“อ้น ศรีพรรณ” ยอมรับว่าช็อก “เอ อนันต์” ได้เจอพี่สาวต่างมารดา บอกยิ่งกว่าปาฏิหาริย์ ร่ำไห้อย่างปีติ ปลดล็อกในวัย 61 ปี สิ้นสงสัยในตัวเอง เผยเอได้กราบหลุมศพพ่อ พี่สาวบอกหน้าตาเหมือนกันมาก หัวล้านเหมือนพ่อ น้ำตาไหลมีตัวตนแล้ว ลั่นเจอช้าดีกว่าไม่เจอ
หลังจากที่นักแสดงสาวอารมณ์ดี “อ้น ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์” ได้ลงภาพของสามีอดีตนักร้องยุค 90 “เอ อนันต์ บุญนาค” ได้เจอกับพี่สาวต่างมารดา ที่ถือเป็นสายเลือดเดียวกันครั้งแรกในชีวิตที่ประเทศเยอรมัน โดยล่าสุดอ้นได้มาเล่าถึงเหตุการณ์สุดประทับใจครั้งนี้ด้วยอาการน้ำตาซึมแทบจะตลอดการสัมภาษณ์ เจ้าตัวบอกว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่ทำให้สามีได้ปลดล็อกสักที
“คืออย่างเราๆ ที่มีพ่อแม่ครบ ปู่ย่าตายายลุงป้าน้าอา หรือบางคนอาจจะไม่มีคุณแม่ ไม่มีคุณพ่อ ไม่มีคุณตา แต่สำหรับคนที่มีเราจะไม่เข้าใจความรู้สึกโหวงๆ นี้ของลุงเอ เพราะลุงเอตั้งแต่เด็กๆ ไม่รู้ว่าคุณพ่อคุณแม่คือใครเลย เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องสาวถึงปู่ย่าตายาย ซึ่งก็เติบโตมากับครอบครัวๆ นึง ซึ่งอ้นก็ไม่ได้มีข้อมูลมาก เพราะเขาก็มีข้อมูลของเขาอยู่แค่นี้ เขาก็บอกอ้นว่าไม่รู้ว่าพ่อคือใคร แม่ที่แท้จริงคือใคร แต่ก็ไม่ได้คิดจะออกตามหา เพราะไม่มีข้อมูลอะไรเลย ก็ต้องขอบคุณครอบครัวๆ นึงที่ได้ดูแลพี่เอในตอนนั้น
ทีนี้จนมาเจออ้น อ้นก็คิดว่าความรักของเราที่เราให้ลุงเอเต็มที่ มันน่าจะเติมเต็มเขาแล้ว แต่จริงๆ ไม่ มันยังติดใจเขาอยู่ตลอดเวลา จนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ลูกพี่เอก็ให้ข้อมูลมา แต่ในรายละเอียดมันลึกมากซะจนอ้นก็ไม่กล้าไปถามเขาว่าแชตเจอกันได้ยังไง อันนี้ต้องให้พี่เอมาเล่า แต่ข้อมูลที่มาถึงอ้นคือเจอพี่สาว เพราะลูกชายพี่เอได้เจอพี่สาวที่เยอรมัน เพราะฉะนั้นข้อมูลที่พี่เอได้มาตอนเด็กๆ ว่าเป็นลูกครึ่งอเมริกันก็ไม่ใช่ พี่สาวเขาก็ส่งรูปพ่อมา ก็คือเหมือนมาก ตอนนั้นพี่เอไปที่สวนกับลูกสาว แล้วโทร.มาเล่าร้องไห้ เป็นครั้งแรกที่คุยกันแล้วพี่เอร้องไห้ อ้นก็เลยรู้ว่ามันคาใจเขาอยู่ตลอดเวลา”
เผยพี่สาวและลูกชายให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
“ก็ดีใจกับเขา เขาก็ส่งรูปให้อ้นดู อ้นก็ถามเขาว่าพี่อยากทำอะไร เพราะเราพร้อมซัปพอร์ตเขาทุกเรื่องอยู่แล้ว เขาก็บอกว่าอยากไปหาพี่สาวและอยากไปกราบพ่อสักครั้งนึง เพราะพ่อเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2009 ก็ทำเรื่องตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เพิ่งได้เดินทางไปเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ไปเจอพี่สาว พี่สาวก็เล่าให้ฟัง แต่สิ่งที่พี่สาวรู้ ก็รู้เพียงแค่ว่าคุณพ่อเป็นเอนจิเนียร์ เดินทางมาเมืองไทยในปี 1962 พี่เอเกิด 1963 ก็แปลว่าคุณพ่อเดินทางมาถึงก็น่าจะเมร่อนเลย ไม่รู้นะ อันนี้จากคำบอกเล่าของพี่สาว แต่สิ่งที่อ้นดีใจที่สุดก็คือพี่เอได้ทราบแล้วว่าพ่อคือใครและมีพี่สาว พี่สาวก็น่ารักมาก ต้อนรับเป็นอย่างดี พี่สาวมีลูกชาย 1 คน ซึ่งลุงเอก็คือเป็นลุงของเขา
