xs
xsm
sm
md
lg

“อรอนงค์” เผยเรื่องช็อก! เจอมะเร็งระยะ 2 ที่ต่อมไทมัส เคสหายากหนึ่งในแสน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อรอนงค์” เปิดใจเพิ่งรู้เป็นมะเร็ง ไม่มีสัญญาณเตือน แค่แน่หน้าอกและไปหาหมอ ก่อนเจอต่อมไทมัสโตผิดปกติ และผลตรวจชิ้นเนื้อคือมะเร็งระยะที่ 2 ตอนนี้ฉายรังสีครบแล้ว กลับมาดูแลตัวเองมากขึ้น เพราะห่วงลูกยังเล็ก 

ทำเอาหลายคนตกใจไม่น้อย หลัง “อร อรอนงค์ ปัญญาวงศ์” นางสาวไทย ปี 2535 ได้ออกมาเผยผ่านรายการแฉ เทปวันที่ 9 พ.ค. 2567 ว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งคน ที่ต้องเผชิญกับโรคมะเร็ง โดยเพิ่งตรวจเจอเมื่อปีที่แล้ว 2566 ว่าเป็นมะเร็งต่อมไทมัส ในระยะที่ 2 หลังมีอาการแน่นหน้าอก อาการหายใจไม่ออก เลยไปหาหมอเพราะคิดว่าเป็นโรคหัวใจ

“หลายๆ คนอาจจะคิดว่ามะเร็งเป็นโรคที่น่ากลัว แต่จริงๆ แล้วมะเร็งมันยังดีกว่าโรคที่ติดต่อ จากการสัมผัส จากการเจอกัน ซึ่งแบบนั้นเราไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ แต่มะเร็งมันอยู่กับตัวเราเอง เพราะฉะนั้นเราต้องดูแลรักษาตัวเอง และรักษามะเร็งไปควบคู่กันด้วย เราเพิ่งรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งเมื่อปีที่แล้ว คือจริงๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็น เพราะกินอาหาร พักผ่อน ดูแลตัวเองดีมาก แต่ตอนจะไปถ่ายละคร เกิดอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หายไม่ทั่วท้อง เลยบอกกองถ่ายว่าขออนุญาตไปโรงพยาบาลก่อน เพราะตอนนี้ไม่ไหวแล้ว หายใจไม่ออกเลย ไม่หายใจลงข้างล่างเลย มันเจ็บหน้าอกไปหมดเลย”

“คือก่อนหน้านี้ไม่มีสัญญาณอะไรเลย ไม่มีสาเหตุอะไรเลย ไม่เคยนอนโรงพยาบาล ไม่เคยไปรักษาโรคอะไรเลย บทมันจะมามันตีขึ้นมาเลย และแน่นหน้าอกเจ็บบริเวณหน้าอก เวลาหายใจแล้วเจ็บ ก็เลยไปหาหมอ ก็คิดว่าเราจะเป็นโรคหัวใจไหม หรือเป็นโรคอย่างอื่นไหม ให้คุณหมอตรวจ จนวัดคลื่นหัวใจ วัดอะไรหมดเลย คุณหมอเลยให้เอ็กซเรย์ดู ปรากฎว่าไปเจอก้อนต่อมไทมัส ซึ่งต่อมนี้มันอยู่ระหว่างกลางหัวใจและปอด ครั้งแรกที่ได้ยิน คือคิดว่าร่างกายเรามันมีต่อมนี้ด้วยเหรอ เราไม่เคยได้ยินเลย”

“คุณหมอก็อธิบายว่ามันอาจจะเจอน้อยนะ แต่ว่ามันจะไม่ร้ายแรง เราฟังแล้วก็อ๋อ สบายใจ ว่ามันไม่ได้ร้ายแรง แต่เคสของต่อมไทมัสเนี่ย สักหนึ่งแสนคนจะเจอหนึ่งคน เพราะฉะนั้นการรักษามันจะไม่ได้เยอะมาก ถ้าเราไปเสิร์ชหาข้อมูล ก็ถามว่าสาเกตุเกิดจากอะไร สาเหตุหนึ่งเกิดจากความเครียด พักผ่อนน้อย ทำงานหนัก ความเครียดสะสม”

