพูดมันจบง่าย ให้เขางงๆ เซ็นอะไรไป ครั้งแรกที่โทร.ไปขายคือเงอะงะมาก เหมือนพอเขาถามอะไรเรามา เราก็จดๆ ไว้ แล้วเราก็ต้องหาเอกสารว่าคืนทุนเท่าไหร่ ค่าไฟกี่บาท ต้องขายได้วันละกี่แท่ง

บางทีเรามีคำตอบแล้วแหละ แต่บางทีพอเขาถามว่าถ้า 10 เดือนพี่จะได้คืนทุนไหม ถ้าเดือน 10 พี่ยังไม่ได้คืนทุน เดือนต่อไปพี่ต้องขายได้กี่แท่ง error เลยนะเจอแบบนั้น มันก็จะมีว่าคำถามนี้น้องนุชตอบไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวน้องนุชขอไปถามข้อมูลหัวหน้า แล้วจะไลน์กลับไปบอกคุณลูกค้านะคะ ต้องขออภัยจริงๆ หนูก็สร้างชื่อใหม่ขึ้นมา (หัวเราะ) บางทีก็เจออาซ้อ อาเจ๊ที่พูดเร็วกว่าเราก็มี (หัวเราะ) โทร.ไปแล้ววางสายก็มี เราก็ต้องตื๊อเท่านั้นว่าสะดวกกี่โมง ถ้าไม่สะดวกโทร.จะสะดวกให้แอดไลน์ได้ไหมคะ ถ้าแอดไลน์แล้วลูกค้าไม่ตอบก็ต้องโทร.ไป”

ยอมรับโดนปฏิเสธจนเฟลไปหมด
ตอนโดนปฏิเสธก็เฟลนะ แต่ดีที่เราได้ลองทำ เพราะถ้ามีเซลล์คนใหม่มา เราเคยมีประสบการณ์แล้ว เราก็จะบอกเขาเวลาสัมภาษณ์ว่าถ้าถูกลูกค้าปฏิเสธ 50 สายจะท้อหรือเปล่า คืออาชีพนี้ท้อไม่ได้เลย ถ้าท้อไม่ต้องคิดจะทำ ถามว่าทำไมไม่บอกว่าเราคือมิ้นต์ ชาลิดา หนูอายเขา คือถ้าเป็นเราโทร.ไปขายเอง เขาก็อาจจะมองว่าทำไมมาขายเองเลยล่ะ เดี๋ยวก็จะถามข่าว ถามว่าจะแต่งงานหรือยังอีก เคยเจอนะ คือไม่ได้โทร.ไปแนะนำตั้งแต่แรกนะ แต่เหมือนพอเราขายเสร็จ ลูกค้าลงของ เราก็จะไปพบด้วยตัวเราเอง ถ้าเขาซื้อถึงยอดเราก็จะไปพบด้วยตัวเอง เขาก็จะคุยแอดไลน์แม่ก็มี ทุกวันนี้เป็นเพื่อนแม่ สมมติมีปัญหาอะไร พนักงานไม่รับสาย ก็จะไลน์มาแล้ว คุณแม่น้องมิ้นต์คะ พนักงานอย่างนั้นอย่างนี้ แม่ก็จะสายตรงถามเลย เจอมาทุกรูปแบบจริงๆ

แต่เอาจริงๆ ถ้าเป็นมิ้นต์ไปขายเอง ก็น่าจะขายได้ดีกว่า ง่ายกว่า มันก็มีใบเบิกทาง แต่ก็ไม่ได้เสมอไป ไม่ได้ขายได้ทุกอย่าง แล้วยิ่งยุคนี้หลอกลวงผู้บริโภคไม่ได้เลย ซึ่งเราก็ต้องแสดงความจริงใจไปว่าเรามาในรูปแบบบริษัท เราไม่ได้ขอนะ เราส่งสินค้าเราไปให้เขาลองก่อนเลย ถามว่าอยู่ตัวหรือยัง ก็ล้มลุกคลุกคลานเหมือนกันค่ะ เพราะธุรกิจนี้มิ้นต์ทำเอง ลองมาหมดแล้วทุกตำแหน่งในบริษัท ก็เรียกได้ด้วยใจรักการกินไอติมจริงๆ ถึงทำ”

บอกทำเพื่อสนองความต้องการตัวเองล้วนๆ ไม่ได้หวังกำไรขนาดนั้น
“มี เคยจะเลิกทำแล้ว คนขับรถออก ถ้ามิ้นต์ขับได้ก็จะขับกระบะไปส่งเองแล้ว แต่ก็วานคุณพ่อค่ะ (หัวเราะ) เป็นธุรกิจที่ลำบากครอบครัว ถ้าคนทำสต็อกออก น้องชายก็ต้องมาช่วย ถามว่าที่ทำเพราะอยากรวย หรือทำเพราะสนองความต้องการตัวเอง ก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้น ถ้าถามหากำไรไม่ต้องถามหาเลย เพราะค่าขนส่งไอติมทุกวันนี้ด้วยรถเก็บความเย็นแพงมากๆ ก็ทำเพราะรักค่ะ ไม่ได้หวังรวย ทำเพราะเราได้แก้ปัญหา ทุกวันจะมีปัญหามาหาเรา ไอติมละลายทั้งตู้ก็มี

เจ๊งก็มี คือถ้ามันละลายก็ละลายทั้งตู้ หนูกัดปลั๊กไฟขาดบ้าง คนเดินเตะสวิตซ์ไฟ ปิดตู้เย็นไม่สนิท มันเป็นปัญหาหยุมหยิมในแต่ละวัน ซึ่งทุกวันนี้ใครจะมาทำอาชีพขายไอติม เราจะถามเลยว่ามั่นใจนะ (หัวเราะ) แต่เราก็ยังทำอยู่ ทั้งพ่อทั้งแม่แทบจะจิกหัวบอกว่าพอเถอะ (หัวเราะ) คือเป็นคนชอบแก้ปัญหา ทุกคนก็บอกว่าเลิกไหมล่ะ ส่วนใหญ่มิ้นต์จะเอาปัญหาต่างๆ ไปให้อาจารย์ที่มิ้นต์เรียนโท ถึงบอกว่าอะไรเข้ามามันก็เป็นบททดสอบเรา

ก็เจ๊งอยู่ค่ะ (หัวเราะ) มันก็มีได้กำไรบ้าง ถ้าทำแล้วไม่ได้ก็ไม่ทำแล้ว (หัวเราะ) แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้เดือดร้อนกับชีวิตหรอก เอาจริงๆ ไม่ได้คิดถึงกำไร ทำอาชีพนี้มันเหมือนอยากให้คนได้กินของอร่อยที่มิ้นต์กินน่ะ ทำเพราะเราชอบกินไอติม และถ้าคนกินไอติมก็จะรู้ว่าไม่ใช่ไอติมแบบธรรมดาพื้นๆ มิ้นต์ก็จะหาอันโน้นอันนี้มาใส่อีก ถามว่ากำไรอยู่ไหน (หัวเราะ) มันก็ได้กำไรแหละ แต่เราชอบเอาตัวเองไปใส่ในทุกหน้าที่ วันนี้ลองมาเป็นคนจัดสต็อก ลองมาเป็นคนคิดคอนเทนต์ ก็ถ้าเราจะกลับไปเล่นละครใหม่ เราก็ได้ลองมาหมดแล้ว เราสามารถเข้าใจถึงบทได้ง่าย เพราะมิ้นต์ทำเองหมดก่อนที่จะให้คนอื่นทำ เราต้องลองก่อน”









กำลังโหลดความคิดเห็น