กลายเป็นประเด็นที่คนรอบนอกต่างสงสัยอยู่ไม่น้อย ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่ “ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน” ได้ออกมาประกาศยุติบทบาท “โน๊ต น.ส.ชาคริยา สมุทรคีรี” ผู้จัดการฟ้าผ่า โดยโน๊ตได้ดูแลลีเดียมาตั้งแต่เริ่มต้นเข้าวงการ ตามติดมาด้วยประกาศจาก พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, แอริน สิริภรณ์ ยุกตะทัต รวมทั้ง แพรวา ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์, พลัสเตอร์ พรพิพัฒน์ พัฒนเศรษฐานนท์ ซึ่งทั้งหมดพึ่งพาผู้จัดการดาราคนเดียวกัน!
แม้ตอนนี้สาเหตุที่แท้จริงยังคลุมเครือ แต่เบื้องลึกมีการเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ทำคนดังต่างเสียดายผู้จัดการดารารายดังกล่าวมากๆ เพราะถือว่าเป็นคนที่ทำงานดี ถูกใจ ดูแลกันมาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการใหม่ๆ โดยโน๊ตเป็นอดีตแดนเซอร์ของลีเดียมาก่อน แต่เพราะคุยกันถูกคอ และถูกใจ จึงดึงมาอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัว ด้วยการดูแลที่ดี ลีเดียจึงได้มีการแนะนำให้เพื่อนๆ มาใช้บริการโน๊ต เป็นการช่วยหางานให้โน๊ตอีกทาง
จริงๆ แล้ววิถีชีวิต ดารา และ ผู้จัดการ ยิ่งกว่าน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ไม่ได้มีแค่เรื่องผลประโยชน์อย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องทำงานรู้ใจกัน เป็นเหมือน “คนในครอบครัว” เรียกได้ว่าเบื้องหลังความสวยงาม ความสง่า ของดาราจะมีผู้จัดการดาราอยู่เบื้องหลังและเคียงข้างกันเสมอ
ผู้จัดการดารา ทำหน้าที่อะไร?
คนภายนอกอาจมองว่าผู้จัดการดาราแค่ต้องคอยดูแลดารา หางานให้ดารา แล้วกินเปอร์เซ็นต์เข้ากระเป๋า แต่แท้จริงแล้ว ผู้จัดการดารา มีหน้าที่มากกว่านั้น เพราะหัวใจหลักคือจัดสรรทุกอย่างที่จะออกไปสู่สายตาประชาชน ทั้งหน้ากล้อง บนเวทีและโซเชียล ผู้จัดการดาราต้องทำให้ให้ดารามีภาพลักษณ์ที่ดีที่สุด ดูคิวงาน ดูแลภาพลักษณ์ รวมทั้งต้องช่วยกัน “คิดคอนเทนต์” และบางรายยังต้องช่วยดูแลชีวิตส่วนตัวดารา ในทุกด้าน ทุกมิติ
ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้จัดการดาราไม่ได้มีเยอะเหมือนตอนนี้ แต่เพราะตอนนี้ ดาราออกมาดูแลตัวเองเยอะขึ้น ผู้จัดการดาราจึงมีความสามารถออฟชั่นเสริม ถ่ายภาพได้ ถ่ายวิดีโอคล่อง คิดคอนเทนต์เก่งเพื่อเรียกงาน เพราะยุคปัจจุบันดาราไม่ได้มีหน้าที่แค่รองานจากการแสดงอย่างเดียว แต่ยังมีคู่แข่งใหม่ๆ อย่างติ๊กต๊อกเกอร์ อินฟลูเอนเซอร์ ที่เข้ามาแชร์ตลาด แย่งเงิน หากคนดังอยากได้เงิน ก็ต้องร่วมมือกับผู้จัดการ ช่วยกันสร้างสรรค์คอนเทนต์เพื่อเป็นโปรไฟล์เสนอลูกค้า วินวินกันทั้งสองฝ่าย
นอกจากนี้ผู้จัดการดารายังต้องดูแลความเนี้ยบทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของดารา คอยระแวดระวัง ตรวจสอบ เรียกว่า ต้องดูแลทุกมิติ ดูแลทั้งหน้างาน หลังเวที และอุดรุรั่วทุกอย่างของดารา เพื่อให้ดารา มีภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งคนที่จะทำงานนี้ได้ ต้องมีใจในการดูแลผู้คน หากมีดาราในสังกัดหลายคน ผู้จัดการดาราต้องทำหน้าที่เปรียบเหมือนครูใหญ่ คอยขัดเกลาเด็กในสังกัดให้อยู่ภาพรวมที่ผู้จัดการวาดและจัดวางไว้ให้ ซึ่งงานนี้คนที่รับไม่ได้ จริตไม่ตรงกัน ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนผู้จัดการดารา บางรายออกมาดูแลตัวเอง บางรายก็ให้มารดามาทำหน้าที่แทน
จะเป็นผู้จัดการดารา ต้องมาจากไหน?
