xs
xsm
sm
md
lg

“เก่ง ลายพราง” ลั่น สักเยอะก็เรื่องของกู! ถึงเป็นไอ้ขี้คุก ชั่ว แต่ดูแลครอบครัวได้ดีกว่าคนอื่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เก่ง ลายพราง” เปิดหมดใจ ข้อดี ข้อเสียของการสัก วอนอย่าตัดสินคนที่ภายนอก 80% มองไปแล้วว่าขี้คุก คิดในใจมันเรื่องของกู หลังโดนถามทำไมสักเยอะ ไม่เคยเสียใจที่สัก เพราะไม่ได้แคร์ใครนอกจากตัวเอง ตอนนี้ลังเลจะสักเพิ่ม เพราะถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ไม่ห้ามถ้าอยากสักตาม แค่ต้องไม่เดือนร้อนใคร เล่าอดีตทำทุกอย่างที่พ่อแม่ไม่ชอบ แต่สุดท้ายดูแลครอบครัวได้ดีกว่าคนอื่น

เป็นอีกหนึ่งคนชื่นชอบ และหลงใหลในการสักเป็นอย่างมาก สำหรับ “เก่ง ลายพราง” หรือ “ปัญญา ยิ้มอำไพ” ที่ตอนนี้ก็มีรอยสักเต็มตัว แทบไม่เหลือพื้นที่ว่างแล้ว ล่าสุดมีโอกาสได้เจอกับเจ้าตัว ที่มาโปรโมตภาพยนตร์เรื่อง “Hellhound นรกสั่งล่า” เลยขอสัมภาษณ์แบบเปิดใจ ถึงเรื่องการสักที่เยอะขนาดนี้ ว่าจุดเริ่มต้นมันเกิดจากอะไร แล้วสักตรงไหนเจ็บที่สุด รวมถึงข้อดีและข้อเสียของการสักด้วย ซึ่งงานนี้ “เก่ง ลายเพราง” ก็คำถามตอบอย่างไม่มีกั๊ก พร้อมเล่าว่าตอนอยู่ในเรือนจำ ฝันอยากจะออกมาเปิดร้านสักด้วย แต่พอได้ลองทำจริงๆ แล้ว มันไปต่อไม่ได้ เพราะตัวเองรู้จักแต่ลายฮิตในคุก 

“ข้อดีคือ ถ้าสมมติเราเป็นคนที่กล้าแสดงออก เราเป็นคนที่มีความสามารถในการแสดง ผู้กำกับที่เขาเล็งเห็น หรือคนที่เขาเห็นว่าเรามีความสามารถ เขาก็จะนำลักษณะแบบเราไปใช้ในส่วนของเขา ซึ่งแบบเรามันก็มีน้อยมาก ส่วนข้อเสียคือคนทั่วไป ร้อยละ 80 จะมองว่าคนที่มีลายสัก เป็นคนที่ไม่ดี ติดคุก แค่นั้นเอง ถามว่าเราอยากอธิบายอะไรไหม คือทุกครั้งที่ผมให้สัมภาษณ์รายการ สุดท้ายแล้วเรื่องที่อยากจะฝากไว้ ก็คือเรื่องนี้แหละ เราอยากให้คนที่อยู่บนโลกใบนี้ มองคนที่ความสามารถ ไม่ตัดสินคนที่ภายนอก เวลาเห็นคนที่สักเต็มตัว ไม่อยากให้มองว่าไอ้นี่มันติดคุกที่ไหนมาวะ ติดคุกมากี่ปี โดนคดีอะไรมาวะ คือคำถามแรกที่เขาถามกับคนนั้น มันจะเป็นคำถามนี้ เราอยากให้มองที่จิตใจข้างในลึกๆ”

จำความรู้สึกตอนโดนถามครั้งแรกได้ คิดในใจว่ามันเรื่องของกู
จำได้ ในใจตอนนั้นคือคิดว่าเรื่องของกู (หัวเราะ) มีคนสงสัยเยอะครับ แล้วผมก็พยายามพูดกับตัวเอง ว่าอันนี้มันเรื่องของกู กูสักกูก็เสียเงินเอง กูสัก ลายสักมันก็ขึ้นที่ตัวกู เวลาสักแล้วเจ็บ กูก็เจ็บเอง ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นกับตัวผม มันไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเขา เพราะฉะนั้นแล้วทุกคำพูด ทุกความรู้สึกของเขา มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวผมอยู่แล้ว”