ทุกคนต้อนรับอย่างดีมาก แล้วพี่สาวเขาก็เข้าใจว่าการใช้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กๆ เธอคงยากลำบากมากในความรู้สึก คือครอบครัว พ่อแม่ มันคือสิ่งที่หล่อหลอมความเป็นตัวเรา (เสียงสั่น) แต่ทั้งหมดนี้ที่พี่เอไม่มี วันนี้เขาได้รู้แล้ว ตอนแรกเขาก็นึกว่าเขาจะตายไปกับสิ่งนี้แล้ว และพี่สาวเขาพูดตลอดว่าอนันต์ทุกอย่างมันโอเค เธอมีฉันแล้ว เธอได้รู้แล้วว่าพ่อคือใคร เขาก็ให้ของขวัญกับพี่เอมาเก็บเอาไว้ เป็นของที่สำคัญของเขา เขาบอกว่าฉันดีใจมากที่ฉันได้เจอเธอ เธอเหมือนพ่อมาก แม้กระทั่งท่านั่ง ท่าเดิน ตัวฉันเองก็ดีใจที่ได้เจอเธอ เพราะเหมือนได้เจอพ่ออีกครั้ง”
บอกเอได้ปลดล็อกในใจในวัย 61 ปีเรียบร้อย
“ก็ไหลตลอดตั้งแต่ที่ไปเมืองโคโลญ น้องคิมเบอร์ลี่ (คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส) บอกว่าพี่อ้นจะต้องพูดว่าโคล ฉันก็อยากจะพูดอยู่ แต่มันยากคิม ก็คือพี่เขาอยู่ที่โคโลญ 3 วันแรกก็นั่งคุยแต่เรื่องพ่อ แล้วก็ไปที่หลุมศพ พี่เอก็ได้ไปกราบพ่อสมใจเขา ทุกอย่างคือเติมเต็มเขาทั้งหมด อ้นดีใจมาก มันเป็นช่องเดียวในหัวใจเขาที่มันโหวงไป แล้วได้เติมเต็มตรงนั้น (เสียงสั่น) เขาก็คุยกันตลอด ตอนแรกที่เห็นพี่สาวเขา อ้นก็ตกใจนะคะ โครงหน้าก็โครงเดียวกัน ยิ่งพ่อ และเห็นภาพคุณปู่ อ้นว่าพี่เอก็สิ้นสงสัยทั้งหมดในใจเขา เราก็ดีใจ เพราะเราเป็นทีมซัปพอร์ต
พี่เอมีพี่สาวต่างมารดา แต่จริงๆ ก็มีอีก ซึ่งอ้นก็ไม่ทราบ เพราะว่าคุณพ่อก็ไปทำงานหลายที่ แต่ที่ผ่านมาต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้พยายามตามหากันและกันนะ คือพี่สาวก็รู้ข้อมูลว่าคุณพ่อไปทำงานที่เมืองไทย แล้วก็มีลูกเท่านั้น ส่วนพี่เอไม่มีอะไรเลย รู้แค่ว่าตัวเองเป็นอเมริกัน ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ ก็คือลูกครึ่งเยอรมัน พี่เอไม่มีอะไรเลย แม้กระทั่งแม่ที่แท้จริงก็ไม่ทราบ ไม่มีใครให้ข้อมูลอะไรที่แท้จริงเลย มันก็คาใจเขา อ้นเข้าใจเขานะ ระยะเวลากว่า 61 ตลอดชีวิตลุงเอเลยค่ะ”
บอกตนก็ร้องไห้ด้วยความปีติตลอดตอนที่เห็นเอและพี่สาวอยู่ด้วยกัน
“ร้องตลอด คือมันสดๆ เพิ่งจะกลับมา อ้นก็เข้าใจว่าอ้นต้องมาเล่าให้ฟัง คืออยู่ตรงนั้นร้องไห้ทุกวัน ร้องไห้คือปีติไปกับเขา อ้นมองเขากับพี่สาว อ้นก็ร้องทุกวัน (เสียงสั่น) เวลาที่เขาเล่าให้ฟัง เวลาที่เขาจับมือกัน แล้วเขาก็เล่าว่าอนันต์ โอเคแล้วนะ ไม่เป็นไร เราได้เจอกันแล้ว (น้ำตาคลอ) อ้นก็บอกพี่เอว่ามันก็เหมือนเราไง เจอกันช้า แต่ก็ได้เจอกัน ดีกว่าเราไม่เจอกัน เราได้รับรู้ความรู้สึกของเขามากๆ แล้วเขาจะมีสมุดอยู่เล่มนึง เป็นประวัติของคุณพ่อเขา ใครคือปู่ย่าตายายลุงป้าน้าอาของคุณพ่อ หลานพี่เอเขาเก็บเอาไว้ ก็คือลูกชายของพี่สาว
