“เบนซ์ พรชิตา” ฉะ “อัจฉริยะ” ผิดถูกให้ออกมาพูด อันไหนจริง อันไหนเท็จ ขอโทษได้ไม่ต้องอาย ลั่น ไม่อยากถูกมองโกหก เพราะไม่ได้เห็นแก่เงิน รับพรีเซ็นเตอร์สักชิ้นคิดดีแล้ว ถามอาชีพต้องใช้ความน่าเชื่อถือ แล้ว 30 ปีที่สร้างมาคือ! ถึงคนอื่นจะลืมแต่เบนซ์ไม่ลืม
ยังคงเป็นที่จับตามองกรณีที่ “นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์” ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ บก.ปคบ. (กองปราบ) เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษคู่นักแสดงสามีภรรยาชื่อดัง “เบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา” และ “มิค บรมวุฒิ หิรัญยัษฐิติ” ฐานโฆษณาอาหารเสริมโอ้อวดเกินจริง เพราะจริงๆ แล้วที่น้ำหนักลดลง เพราะไปฉีดสลายไขมัน ไม่ได้กินอาหารเสริมตัวเอง
ซึ่งล่าสุด “เบนซ์ พรชิตา” ได้ออกมาเปิดใจเรื่องนี้อีกครั้งในงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต Cassette Fest. Mega Hits มหากาพย์คอนเสิร์ต DANCE-ลืม-โลก โยก-ตัว-แตก ณ Lobby ตึก จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ อยากให้อัจฉริยะออกมาชี้แจงว่าข้อเท็จจริงที่พูดไปมีอะไรจริงหรือเท็จบ้าง หรือถ้ามีหลักฐานจริงก็ให้เอาออกมาโชว์สักที ยืนยันตนพูดจริงทำจริง ตอนนี้ตนได้รับผลกระทบมาก เพราะชื่อเสียงที่สั่งสมมากว่า 30 ปีในวงการไม่ใช่จะได้มาง่ายๆ
”(ถอนหายใจ) บางทีก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน แต่พอเวลามันมีข่าวออกไป คนที่เขาอ่านข่าวเขาก็อาจจะเชื่อไปแล้วก็ได้ในสิ่งที่พี่เขาไปแจ้งเอาไว้ แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วมันควรจะต้องมาแจกแจงนะว่าอะไรที่ถูกต้องและอะไรที่ไม่ถูกต้อง ควรต้องบอกให้ทุกคนเข้าใจว่าที่พูดไปมีอะไรถูกบ้าง มีอะไรผิดบ้าง เพราะพูดไปเฉยๆ ตอนนี้คนก็ไม่รู้ว่าอะไรคือความจริง เพราะฉะนั้นควรมีการแจกแจงนิดนึง เพราะส่วนตัวเบนซ์เองก็บริสุทธิ์ใจมากๆ เลย อย่างที่บอกไปว่าถ้ามีหลักฐานว่าเบนซ์ไปคลินิกอะไร ตรงไหน มีรูป มีวันที่ มีภาพก็เปิดเลย คลินิกทุกคลินิกต้องมีอยู่แล้วภาพวงจรปิด
เบนซ์รู้สึกว่าอย่าพูดแล้วก็ทิ้งไป เพราะมันไม่โอเค เพราะเวลาเราพูดก็เหมือนเราแก้ตัวว่าเราไม่ได้ทำนะ แต่ถ้ามีอะไรที่มันสามารถยืนยันได้เลยจะดีใจมาก และถ้ามีจริงๆ จะยอมรับว่าทำด้วย แต่นี่ตั้งแต่ตุลาคม ตอนที่เริ่มคุยกับทางแบรนด์ เบนซ์ไม่ได้เข้าคลินิกเลย ไม่มีการไปทำอะไรที่คลินิกเลย ไม่ได้ฉีดยา ไม่ได้ดูดไขมัน ไม่ได้สลายไขมัน ไม่มีอะไรที่ทำเกี่ยวกับน้ำหนักเลย นอกจากการดูแลตัวเอง คือเราก็ทานอาหารอย่างที่ควรจะต้องทาน