ไม่เคยคิดเสียใจที่สักเยอะ เกิดจากความว่างและความชอบ
“ไม่มี ที่สักมาเต็มตัวจนทุกวันนี้ สิ่งแรกคือมันเกิดการจากว่าง และความชอบ ว่างเพราะเราเข้าไปอยู่ในเรือนจำ เราไม่มีอะไรทำ กิจกรรมที่เขาทำกันก็คือเตะบอล ฟิตเนส ที่ฮิตๆ คือฝังมุก ผ่าเบนซ์ ฉีดอวัยวะเพศ สัก อันนี้ยอดฮิตเลย แต่ลายแรกเราสักข้างนอก คือก่อนจะเข้าเรือนจำเรามีลายสักอยู่แล้ว แต่ที่เต็มตัวคือเราเข้าไปสักข้างใน พอออกมาข้างนอกก็ไปเติมหน้าให้มันเต็ม ให้มันแน่น เติมสีดำใหม่ ทำไปเรื่อยๆ”

ตอบไม่ได้สักตรงไหนเจ็บที่สุด เพราะมันเจ็บคนละแบบ และเจ็บจนชิน
“อันนี้คำถามยอดฮิตนะ มีสองคำถามเกี่ยวกับการสักที่คนถามตลอด หนึ่งสักเจ็บไหม เจ็บอยู่แล้ว สองสักตรงไหนเจ็บสุด มันก็ตอบไม่ได้ เพราะแต่ละที่มันเจ็บไม่เหมือนกัน อย่างตรงหัวมันเจ็บแล้วมันไม่ชา มันก็จะเจ็บอยู่อย่างนั้น แต่ตรงแขนมันเจ็บแล้วมันก็หาย เพราะว่ามันชา ส่วนตรงก้นมันจะเจ็บแบบปวด ข้อพับจะเจ็บแบบแสบ ตรงกระดูกมันเจ็บแบบสะดุ้ง เจ็บหลายอย่างมาก เราก็ไม่รู้ว่าแต่ละที่ตรงไหนมันเจ็บสุดไง เราตอบไม่ได้ มันเจ็บจนชิน (หัวเราะ)

อยากสักเพิ่มแต่มีความลังเล เพราะถึงจุดอิ่มตัว รู้สึกชอบน้อยลง
“อยากสัก แต่ว่าเจ็บ (หัวเราะ) คือตัวผมสักจนเต็มตัวหมดแล้ว แต่อันนี้มันเปรียบเสมือนงานแก้ ถ้าจะให้สักใหม่ เรารู้สึกว่าเราเกิดความพอแล้ว พอคิดถึงความคุ้มค่าและความชอบแล้ว เรารู้สึกว่ามันน้อยลงหรือเปล่าความชอบ ถ้าเราเอาเวลามาสัก หนึ่งเสียเวลา สองเจ็บ สามเสียเงิน เราเลยเกิดความลังเล ถ้าถามว่าอยากได้ไหม ก็อยากได้ ถามว่าเจ็บไหมก็เจ็บ เลยเกิดความลังเล เรื่องอื่นเราตัดสินใจได้หมดนะ แต่เรื่องสักเรายังลังเล ยังรู้สึกว่าสมองยังรวนอยู่ แต่ที่ผ่านมาไม่เคยลังเลเลยนะ เราพุ่งเข้าใส่เพราะเราชอบไง แต่ว่าคนเราเวลาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว มันจะรู้สึกเจ็บ ใช้ยาชาแล้วก็ยังเจ็บ ผ่านมาล้านเข็มก็ยังเจ็บ (หัวเราะ)

ชอบลาย “ทีฆายุโก โหตุ มหาราช” และ “Long Live The King” รัชกาลที่ ๙ มากที่สุด
“ลายที่ชอบที่สุด คือลายที่อยู่บนหัว และลายภาษาอังกฤษที่อยู่ตรงหน้าผาก แปลว่า ทีฆายุโก โหตุ มหาราช แล้วก็ Long Live The King ครับ รัชกาลที่ ๙”

ถ้าจะสักเพิ่มคือลงดำทั้งตัว แล้วลงเส้นขาวใหม่ อยากลบลายเก่าออก ไม่อยากจดจำ
“อยากจะลงดำทั้งตัว แต่ขาเป็นงานญี่ปุ่น แล้วก็มาลงเส้นขาวใหม่ คืองานเก่าที่สัก เป็นงานลงสีหมด แต่เรามาแก้ใหม่ เพราะเราไม่อยากจดจำลายสักเก่าๆ แล้ว บางทีมันก็มีชื่อคนอยู่ อยากจะลบล้างไปให้หมดเลย ถมดำไปให้หมดแล้วเดี๋ยวค่อยสักใหม่”