“ต่อมไทมัสมันทำหน้าที่สร้างความเจริญเติบโต มันมีมาตั้งแต่เราคลอดแล้ว เพราะเด็กต้องใช้ต่อมไทมัสในการสร้างความเจริญเติบโตกับร่างกาย แต่พอเราอายุมากขึ้น ต่อมนี้มันจะหดลง แต่พอต่อมมันผิดปกติ มันก็จะใหญ่ขึ้น แล้วตอนนั้นที่เอ็กซ์เรย์ดู ก็ใหญ่ประมาณ 4 เซนติเมตร คือตอนนั้นมันอาจจะเริ่มโตและไปเบียดหัวใจกับปอด แสดงว่ามันก็ต้องมีสัญญาณมาก่อนหน้านี้ แต่ว่ามันไม่แสดงอาการ คือเราไม่รู้ เรานึกว่าเราเป็นกรดไหลย้อน”

“คุณหมอก็บอกว่าไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวลนะ แต่เราก็มีความรู้สึกว่ามันจะน่ากลัวไหม เพราะเรายังต้องดูแลลูกอยู่ เราต้องดูแลคนในครอบครัว ลูกคนโตตอนนี้อายุ 19 ปี คนเล็กอายุ 17 ปี คือพอเรารู้ว่าต้องผ่าตัด ก็เลยขอกองละคร ว่าเราต้องผ่าตัด เพราะฉะนั้นเดือนนี้ให้คิว แล้วก็วางแพลนว่าวันที่ 6 ตุลาคมปีที่แล้วจะผ่าตัด ใช้เวลา 1 เดือนในการพักรักษาตัว พักฟื้น แล้วระหว่างที่เราเตรียมตัวรอผ่าตัด ก็ต้องดูแล เพราะคุณหมอให้คำแนะนำว่าต่อมพวกนี้ บางครั้งมันจะเกิดมาได้เป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าบางครั้งเราอาจจะดูแลตัวเองน้อยเกินไป แต่หลักๆ เลย เวลาเรารับประทานเนื้อสัตว์ ประเภทสุกๆ ดิบๆ มันเป็นกรดในร่างกาย อาจจะทำให้ในร่างกายของเรา มันไม่มีบาลานซ์ที่สมดุลกัน เพราะถ้ามีกรดเยอะ มันก็สามารถทำให้เกิดโรคได้ ไม่ใช่แค่มะเร็งเท่านั้น มันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคได้”

“และหลังจากผ่าไปแล้ว คุณหมอก็บอกว่าขอเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ พอไปตรวจปุ๊บ คุณหมอก็บอกเป็นเนื้อร้ายก็คือมะเร็ง แล้วเป็นระยะที่สอง เพราะว่ามันเริ่มไปเบียดอวัยวะของเราแล้ว ก็ต้องเริ่มการฉายรังสี ก็ฉายรังสีตั้งแต่ 26 ตุลาคม ไปจบปลายเดือนธันวาคม ในระหว่างนั้นก็ดูแลตัวเอง พักผ่อน หรือทานอะไรที่มันดีต่อร่างกาย ซึ่งมันจะทำให้เรามีกำลังใจ แล้วที่สำคัญเลย คือลูกก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวนี้มะเร็งมันไม่ได้น่ากลัว และวิวัฒนาการทางการแพทย์ก็ค่อนข้างพัฒนาไปไกลแล้ว และคุณหมอที่ดูแล ก็ให้กำลังใจตลอด ว่าเริ่มเจอระยะแรก ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องห่วง”

“มันก็วูบเหมือนกันนะ แต่โชคดีที่อย่างน้อยๆ เราศึกษาธรรมะมา ร่างกายมันอนิจจัง มันไม่ใช่ของเรา สังขารก็ไม่ใช่ เกิด แก่ เจ็บตาย เป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าเราก็อยากอยู่ดูแลลูก ประคองให้มันดีที่สุด ก็เลยคิดว่ามะเร็งมันอยู่กับตัวเรา เพราะฉะนั้นเราต้องดูแลตัวเราให้ดี กลับมาให้ความสำคัญเรื่องของการทาน การพักผ่อน การออกกำลังกาย”













กำลังโหลดความคิดเห็น