เวลาไลฟ์เบนซ์ก็จะพยายามบอกตลอดว่าเบนซ์กินยังไง ก็เล่าให้ทุกคนฟังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรามีอะไรบ้าง และเราก็บอกว่าเรากินผลิตภัณฑ์จริงๆ เบนซ์ก็เข้าใจนะพอเวลาอยู่ในวงการบันเทิงก็ต้องมีบ้างแหละคนที่ถูกจ้างและไม่ได้กินจริงๆ ไม่ได้ทำจริง แต่เผอิญไม่ใช่เรานะ เพราะเราเป็นคนพูดแล้วทำจริง เราบอกแล้วเวรกรรมมีจริงค่ะ ทำอะไรก็จะได้แบบนั้นนะคะ เบนซ์ก็ไม่รู้จะพูดยังไง แต่เบนซ์แค่รู้สึกว่าเวลาพูดอะไรไปแล้วต้องรับผิดชอบในคำพูดด้วย โตๆ กันแล้ว”
ยอมรับเครียดมาก เพราะเป็นคนไม่ได้รับพรีเซ็นเตอร์พร่ำเพรื่อ
“เอาจริงๆ เครียดนะ เพราะมันก็มีผลกับความเป็นเรา เพราะกว่าที่เราจะทำอะไรแต่ละอย่าง ความเชื่อถือมันไม่ได้สร้างมาง่ายๆ ไม่ใช่ว่าพูดแล้วคนจะเชื่อเลย และถ้าเกิดความมั่นใจในตัวเบนซ์หายไปแล้ว ต่อไปสินค้าอะไรจะจ้างเหรอ คนอื่นเขาก็ต้องมองว่าแม่นี่พูดแล้วไม่ได้ใช้จริง ยัยคนนี้โกหก แล้ว 30 ปีที่สร้างมาคือ! (หัวเราะ) คนอื่นอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องปัญญาอ่อน แต่สำหรับเบนซ์ไม่ใช่นะ การที่อยู่ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่จะออกจากปากเบนซ์ เบนซ์คิดแล้วทั้งหมด เพราะฉะนั้นช่วยมาเคลียร์ด้วยว่าอะไรถูกหรือผิด พูดจริงหรือไม่จริง เบนซ์ไม่ชอบทะเลาะกับใครนะ แต่ก็ไม่ชอบโกรธเหมือนกัน
จนตอนนี้ก็ยังไม่เคยได้รับการติดต่ออะไรจากเขาเลย ถามว่าจะต้องทำยังไง เพื่อให้คนไม่คิดว่าเราเป็นแบบที่เขาพูด (ถอนหายใจ) ก็ถึงบอกว่าพูดไปก็เหมือนแก้ตัว ถึงบอกว่าถ้ามีหลักฐานอะไรก็เอาออกมาสิจะได้ดูด้วยกัน เบนซ์พร้อมจะอธิบายทุกอย่าง เพราะเบนซ์บอกแล้วว่าเบนซ์เป็นคนพูดจริง ทำจริงนะ ถ้าเราพูดอะไรในสิ่งที่เราไม่ได้ทำมันก็อายนะ และสังเกตได้ว่าเบนซ์ไม่ใช่คนที่รับพรีเซ็นเตอร์ที่อยากจะรับอะไรก็รับ นี่คือคิดหมดแล้วว่าอะไรควรรับ และอะไรที่เหมาะสมและเราใช้ได้จริง เราถึงจะบอกต่อ นี่ไม่ได้เห็นแก่เงินอย่างเดียวนะ เราแค่รู้สึกว่าการทำงานทุกอย่างเบนซ์เลือกแล้ว ไม่ใช่ว่าจ้างมาฉันรับหมด”
บอกยังมีลูก ยังต้องทำมาหากิน ไม่อยากให้ความน่าเชื่อถือหายไป
“เอาจริงๆ เลยนะตั้งแต่มีข่าวมาแล้วเบนซ์ไลฟ์ หรือเวลาไปออกรายการก็ยังไม่ค่อยจะมีใครว่านะ เอาซะว่า 80% ดีกว่าที่เขาให้กำลังใจให้สู้ๆ นะ แต่สำหรับเรา ไม่ได้รักไม่ได้ว่าเลย แต่ไม่ชอบให้คนเกลียดเข้าใจไหม (หัวเราะ) ไม่ชอบให้ความเชื่อมั่นใจตัวเรามันหายไป มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะที่จะทำให้คนรักและอยู่ตรงนี้มาหลายปี สิ่งที่เราซีเรียสที่สุดคือความน่าเชื่อถือ มันเป็นไปหมดเลยนะ ถ้าสมมติตอนนี้เบนซ์ทำรายการอยู่ แล้วลูกค้ามานั่ง ลูกค้าเขาไม่ได้จ้างเบนซ์อยู่แล้ว เขาก็มีคนมาคุย แต่เบนซ์เป็นพิธีกร หมายความว่าถ้าเกิดต่อไปเบนซ์ทำงานอะไร หน้าก็จะกลายเป็นเครื่องหมายคำถามว่าแม่คนนี้ไม่น่าเชื่อถือเลยนะ