ไม่ห้ามถ้าใครอยากสักตาม แต่ต้องมีเงิน มีอาชีพ ที่ดูแลตัวเองได้ ทำแล้วต้องไม่เดือนร้อนใคร
“เวลาไลฟ์คนจะมาบอกว่า พี่เก่งครับ ผมมีพี่เป็นไอดอล ผมอยากสักแบบพี่ เราก็จะบอกว่าสักได้ มันเป็นความชอบของแต่ละบุคคล เราจะสักเต็มหัว เต็มหน้า เราสักได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องมีคือเงิน ถ้ามีเงิน มีอาชีพที่โอเคแล้ว เราสักได้ เราไม่ต้องไปซีเรียสว่าเราสักแล้วใครจะว่าเรา ถ้าเราสักแล้วเราสามารถสร้างรายได้ได้ สามารถดูแลพ่อแม่ได้ บรรลุนิติภาวะแล้ว เราไม่ได้เรียนอยู่มัธยมหรือมหาลัย เราสักไปเลย มันตัวเรา เสียเงินเราก็เสียเอง เจ็บตัวเราก็เจ็บเอง ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดที่ตัวเรา เพราะฉะนั้นแล้วถ้าจะสักคุณต้องคิด ว่าในวันข้างหน้าสาขาที่เรียนอยู่ อย่างอยากเป็นทหาร ตำรวจ เขาห้ามอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณสักไปแล้ว คุณประกอบอาชีพเอง มีธุรกิจส่วนตัว คุณก็สักไปเถอะ มันเป็นความชอบของคุณ คนเราเกิดมาแล้ว จงทำสิ่งที่ตัวเองชอบที่สุด และสิ่งที่ตัวเองรักที่สุด โดยที่ทำแล้วไม่เดือดร้อนใคร”

ตอนอยู่ในเรือนจำฝันอยากเปิดร้านสัก แต่พอมาทำจริงไปต่อไม่ได้ เพราะรู้จักแต่ลายฮิตในคุก
“เราคิดว่าเรายังศึกษาไม่ถึงจุด คือตรงไหนที่เราไม่ได้เก่งถึงขั้นสุดยอด หรือไม่ได้มีความสามารถที่จะนำมาต่อยอดได้ เราจะไม่ทำ ย้อนกลับไปตอนเราอยู่ข้างใน ทำไมเราถึงได้สักเยอะขนาดนี้ คือเรามีความคิดแว๊บเข้ามาในหัว ว่าถ้าวันหนึ่งออกไปอยู่ข้างนอกแล้ว ดูจะไปประกอบอาชีพอะไร ถ้าสักเต็มตัว เราก็คิดว่าเราจะมาเปิดร้านสักข้างนอก พอออกมาเราก็ทำตามฝัน แต่พอเราไปสักให้น้องๆ เพื่อนๆ ให้ลูกค้าที่ติดต่อมา ลูกค้ามาถามว่าพี่รู้จักงาน old school งาน new school งาน Tribal หรืองานกราฟิกไหม ผมบอกไม่รู้จัก รู้จักแต่มังกร ไม้เลื้อย ปลาคราฟ (หัวเราะ) มันเป็นลายยอดฮิตที่อยู่ข้างใน เราเลยรู้สึกว่ามันไปต่อไม่ได้นะ เราไม่รู้ว่างานที่เขาพูดมาคืออะไร เรามานั่งงงอยู่ แล้วลูกค้าจะมีความมั่นใจไหม ถ้าเขาบอก Tribal พี่ถนัดไหม มันคืองานอะไรวะเนี่ย เรารู้จักแต่ไม้เลื้อย ที่เราสามารถสักโดยใช้จินตนาการเอา แต่เราสักเก่งมาก ถนัดงานญี่ปุ่น งานที่เป็นเงาน้ำ”

ดีใจที่มีคนชื่นชอบ หลังต่างชาติว้าวกับคาแรกเตอร์นี้มาก
“จริงๆ ก็ดีใจนะ เราสักมาแล้วมีคนชื่นชอบ แต่ส่วนที่ไม่ได้ชอบก็มีอยู่แล้ว เพราะคนเรามันมีทั้งดีและไม่ดี เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน เพราะฉะนั้นแล้วถ้ามีมุมมองแนวคิด และความรู้สึกที่มันดีกว่า มันโอเคกว่า ผมคิดว่ามันก็โอเคครับ”