ผู้จัดการดารา ส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ตัวดารา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ช่างหน้า ช่างผม สไตลิสต์ Ba พนักงานเคาน์เตอร์แบรนด์ที่เจอกันแล้ว หากคุยแล้วถูกชะตาก็เหมือนเป็นพรหมลิขิต บางรายก็มีการแนะนำฝากต่อๆ กันมาให้ช่วยดูแล
ผู้จัดการหนึ่งคนต้องเรียนรู้อะไรจากดารา?
ดารา กับ ผู้จัดการ เรียกว่าแทบจะทำงานเป็นคนๆ เดียวกัน ก็ไม่ผิดอะไร ดาราเพียงแค่มองตาผู้จัดการดาราก็ต้องรู้ใจทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร การจะเป็นผู้จัดการดาราต้องเรียนรู้ทำความรู้จักกันกับดาราในเชิงลึก ไม่อย่างนั้นจะไม่เข้าใจกัน การทำงานก็จะยาก ถ้าไม่รู้จังหวะ ผิดพลาดหน้างานก็ไปตกที่ดารา ผู้จัดการดาราคอยรักษาภาพลักษณ์ให้ดารา ต้องชน ต้องเซฟ ต้องยอมเจ็บตัวเองเพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดให้กับดาราของตัว บางทีต้องเป็นไม้กันหมา เป็นหนังหน้าไฟ เป็นตัวกลางดีลงานให้ลูกค้า เป็นคนที่ไม่ให้ดาราต้องปะทะ รับแรงกระแทกโดยตรง
รายได้ที่ไม่เหมือนเดิม
จากเดิมมีการหักเปอร์เซ็นต์จากการหางาน หาอีเวนต์ ซึ่งสามารถหักได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ปัจจุบันดาราไม่ยอมแล้ว นอกจากคนที่ปั้นกันมาตั้งแต่แรกๆ ส่วนใหญ่ดารามักยอมให้หักที่ 10 เปอร์เซ็นต์ บางรายมีการจ้างเป็นรายเดือน มีเงินเดือนให้เหมือนเป็นพนักงาน แต่บางรายก็เป็นจ๊อบบายจ๊อบ จ้างวันต่อวัน หากสามารถดีลงานได้ก็ได้เป็นเปอร์เซ็นต์เพิ่มต่างหาก
สิ่งที่จะยึดเหนี่ยวให้ผู้จัดการกับดาราอยู่ทนอยู่นาน คือการเกื้อกูลกัน ไม่เอาเปรียบ ไม่ตุกติกเพราะส่วนใหญ่ปัญหาที่ทำให้ผู้จัดการกับดาราแตกคอกันมากที่สุดคือเรื่องเงินและผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว ความไม่เข้าใจกัน ดีลงานไม่เคลียร์ ทำให้ดาราเสียชื่อ เสียงานกับลูกค้า ซึ่งหากเป็นเมื่อก่อนดาราจะอะไรก็ได้ แล้วแต่ผู้จัดการจะจัดสรร แต่ตอนนี้โลกเปลี่ยน จะให้เคลียร์ๆผู้จัดการต้องทำเป็นสัญญาหรือลายลักษณ์อักษรว่าจะหักเท่าไหร่เพื่อให้เคลียร์ ไม่มีปัญหา บริสุทธิ์ใจต่อกัน
นอกจากการจัดแจงรับเงินให้กับดาราในงานนั้นๆ แล้ว ผู้จัดการดาราต้องจัดการเอกสารต่างๆ ให้ดาราในการทำงานอีกด้วย ดังนั้นผู้จัดการดาราจะสามารถเข้าถึงเอกสารลับๆ ของดารา ซึ่งตรงนี้หากเจอคนไม่ดี ไม่ซื่อสัตย์ ก็อาจนำเอกสารดาราไปทำอะไรได้ด้วยเหมือนกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดาราต้องระวังอย่างหนัก
