“อ้อม พิยดา” ปลื้มและตื้นตันฟีดแบ็กละคร “บางกอกคณิกา” สามียังชมท่าสูบบุหรี่ แต่ไม่ให้ “น้องนาวา” ดูละคร ลั่นไม่ถึงเวลา เผยตอนนี้ลูกสาวโตตามวัย มีหนุ่มมาจีบแล้ว ไม่พลาดต้องไปดูหน้า ชิมลางเล่นละคร แต่ตอนนี้ไม่เอาแล้ว ให้ทำหลายอย่างหาตัวตน
หายเหนื่อยเลยทีเดียว สำหรับฟีดแบ็กละคร บางกอกคณิกา งานนี้ “แม่ราตรี”แห่งหอบุปผชาติ อย่าง “อ้อม พิยดา จุฑารัตนกุล”เผยว่าตื้นตันแทนเจ้าของช่อง ส่วน “น้องนาวา” ยังไม่ให้ดูละครเรื่องนี้
“ไปทุกที่ก็จะมีคนมาสมัครงานกับดิฉันตลอดทั้งชายและหญิง ถ้าเป็นผู้ชายก็จะขออนุญาตมาเที่ยว อยากมาเที่ยวลูกสาว แต่ถ้าเป็นสาวๆ หรือสาวสองก็จะมาสมัครขอเข้าค่ะ คนชมว่าเข้าถึงบทบาททุกซีน ก็ต้องขอบคุณมากๆ ค่ะ จริงๆ ก็ตั้งใจทำงานทุกชิ้นอยู่แล้วที่เราได้รับทำค่ะ ก็เต็มที่สุดสิ่ง ถามว่าหนักที่สุดเท่าที่เคยทำไหม จริงๆ มันก็หนักทุกอัน (หัวเราะ) อาจจะเป็นดรามาด้วย พอเราโตขึ้นก็อาจจะไม่ได้รับบทใสๆ ตั้งแต่เริ่มต้นแล้วค่อยมีดรามาช่วงท้าย แต่อันนี้จะเต็มคาราเบลมาตั้งแต่แรกเลยก็เลยอาจจะได้เห็นถึงความเข้มข้นตั้งแต่เบรก 1 เลย เพราะมันก็จะเข้มข้นไปเรื่อยๆ สำหรับคาแรกเตอร์ตัวนี้ค่ะ”
ตื้นตันใจและหายเหนื่อย
“หายเหนื่อยค่ะ ไปไหนก็มีคนทัก ตื้นตันใจ ก็ดีใจแทนช่องด้วย แทนนักแสดงทุกท่านด้วย และรู้สึกว่าเราโชคดีที่ได้อยู่ในโปรเจกต์ที่คนชอบดู ให้การตอบรับดีค่ะ”
สามีชมท่าสูบบุหรี่ แต่ไม่ให้ลูกสาวดูละคร ไม่ถึงเวลา
“คุณสามีก็บอกว่าท่าสูบบุหรี่เธอนี่มันสุดมาก เธอทำเต็มที่เลยนะ เขาเข้าไปเช็กมากกว่าว่าเธอทำถึงไหน (หัวเราะ) เพราะว่าเธอเล่นเป็นหัวหน้าโส หัวหน้าซ่องหอบุปผชาติ เขาก็อยากจะรู้ว่าเรารับงานไหมในเรื่อง หรือเราจะเป็นเจ้าของซ่องอย่างเดียว แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก เขาโอเค แต่เขาจะเซอร์ไพรส์ช็อตสูบบุหรี่นิดนึงแค่นั้น แต่คนที่ต้องขออนุญาตจริงๆ คือลูกสาวค่ะ เราก็ไม่ให้ดูเลยค่ะ เพราะมันยังไม่ถึงอายุเขาที่ต้องดูอยู่แล้ว แต่ถ้าวันนึงเขาโตขึ้นก็จะให้ดูในอายุที่ดูได้ค่ะ แต่ตอนนี้ 12 ขวบก็ไม่น่าจะได้ดูค่ะ
ส่วนโซเชียลเขาไม่ค่อยได้ดูอยู่แล้วค่ะ เดี๋ยวนี้วันๆ ก็จะสนใจแต่ลิปสติก ที่ทาแก้ม บอดี้สเปรย์อะไรแบบนั้น เขาก็จะไม่ค่อยได้เห็น แต่ถ้าเห็นก็ไม่เป็นไร เพราะเขาก็มีอ่านบทให้เราด้วย แต่เราก็จะคอยระวังอยู่แล้ว ตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่ามันจะรุนแรงแค่ไหน อย่างประโยคที่ว่า see for yourself เขาก็เป็นคนเขียนให้นะ เพราะคนเขียนบทเขาให้เราแปลเอง ก็เขียนบทเป็นภาษาไทย แล้วก็วงเล็บไว้ว่าให้อ้อมไปแปลงเป็นไดอะล็อกภาษาอังกฤษ เราก็เห็นว่าไหนๆ ลูกเราก็พอจะใช้งานได้ ก็ลองให้นาวามาลองพูดประโยคนี้ดูสิ ความหมายเป็นยังไง เราก็อธิบายว่าในเรื่องมันประมาณนี้ๆ เขาก็เขียนไดอะล็อกให้เราเป็นประโยคนี้ ตอนแรกพอได้บทมาเขาจะอ่านก่อน แล้วเขาก็ถามคำถามบางคำถามที่เราก็ยังไม่รู้ว่าเรื่องมันจะไปขนาดไหน พอเราอ่านปุ๊บก็บอกว่าลูกจ๊ะ หยุดอ่านจ๊ะ (หัวเราะ)”