ครอบครัวไม่ชอบให้สัก ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ซึ่งตัวเองทำหมดทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็เป็นคนที่ดูแลครอบครัวได้ดีกว่าคนอื่น
“โอ้ย ห้ามครับ คือแม่เนี่ย เมื่อก่อนบ้านผมเปิดร้านอาหารตามสั่ง ทุกครั้งที่ไปช่วยแม่ เราก็แอบ เพราะลายแรกเราสักที่ข้อเท้า แต่พักหนึ่งเขาก็เห็น คือเขาจะคอยบอกตลอด ยิ่งพ่อนี่ไม่ชอบเลยเรื่องสัก ครอบครัวไม่มีใครชอบเลย แต่จากวันนั้นถึงวันนี้ ระยะเวลาประมาณ 20 ปี มันมาไกลแล้ว ผมเคยคิดกับตัวเอง ว่าครอบครัวเราแอนตี้เรื่องสัก บุหรี่ ยาเสพติด แต่มันเกิดขึ้นกับตัวผมหมดเลย ผมติดยาหนักมาก ผมสูบบุหรี่ กินเหล้าหนักมาก ผมเกเรที่สุด ผมสักเต็มหน้าเต็มตัว แต่ทุกวันนี้จากความชั่วเหล่านั้น เราปรับเปลี่ยนกลายมาเป็นความดี เราดูแลครอบครัวได้ดีกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้นผมอยากบอกว่า คนเราอย่าไปมองที่ภายนอก เขาอาจจะมีทั้งดีและร้ายในคนเดียว ผมเชื่อว่าบนโลกใบนี้ ไม่มีใครดีหรือเลวร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างน้อยมีความดีมากกว่าความเลว มันก็โอเคแล้วครับ” 
ไม่น้อยใจโดนตัดสินจากภายนอก เพราะเลือกแคร์แค่ตัวเอง และปรับเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น
“ที่ผ่านมาโดนตัดสินไปแล้ว ทั้งที่ยังไม่เคยได้อธิบาย แต่ก็ไม่น้อยใจครับ เพราะผมไม่ได้แคร์คนอื่น ผมแคร์ตัวเอง สมมติวันนี้เรารู้สึกว่าไม่มีเงิน เอ้า…แล้วทำไมมึงไม่ทำงาน เราจะทะเลาะกับตัวเองตลอด เราจะไม่ทะเลาะกับคำพูดรอบข้าง ว่าทำไมมึงขี้คุก ทำไมมึงสักเยอะขนาดนี้ ทำไมมึงไม่เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันมีอยู่นะครับคำพวกนี้ เพียงแต่เราไม่เคยใส่ใจ ถ้าเราไปใส่ใจ เราจะอยู่กับวงการโซเชียลมา 10 กว่าปีไม่ได้นะครับ เรารู้สึกว่าเราเริ่มแข็งแกร่งขึ้น แล้วบางทีคำสบประมาทเหล่านั้น มันก็ทำให้เราก้าวผ่าน ทำให้เรารู้สึกว่าเราเปลี่ยนได้นี่หว่า จากสิ่งที่มันไม่ดี สิ่งที่มันแย่ สิ่งที่ต้องแก้ไข ก็ปรับเปลี่ยนมาจนทุกวันนี้ ที่เรารู้สึกว่าเราดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ จากเมื่อก่อนเคยเสพยา เคยทำไม่ดี ก็ปรับเปลี่ยนแล้ว ไม่มีแล้ว”

มุมอ่อนแอคือเรื่องชีวิตครอบครัว และเรื่องธุรกิจที่ยังไม่ประสบความสําเร็จ
มุมอ่อนแอก็มีเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวบ้าง คือชีวิตครอบครัวเราก็ผ่านมาเยอะ แต่เราก็ยังไปไม่ได้ไกลถึงชีวิตครอบครัว แล้วก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องธุรกิจ ที่มันจะสามารถต่อยอดไปจนลูกหลานได้ มีคำถามตลอด ว่าทำไมถึงไม่สำเร็จสักที แต่ก็มีคำตอบในใจออกมาตลอด สมมติในกรณีที่เราขายปลาหมึก เมื่อก่อนเราเคยขายได้วันละแสน ตอนนี้ขายได้วันละพัน เราก็ตอบตัวเองว่าอ๋อ คงเป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดี ก็แค่นี้

ยอดมันหายไปเยอะมาก จากวันละแสนกว่า เหลือแค่ 4-5 พันไม่ถึงหมื่น มันเป็นที่เศรษฐกิจไม่ดีและกระแสก็ดรอป อาจเพราะเราไม่ได้ไปอยู่ตรงร้านเอง แล้วในโซเชียลเราไม่ได้ทำต่อ ตอนแรกเราก็ไลฟ์บ้าง ลงคลิปบ้าง พอคนเริ่มห่างหายไป คนเริ่มไปกินกันเยอะแล้ว ไปต่อคิวมาแล้วก็เริ่มเบื่อ เป็นความจำเจ ถามว่าราคาปลาหมึก มันก็ค่อนข้างสูง แต่วัตถุดิบที่เราลงทุน มันก็สูง ซื้อปลาหมึก 2 ไม้ ใช้เงินไปเกือบ 300 บาทแล้ว เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ในภาวะที่ไม่ได้หาเงินได้เยอะ เขาก็ใช้เงินอย่างประหยัดและรอบคอบ”











กำลังโหลดความคิดเห็น