ปัจจุบันการหางาน มี 3 รูปแบบ คือผู้จัดการดาราดีลงานเอง ,ผู้จัดการเป็นแค่ผู้ช่วย โดยดาราจะเป็นคนคุยกับลูกค้า ดีลงานเองหมดทุกอย่าง แต่ว่าจ้างผู้จัดการไปเป็นจ๊อบบายจ๊อบ ป้องกันดีลผิดพลาด หรือพูดไม่เคลียร์กับลูกค้า เพราะบางเรื่องดาราไม่สามารถจัดการคนเดียวหน้างานได้ทั้งหมด ต้องมีคนมาช่วยซัปพอร์ตต่างๆ และสุดท้าย ผู้จัดการทำหน้าที่เป็นโบรกเกอร์ หางานให้ ตรงนี้ส่วนใหญ่ดาราจะมีคนดูแลเป็นคนในครอบครัว และจะให้ผู้จัดการที่มีความเชี่ยวชาญในการขายงาน เสนอลูกค้าจัดหางานมาให้และหักเป็นเปอร์เซ็นต์เป็นงานๆ ไป
เมื่อดาราต้องวิ่งหางานแข่งกับอินฟูลฯ ผู้จัดการดาราจึงสำคัญ
เมื่อดาราในปัจจุบันต้องลงสนามแข่งขันกับอินฟลูฯ ติ๊กต๊อกเกอร์ จากเมื่อก่อนที่รายได้ดาราปังๆ แต่ทุกวันนี้ทุกคนต้องลงสนามแข่งขันด้วยตัวเอง เพื่อไปแข่งกับอินฟลูเอนเซอร์ ติ๊กต๊อกเกอร์ ซึ่งตอนนี้ลูกค้าไม่ได้หวังพึ่งดาราพระ-นาง อีกต่อไปแล้ว แต่ยังมีดาราที่ความดังรองลงมา แต่ทำคอนเทนต์สนุก ทำให้มีผู้ติดตามเยอะ มียอดกดไลก์ ยอดฟอลฯ เอนเกจเมนต์ดี รวมไปถึงพวกอินฟลูฯ ติ๊กต๊อกเกอร์ ที่ทำคอนเทนต์เก่ง มาช่วยแชร์เป็นตัวเลือกใหม่ๆ ให้กับลูกค้าดึงมาใช้บริการ ไม่ต้องเสียค่าตัวแพงเท่าตัวท็อป แต่ได้งานคุณภาพที่โดนใจ ฉะนั้นในยุคหลังๆ จึงเห็นได้ว่า ดารามักมีการคิดคอนเทนต์อยู่เรื่อยๆ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันกับผู้จัดการ เพราะเป็นหนทางที่จะได้เงินเร็วกว่าเล่นละคร
เข้าขาและลงตัว มักรวยไปด้วยกัน
ดูอย่างคู่ “เบลล่า ราณี” กับ “พลอย” ผู้จัดการส่วนตัว ที่ปัจจุบันอยู่ด้วยกันเหมือนคนในครอบครัว คอยเกื้อกูลกัน ดูแลและสแกนทุกอย่างในชึวิตให้ แม้กระทั้งเรื่องความรัก ถึงตอนนี้ทั้งคู่จับมือรวยไปด้วยกัน แม้แต่ “เกล้า น้ำพราว” กับ “ใหม่ ดาวิกา” งานนี้ถึงแม้เกล้าจะมีดาราในสังกัดเป็นใหม่คนเดียว ก็ถือว่าทำให้รวยไปทั้งชาติ รวมทั้ง “ชมพู่ อารยา” กับ “หวานเจี๊ยบ” ที่จับมือกันให้ไปในทิศทางดีๆ หวังดีเหมือนคนในครอบครัว หรือแม้แต่ “พี่โช” กับ “มาริโอ้ เมาเร่อ” ที่ดูแลกันมายาวนาน
หน้าที่ผู้จัดการดารา ไม่ใช่การดูแลกันอย่างผิวเผิน ไม่ได้มีแค่เรื่องเงิน แต่เป็นอาชีพที่ต้อง “ใช้ใจแลกใจ” มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากกว่าที่ทุกคนคิด
จึงไม่แปลกใจทำไมเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้กับ “โน๊ต ชาคริยา” ถึงกับทำให้นักแสดงหลายคนเกิดอาการ “ใจสลาย” เพราะเธอเป็นคนที่อยู่ด้วยกันมายาวนาน ยิ่งกว่าพี่น้องและคนครอบครัวไปแล้ว