ก่อนกลับเขาก็มอบให้พี่เอ พี่เอก็บอกว่าไม่เป็นไร อันนี้มันส่วนตัวมาก พี่เอเขาเกรงใจ หลานเขาก็บอกว่าฉันเป็นแค่หลาน แต่เธอเป็นลูก เธอต้องเก็บไว้ ตอนนี้ก็ให้พี่ชายที่เป็นหมออยู่ที่เยอรมันให้แปล คือพี่ชายอ้นเคยตามหาพ่อ เป็นชาวเยอรมันเหมือนกัน เป็นเคสเดียวกันเลย คือคุณลุงของอ้นเคยไปเรียนที่เยอรมัน ก็เลยให้เขาแปลเอกสารทุกอย่าง ก็เลยกลายเป็นผู้ชายสองคนในครอบครัวเดียวกันที่เกิดเหตุเหมือนกัน แต่คนละปี เราได้คุยกันตั้งแต่ที่โน่นทุกวัน พี่เอก็บอกว่าดีใจ น้ำตาคลอตลอด เขาก็กลับมาเล่าให้ลูกๆ ฟังว่าต่อไปนี้คนนี้คือปู่ คือได้เล่าแล้ว อย่างที่อ้นบอกว่าสิ้นสงสัย ก็ยังคุยกันตลอดทุกวัน แชตคุยกันกับพี่สาว พี่เอเขาเหมือนมีเสาหลักในหัวใจแล้ว มันไม่โหวงแล้ว
ถามว่าคิดว่ามันสายเกินไปไหม ตรงนั้นอ้นก็ได้อธิบายให้เขาฟังไปแล้ว ว่าอย่าไปมัวแต่ยึดตรงนั้น อย่างน้อยๆ ก็ได้เจอกัน เพราะเราเองก็แทงศูนย์ไปแล้วกับเรื่องนี้ แต่อยู่ดีๆ ก็ได้รู้ และเราไม่ต้องออกตามหาด้วย เรื่องมันเข้ามาหาเรา มันเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว จะมากจะน้อยกี่ปีมันก็คือดีที่สุด สิ่งต่อไปที่จะทำสำหรับครอบครัวก็คืออย่างตอนนี้พอคุณพ่อเสียแล้ว แต่เดี๋ยวพี่สาวจะมาเมืองไทย เพราะจากนี้เรารู้แล้วว่าพี่สาวคือใคร ลูกพี่สาวคือใคร และลูกก็มีลูกแล้ว คือพี่เอก็มีหลาน ก็จะมาเจอที่เมืองไทย ก็เหมือนมีญาติ ไม่โหวง เราก็พร้อมซัปพอร์ตทุกบ้านเต็มที่ค่ะ”
เผยคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับคู่ตนล้วนเป็นปาฏิหาริย์
“ปาฏิหาริย์มากเลยค่ะ มันเป็นเรื่องที่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง อ้นก็ช็อก พอได้ดูรูป ดูเอกสารต่างๆ ทุกอย่างมันเป็นวิทยาศาสตร์นะคะสิ่งที่เขาเล่ามา แต่อ้นไม่รู้รายละเอียด จริงๆ ใจก็อยากจะดูแชตที่เขาแชตกันนั่นแหละ แต่มันไม่ได้ (หัวเราะ) เพราะมันเป็นส่วนตัวเขา ก็ดีใจกับพี่เอมาก แล้วพอหลังจากที่พี่เอกลับมา พี่สาวก็เล่าให้ฟังว่าปกติเขาก็ใช้ชีวิตกับหมา 3 ตัว เดินไปไหนมาไหน พี่สาวก็อายุเยอะแล้ว เขาบอกว่าทำไมยูหน้าตาดูมีความสุขมาก ปกติจูงหมาหน้าตาก็ปกติ แต่ทำไมดูมีความสุขมากขึ้น สดใส เขาก็บอกว่าฉันได้เจอน้องชายแท้ๆ ของฉันแล้ว ฉันได้รู้ว่าเขาคือใคร เขาก็กอดพี่เอ อ้นว่าเขาคงสัมผัสได้และเข้าใจว่าพี่เอโหวงมาตลอดชีวิต
คือพี่เอไม่เคยได้อยู่เฉยๆ เลย หัวใจเต้นตลอดเวลาทุกวัน ก็คิดในใจว่าลุงจะเกิดเรื่องอะไรอีกไหม (หัวเราะ) แต่ก็คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ เพราะอ้นพร้อมตั้งรับอยู่แล้วเกี่ยวกับเรื่องของลุงเอ เพราะแต่ละเรื่องที่ผ่านมาก็เป็นอีเวนต์ใหญ่ทั้งนั้นเลย แต่อันนี้เป็นอีเวนต์ที่น่ายินดีที่สุด ครอบครัวอ้นก็ยินดี ตัวพี่เอเขาก็อิ่มฟู เพราะเขาได้มีตัวตนแล้ว เขาก็ไม่สนแล้วเรื่องหัวล้าน เพราะเมื่อก่อนก็น้อยใจเรื่องหัวล้าน เวลาเล่นละครก็ต้องโรยผง แต่ต่อไปนี้หัวล้านอย่างมั่นใจแล้ว เพราะก็คือกระจุกเดียวกับพ่อเลย ที่สุดในโลกใบนี้เลย”
