xs
xsm
sm
md
lg

ดุดันไม่เกรงใจใคร! คุยกับ ‘อันยา เทย์เลอร์ จอย’ เจ้าของบทนางเอก Furiosa: A Mad Max Saga

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา



หลังจากประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมในภาคก่อนหน้าอย่าง Mad Max: Fury Road ที่โคตรบ้าคลั่ง ดุเดือด ดุดัน และสั่นสะเทือนถึงเบื้องลึกหัวจิตใจหัวใจ ในที่สุด หลังจากรอคอยมานานถึง 9 ปี มหากาพย์การต่อสู้พร้อมจะออกสตาร์ทอีกครั้งในหนังฟอร์มยักษ์ Furiosa: A Mad Max Saga

ทั้งนี้ หนึ่งในไฮไลต์สำคัญที่หลายคนจับจ้องมองรอ คือการเข้ามารับบทบาท “ฟูริโอซ่า” ของ “อันยา เทย์เลอร์-จอย” แทน ชาร์ลีซ เธอรอน ซึ่งแน่นอนว่า การมาครั้งนี้ของอันยา เทย์เลอร์-จอย มีความหมายอย่างมาก ทั้งบทบาทในจอและในชีวิตการแสดงของเธอ

ก่อนตีตั๋วเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ในโรง เราพาไปสนทนาสักเล็กน้อยกับนักแสดงสาววัย 28 ปี ที่ต้องบอกว่า ยุคนี้เหมือนยุคทองของเธอ เกี่ยวกับบทบาทและการทำงานร่วมกับผู้กำกับภาพยนตร์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งอย่างจอร์จ มิลเลอร์...


อยากให้คุณช่วยเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการได้มารับบทนี้?

อันยา เทย์เลอร์-จอย: จำได้ว่าเป็นช่วงระหว่างการล็อคดาวน์ค่ะ (จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19) ฉันได้รับข้อความจากผู้สร้างภาพยนตร์ที่ฉันร่วมงานด้วยคือเอ็ดการ์ ไรท์ เขาบอกว่า “จอร์จ มิลเลอร์ อยากคุยด้วย” ตัวฉันก็สั่นด้วยความตื่นเต้นเลยค่ะ เราเริ่มเฟสไทม์กันซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราได้รู้จักกัน เขาถามคำถามแปลก ๆ เช่น ฉันขี่มอเตอร์ไซค์เก่งไหม ฉันพร้อมจะแสดงฉากผาดโผนเองไหม?

จากนั้นเขาพูดว่า “ฟังนะ เรากำลังจะสร้างผลงานก่อนเรื่อง ‘Fury Road’ กัน เราจะเล่าเรื่องของฟูริโอซ่า คุณพอจะมาออดิชั่นได้ไหม? ผมอยากให้คุณอ่านบทในหนัง ‘Network’” ฉันตื่นเต้นมากค่ะ เพราะอย่างแรกเลยคือฉันเป็นแฟนของแฟรนไชส์เรื่องนี้ ไอเดียที่ได้มีส่วนร่วมในโลกใบนี้ยิ่งใหญ่สำหรับฉันมาก พอฉันได้อ่านบท “Network” มันทำให้ฉันรู้สึกหลายอย่าง ความรู้สึกของผู้ประกาศข่าวที่อยากให้ทุกคนลุกขึ้นต่อสู้เพื่อความถูกต้อง เพราะพวกเขาอยู่ในช่วงเวลาอันเลวร้าย

ฉันคิดว่าได้ส่งไป 2-3 เทคนะคะ จากนั้นจอร์จโทรมาหาฉันในไม่กี่นาทีพร้อมข้อความสั้น ๆ ฉันก็คิดว่าโอเค เดี๋ยวจะกลับไปลองใหม่อีกที เราอ่านบทกันแบบเรียลไทม์ เป็นการได้รับบทอย่างที่ฉันไม่มีวันลืมเลยค่ะ ตอนที่รู้ว่าได้รับบทรู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริงเลยค่ะ ฉันจำวันที่ประกาศออนไลน์ได้ ตอนนั้นฉันอยู่ในอพาร์ทเมนท์คนเดียวที่เบลฟาสต์ กำลังถ่ายทำเรื่อง “The Northman” ฉันวิ่งไปทั่วห้องและร้องกรี๊ด รู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ ที่จะได้เล่าเรื่องราวนี้ค่ะ


เมื่อได้มารับบทนี้ อะไรคือสิ่งที่คุณให้ความสำคัญมากที่สุด?