“น้องนาวา” กลับจากเรียนซัมเมอร์ที่อังกฤษแล้ว มีหนุ่มเข้ามาจีบ เป็นไปตามวัย
“กลับมาแล้วค่ะ ก็มีเรื่องมาเล่าทุกวัน เขาก็บอกว่าไปเรียนโรงเรียนสหฯ ครั้งแรกก็มีหนุ่มมาแซว มีหนุ่มมาจีบ แต่เขาก็ไม่ได้อะไร เขาก็เป็นเด็กที่โตตามวัย แล้วเราก็สอนเขาด้วยว่าวิธีการวางตัวต้องยังไง จริงๆ เขาก็ไม่ได้มาอะไรนะ แค่แซว เขาไม่ได้มาชอบอะไรขนาดนั้น ซึ่งตอนนั้นเราอยู่ที่นั่นกับเขาด้วย เราก็ไปดูเลยว่าคนไหน เราจะพลาดเหรอ ปากเราก็บอกว่าลูก เราต้องยังงั้นยังงี้ แต่ในใจเราก็อยากรู้ว่าคนไหน ไปก็ได้เจอนะ นางก็ร้ายกาจอยู่ นางก็เดินเข้ามาหานาวาเลย แล้วก็บอกว่านาวา เราควรต้องไปเรียนแล้ว แล้วนางก็เดินไป คือมาตามไปเข้าห้องเรียน เราก็นึกในใจ อืม…คนนี้เองเหรอลูก (ยิ้ม)”
เชื่อลูกสาวไม่อยากไปเรียนแล้ว
“น้องไม่ขอไปเรียนอีกหรอก เพราะน้องบอกว่าไม่อยากไปแล้ว (หัวเราะ) เพราะเขาต้องทำเองทุกอย่างไงคะ แต่ว่าจะต้องส่งไปค่ะ เพราะลูกเราจะต้องเติบโตและอยู่ได้ทุกสถานการณ์ ถามว่าห่วงอะไรน้อง ก็ต้องทำใจค่ะ ส่งลูกไปเรียนซัมเมอร์ลูกก็ไม่ได้อะไรนะคะ มีแต่พ่อแม่นี่แหละที่ต้องทำใจ แล้วลูกก็ต้องค่อยๆ เติบโตไปตามอายุ เราก็ดูให้มันเหมาะสมตามอายุ อะไรจะเกิดเราก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา แล้วก็คอยช่วยเหลือ ไกด์เขา ไม่ได้นำทางเขานะ แต่ไกด์เขาในทางของบ้านเราให้ดีที่สุดเท่าบ้านเราคิดว่ามันควรจะเป็นแบบนี้
ถามว่าพอน้องได้ลองทำอะไรหลายๆ อย่าง เขาชอบอะไรหรือยัง ไม่รู้หลายอย่างเกินไปหรือเปล่า ตอนนี้ไม่ได้ชอบอะไรเลย อาจจะเพราะเขาเพิ่ง 12 ด้วยค่ะ จากล่าสุดอยากเป็นนักร้อง ตอนนี้ไม่อยากแล้ว ตอนนี้เขาก็ไปเรื่อยๆ ค่ะ”
ชิมลางรับเชิญละคร แต่บอกไม่เอาแล้ว
“ซีรีส์ ดวงใจเทวพรหม ตอน ใจพิสุทธิ์ ค่ะ เล่นเป็นนางเอกตอนเด็ก อันนั้นรับบทนางยักษ์ผีเสื้อสมุทร ก็ถามเขาว่าจะเล่นอีกไหม เขาบอกไม่เอาแล้ว (หัวเราะ) พอเขาดูผลงานตัวเองเขาก็บอกว่าทำไมนาวาทำแบบนั้นล่ะ เพราะตอนที่ถ่ายเขาเพิ่ง 9 ขวบเองค่ะ ถ่ายไว้นานแล้วค่ะ คือลองให้ทำทุกอย่าง แต่พอทำเสร็จบอกไม่เอาแล้ว ไปขึ้นคอนเสิร์ตลุงมอส (ปฎิภาณ ปฐวีกานต์) ล่าสุด พอลงมาก็ถามว่าไปเต้นอีกไหมลูก เขาบอกไม่เอาๆ แต่ตอนนี้เขาชอบเล่นบาสเก็ตบอลมาก เพราะเทควันโดได้สายดำแล้ว ตอนนี้ก็มาชอบบาสกับยิมนาสติก
จริงๆ แล้วบ้านอ้อมเลี้ยงลูกโดยการที่ปูไปทุกอย่างว่าลูกเราอยากอะไร แล้วเราก็ให้เขาได้เรียนรู้ลองในสิ่งที่เขาอยากทำ และวันนึงเขาก็จะหาโฟกัสได้ว่าเขาจะไปทางไหน ก็ถ้ากว้างมากสุดก็ดีมากสุดในความรู้สึกเรานะคะ”