สำหรับเบนซ์คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่พูดไปเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ลืม ไม่รู้คนอื่นลืมไหม แต่เบนซ์ไม่ลืมนะ (หัวเราะ) รู้สึกว่ามันไม่โอเค สำหรับเรารู้สึกว่าถ้าจะทำอะไรคนอื่นขอให้คิดให้ดีก่อน ขอให้ดูก่อนว่าเขาเป็นคนยังไง ไม่ใช่ว่ากูอยากจะทำอะไรก็ได้ (หัวเราะ) เรายังมีลูก ยังต้องทำมาหากินอยู่ และอาชีพเราคืออาชีพของการน่าเชื่อถือและการที่มีคนรักและเคารพเรา แต่ถ้าเกิดตรงนี้มันหายไป เบนซ์รู้สึกว่ามันไม่ค่อยโอเคสำหรับเราเลย”
ยืนยันไม่ได้ผ่ากระเพาะ ไม่ได้ฉีดสลายไขมัน
“เขายังไม่ได้ออกมารับผิดชอบกับสิ่งที่พูดไปเลย ไม่มีการอธิบายว่าสรุปแล้วสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดมีอะไรจริงบ้าง มีอะไรไม่จริงบ้าง คือเบนซ์ไม่ได้ผ่ากระเพาะค่ะ ไม่ได้ฉีดสลายไขมัน ไม่ได้เข้าคลินิก แล้วก็ไม่ได้ขายเกินจริงค่ะ เพราะว่ากินจริงๆ 2 เดือนเบนซ์ลง 10 กิโลจริง เบนซ์ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่คนที่อยู่ใกล้เบนซ์ทั้งหมด ทีมงานที่เจอเบนซ์ตลอด เพราะว่าเบนซ์ออกรายการสด ทีมงานเห็นมาตลอดว่าพัฒนาการในการผอม ในการอ้วนของเบนซ์มันเป็นยังไง แล้วเบนซ์ก็จะมาเล่าให้ทุกคนฟังตลอดว่าอันนี้กินแล้วมันดี เราบอกคนอื่นตลอดกับสิ่งที่สงสัยกัน เราตอบไปหมดแล้ว มันไม่มีอะไรเลย
แล้วในตัวผลิตภัณฑ์เองก็ไม่ได้มีสารอะไรที่มันผิดปกติ หรือผิดกฎหมายอะไร ไปตรวจแล้วมันมีอย.ทุกอย่างปลอดภัยดี เบนซ์ก็เข้าใจสำหรับคนที่อาจจะลดไม่ได้อย่างเรา เขาอาจจะรู้สึกว่าขี้โม้หรือเปล่า แต่ลองไปถามคนที่เขาลดได้ก็มีนะ สำหรับคนที่เชื่อหรือไม่เชื่อ ยังไงลองดูคนที่เขารีวิวได้นะว่าบางคนที่เขาลด เขาลดได้จริงไหม แล้วเวลาที่เขาลด เขาลดยังไง บางคนกินเข้าไปแล้วยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม ยังกินบุฟเฟ่ต์ตอน 3 ทุ่ม ยังไงก็ไม่ผอม ไม่ต้องซื้อ เปลืองตังค์ (หัวเราะ)
แต่ถ้าเกิดคุณคิดว่าคุณจะผอม ต้องเอาใจมาก่อน ทุกครั้งที่พูดจะบอกว่าดูแลเรื่องอาหารด้วยนะ ถ้าเกิดคุณลดปริมาณอาหารลง ยังไงน้ำหนักมันก็ลง แต่ถ้าเกิดกูยังกินเท่าเดิมมันจะลงไหม เบนซ์พูดอยู่แล้วว่ามันคือตัวช่วย ไม่ได้บอกว่ามันเป็นยาลดน้ำหนัก เราไม่เคยพูดเลยว่ากินแล้วมันจะผอม แต่เราจะบอกตลอดว่าถ้าเราเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ลดปริมาณการกินลง ลดน้ำตาลลง มันจะช่วยได้ ซึ่งเราทำเองแล้วมันได้ผล“