อันยา เทย์เลอร์-จอย: ฉันจำช่วงแรกเริ่มได้ว่าจอร์จกับฉันคุยกันนานมากราว 4-5 ชั่วโมงได้ มีวันหนึ่งที่เขาเขาชวนฉันมาแสดงหนังให้เขา “คุณต้องบอกฉันหน่อยแล้วล่ะทำไมเราต้องทำหนังเรื่องนี้ด้วยกัน” สำหรับฉันมองว่ามันเป็นเรื่องราวที่ให้แง่คิด ฉันมองว่าเป็นโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความบันเทิงและมีความงดงามในตัว แต่ความจริงของโลกใบนั้นก็ไม่ไกลเกินไป

สิ่งที่ฟูริโอซ่าหลงใหลอย่างการกลับไปหาดินแดนที่เป็นสีเขียว ฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่ทันสังเกต แต่จะเริ่มรู้สึกได้ในไม่นาน เกี่ยวกับการปกป้องโลกของเรา สำหรับการแสดง ฉันไม่เคยมีหลักการอะไร ฉันพยายามจะไม่แสดงท่าทางมากเกินไปในฉาก แต่ฉันมีความคิดแบบฟูริโอซ่าเต็มที่จนยากจะปล่อยวางตอนกลับบ้าน ฉันหวังว่ามันจะส่งผลดีบางอย่าง เพราะสิ่งเดียวที่ฉันแคร์คือเรื่องการถ่ายทอดความสมจริงของบุคคลนี้ ฉันรักและชื่นชมเธอมาก เธออยู่ในใจของฉันจนอยากถ่ายทอดออกมาให้ถูกต้องที่สุด


คุณมีความรู้สึกนึกคิดอย่างไรเกี่ยวกับตัวละครนี้?

อันยา เทย์เลอร์-จอย: ฉันคิดว่าเธอเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นมากค่ะ เวลาที่เธอตั้งใจทำอะไรสักอย่าง เธอจะทำจนกว่าจะสำเร็จ มันเป็นแบบนั้นตั้งแต่ช่วงแรกเลย บางครั้งฉันคิดว่าถ้าเธอไม่ถูกลักพาตัวไปจากดินแดนเขียวชอุ่มจะเป็นอย่างไรกันนะ? เธอคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีชีวิตราบรื่น นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากพบเจอเลย เธอถูกลักพาตัวและตอนนั้นเธอจึงเข้าใจว่าความเมตตาบนดินแดนอันว่างเปล่าคือการไม่ยอมอภัย

เธอสัญญาเอาไว้กับแม่ไว้ว่า “ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ไม่ว่าจะต้องทำอยางไร กลับมายังดินแดนอันเขียวชอุ่มให้ได้” และความน่าสนใจในเรื่องที่จอร์จสร้างเอาไว้ คือเมื่อเธอค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป จนปลดล็อกความโหดร้ายออกมา ตอนนี้เธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและพลัง เมื่อทุกอย่างเกิดขึ้น จึงตกอยู่กับดีเมนทุส เธอยกทุกความเจ็บปวด ทุกการสูญเสีย มาไว้ที่เขาคนเดียว

ทั้งนี้ สิ่งที่ฉันคุยกับจอร์จช่วงแรกคือจะมีบางประโยคสำคัญที่พบได้ตลอด ประโยคหนึ่งคือ “การอยู่รอดได้ในสภาพอันเลวร้ายแสดงให้เห็นถึงการมีตัวตนของคนหนึ่งอย่างแท้จริง” เพราะการอยู่รอดในสภาพที่โหดร้ายจะแสดงให้เห็นทุกอย่าง อีกประโยคที่ทำให้ฉันประทับใจคือ “ฟูริโอซ่าต้องได้เรียนรู้บางสิ่งเข้าสักวัน” เธอได้รับบทเรียน เพราะในดินแดนอันว่างเปล่า มันไม่มีการอภัยอย่างแท้จริง เธอมีความสามารถสูง ช่างสังเกต และหาทางสร้างประโยชน์ ทำให้เธอมีโอกาส หลังจากที่เข้าใจเรื่องลำดับขั้นในซิทาเดล เธอเข้าใจแล้วว่าที่เหมาะสำหรับเธอที่สุดคือการเข้าใกล้เครื่องจักรอันน่าทึ่งเหล่านั้น เช่น วอร์ริก


คุณคิดว่าอะไรคือความท้าทายสำหรับการรับบทนี้?

อันยา เทย์เลอร์-จอย: ฉันคิดว่าความท้าทายสำคัญที่สุดในการรับบทเป็นเธอคือจอร์จมีภาพที่ชัดเจนมาก ๆ ว่าฟูริโอซ่าควรมีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งทำให้ฉันในฐานะนักแสดงจะต้องถ่ายทอดทุกสิ่งออกมาผ่านสายตาเป็นส่วนใหญ่

สำหรับนักแสดง มันเป็นเรื่องท้าทายมากค่ะ เพราะคุณได้แต่หวังว่าจะถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดออกมาผ่านสายตาให้ได้ แต่วิธีนี้ก็ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้ช่วงเวลาที่ฟูริโอซ่าต้องปลดปล่อยอารมณ์ที่รุนแรงออกมา จอร์จมองได้เป๊ะมากในจุดนี้ค่ะ ฉันคิดว่าสถานที่อย่างเวสต์แลนด์ไม่ยอมรับความอ่อนแอหรือการแสดงอารมณ์อย่างฟูมฟายหรอก ซึ่งก็แปลว่าช่วงเวลาแบบนั้นยิ่งเกิดขึ้นได้ยากและหนักแน่นเต็มอารมณ์เมื่อมันเกิดขึ้นจริง ๆ


การได้ร่วมงานกับผู้กำกับอย่างจอร์จ มิลเลอร์ ให้ความรู้สึกกับคุณอย่างไรบ้าง?

อันยา เทย์เลอร์-จอย: มีแต่ความรัก ความเคารพ และความชื่นชมจอร์จ มิลเลอร์ค่ะ ฉันรักเขาทั้งหัวใจ เขาเป็นคนน่ารักและสุภาพที่สุด เป็นผู้ชายที่มีความเอาใจใส่มาก ฉันคิดว่าเราเหมือนกันหลายอย่าง เขาชื่นชมในความบ้าคลั่ง และฉันเองก็เหมือนกัน ฉันชอบแนะนำอะไรประหลาด ๆ เช่น การนองเลือด แทนที่จะมองว่าฉันบ้า เขากลับมองว่า “ได้ วิเศษไปเลย” มันมีความหมายมาก เพราะฉันไม่คิดว่า จะมีใครคิดว่ามันอยู่ในหัวของฉันได้

ฉันรักในความเอาใจใส่และความสงสารที่เขามีต่อฉัน เขาใส่ใจและพิจารณาถี่ถ้วนมาก ฉันบอกพ่อกับแม่ว่า “หนูรักการร่วมงานกับผู้ชายคนนี้ เพราะหนูรู้สึกได้ว่าเหมือนเป็นโลกทั้งใบของเขา” ไม่มีอะไรบนหน้าจอที่ไม่ใช่สิ่งที่ผ่านการอนุมัติ ตรวจสอบ เช็กแล้วเช็กอีกโดยจอร์จ มิลเลอร์เลย ฉันคิดว่าเขาสร้างแรงบันดาลใจได้เหลือเชื่อเลยค่ะ


สุดท้ายแล้ว ในสายตาของคุณ มองหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไร?

อันยา เทย์เลอร์-จอย: แนวการกำกับทุกอย่างของจอร์จในหนังเรื่องนี้เหมือนร็อคโอเปร่าค่ะ มันมีจังหวะในเรื่องที่ฉันชื่นชมมาก เพราะฉันเป็นนักเต้นและมักจะขยับร่างกายไปตามจังหวะ เราคุยกันตั้งแต่แรกเรื่องฉากแอ็คชั่น มันไม่จำเป็นต้องมี แต่การต่อสู้ในเรื่องนี้ ต้องรู้จักตัวละครผ่านฉากแอ็คชั่น ฉันไม่เคยคิดเรื่องนั้นมาก่อนเลย

ฉันคิดว่า คุณจะสัมผัสได้ถึงการเติบโตขึ้นของตัวละครจากฉากการต่อสู้นาน 15 นาที มันมีความดุเดือดมาก ในเรื่องนี้เกินกว่าคำว่ามหากาพย์ไปแล้ว มันยิ่งใหญ่ในเรื่องขนาด ความทะเยอทะยาน อารมณ์ การต่อสู้ นี่คือหนังฟอร์มยักษ์ที่ฉันคิดว่ามีบางอย่างรออยู่สำหรับทุกคน ฉันคิดว่าเราจะพาคุณไปพบประสบการณ์หลุดโลกได้จนคุณเหนื่อยในท้ายที่สุด เพราะเราใส่อารมณ์ลงไปอย่างไม่ยั้ง

และหวังว่าสาว ๆ จะรู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าที่คิด มีพลังมากกว่าที่คิด ทำอะไรได้หลายอย่างมากกว่านั้น มันมีความกดดันอยู่ในตัว แต่เราก็ต้องเผชิญมัน



กำลังโหลดความคิดเห็น