เผยเสียน้ำตาเพราะไม่ชอบทะเลาะกับใคร และเป็นคนตรงๆ พูดจริงทำจริง
“เราไม่ชอบทะเลาะกับใคร ไม่เคยหาเรื่อง ไม่เคยไปเอาเปรียบใคร ไม่เคยด่าคนอื่น เราอยู่ของเรามาแบบดีๆ เป็นคนตรงๆ อันนี้ดีก็บอกดี อันไหนไม่จริงก็บอกไม่จริง เป็นคนที่ถามอะไรก็ตอบตรง แต่บางครั้งการที่เราโดนกล่าวหาเหมือนเป็นการโดนรังแก มันรู้สึกอึดอัดจังเลย ไม่รู้จะพูดยังไง เสียใจก็เสียใจ โกรธก็โกรธ แล้วมันไม่รู้จะอธิบายยังไงเวลาเราไม่ได้ทำอะไรผิด มันเหมือนกับว่ามึงต้องตอบมาว่ามึงผิด แต่มันตอบไม่ได้ไง เพราะว่ามันไม่ได้ทำ
บางทีเรารู้สึกว่ามันต้องได้รับความกระจ่าง ทุกคนต้องได้รับการอธิบายว่าอันนี้มันจริงไหม มันถึงจะจบ แต่อันนี้มันไม่ได้มีการอธิบายใดๆ จากอีกฝั่งนึงว่าตกลงแล้วสิ่งที่พูดไปมันไม่จริงนะ บางครั้งคิดในใจถ้าทำผิดต้องขอโทษนะ เวลาเราทำอะไรผิดเราขอโทษคนได้นะ ไม่ต้องอาย พูดตรงๆ เราเองเราโตแล้ว เราทำผิดเรายังต้องขอโทษลูกเลย แต่ถ้าเกิดทำผิดขอโทษได้นะ จริงๆ คุยกันได้ไม่ต้องออกหน้า แต่คิดว่าต้องขอโทษ เพราะว่ามันไม่โอเค”
บอกไม่รู้อีกฝ่ายทำแล้วได้อะไร เตรียมปรึกษาเรื่องดำเนินคดี
“วันนี้เรารู้สึกว่าเราพูดเยอะแล้ว คุณควรจะพูดบ้าง และควรที่จะพูดในสิ่งที่ถูกต้อง พูดในสิ่งที่มันเป็นจริง ยังไม่รู้เลยว่าเขาทำทำไมก่อน ทำเพื่อ! แล้วการที่ทำเราแล้วมีความสุขไหม ได้อะไรเหรอ นอนหลับดีเหรอ มันคืออะไรไม่เข้าใจ คุณทำแล้วคุณได้อะไรเหรอ คุณทำให้คนหนึ่งเสียใจ แล้วเบนซ์ก็ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรกับสินค้าเลย เบนซ์ไม่ใช่เจ้าของ เราไม่ได้อะไรเลย แล้วโดนด้วย แต่คุณได้อะไรก่อน ทำแล้วได้อะไร
ผลกระทบเรื่องนามสกุล อันนั้นก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เวลาที่เราทำอะไรที่ไม่ดีผู้ใหญ่เขาก็จะถาม เบนซ์ก็ไม่ได้อยากที่จะพูดอะไรเยอะ แต่เข้าใจได้ เหมือนกับว่ามีการถูกแจ้งความ หรือว่าเราไปทำอะไรผิด คือความเข้าใจของแต่ละคนก็เข้าใจไม่เท่ากัน แต่ว่าพอมันเกิดอย่างนี้เบนซ์รู้สึกว่ามันต้องอธิบายนะ ต้องพูดนะ คือของเบนซ์ไม่อะไรหรอก พี่มิคก็นิดนึงรู้สึกไม่สบายใจ แต่เบนซ์เชื่อว่าคนใกล้ตัวเบนซ์เขารู้ว่าเราทำอะไรอยู่ เขาไม่ได้กังวลอะไรเรา แค่ขายของ เราก็เลยงงว่ามันก็เป็นเรื่องใหญ่นะ ถามว่าจะดำเนินคดีอะไรไหม ถ้าทำเบนซ์คงไม่บอก เบนซ์คงดำเนินการข้างหลัง แล้วถ้าเกิดสำเร็จแล้วจะมาบอก เพราะว่าไม่ชอบออกสื่อเยอะ คนรู้จักเยอะแล้ว ถ้าทำสำเร็จแล้วจะมาบอกนะว่าทำอะไรได้บ้าง”
