xs
xsm
sm
md
lg

10 คำถาม! ความเป็น “ไมกี้ ปณิธาน” อายุน้อยร้อยอาชีพ พร้อมฝันที่อยากเป็น “ผู้ให้”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าในวันนี้แฟนๆ หน้าจอเริ่มต้องคุ้นหน้าคุ้นตาของดาวดวงใหม่ ลูกชายของ “หม่อมราชวงศ์พุฒิภัทร” กับ “กรองแก้ว” ในบท “พันตรี นายแพทย์ หม่อมหลวง ฉัตรเกล้า จุฑาเทพ” ในเรื่อง “ขวัญฤทัย” ละครชุด “ดวงใจเทวพรหม” อย่าง “ไมกี้ ปณิธาน” หรือ “ไมกี้ ไมค์ ปณิธาน บุตรแก้ว“ หนุ่มลูกครึ่งไทย-เยอรมัน สัญชาติไทย ที่แจ้งเกิดได้แบบสวยงามตามแบบฉบับว่าที่ซุป’ตาร์ ตามรอยคุณพ่อ(ในจอ)อย่าง “เจมส์ จิรายุ”

ด้วยหน้าตาที่สดใส และคิดบวกตลอดเวลา พร้อมมายด์เซ็ตที่ถ้าใครได้คุยกับหนุ่มคนนี้ รับรองโดนตกแน่นอน ซึ่งความเป็นธรรมชาติและแนวคิดที่ไม่ได้ประดิษฐ์นั้น บอกเลยยังทึ่ง! ในเส้นทางที่เขาเลือกจะเป็น ก่อนจะผันตัวมาเป็นนักแสดงเต็มตัวที่พูดได้ว่า “ก้าวแรกก็ปังซะแล้ว” โดย MGR Online จะพาไปรู้จักตัวตนของผู้ชายคนนี้ผ่าน 10 คำถาม พร้อมคำตอบที่ชวนฟัง

Q : กว่าจะได้มารับบทนี้ ?
“ไม่แน่ใจ อาจจะเป็นดวง เป็นช่วงเวลา ช่วงนั้นผมเพิ่งเรียนจบม.6 มาใหม่ๆ ไปเปิดหมวกเล่นดนตรีอยู่ข้างถนนที่ลำปาง แล้วก็มีคนไปเจอผม คือผู้จัดการผมเองครับที่ไปเจอตอนนั้น แล้วส่งผมมาแคสติ้งกับทีมช่อง 3 ครับ ตอนนั้นไม่รู้อะไรเลย มีกีต้าร์ตัวหนึ่ง ก็ร้องเพลงจีบพี่แหม่ม (ธิติมา สังขพิทักษ์) อยู่ๆ ก็ได้บทนี้มาเลยผมร้องเพลงของพี่จรัล มโนเพ็ชร เพลงพี่สาวครับ”

Q : จากนักร้องเปิดหมวก สู่เส้นทางเป็นดารา?
“ที่มาที่ไปตลกดีครับ ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งอยู่ต่างจังหวัดและต่างอำเภอด้วย ตอนนั้นสิ้นเดือนเงินยังไม่ออก ก็เลยพูดเล่นๆ กันว่าไปเล่นดนตรีเปิดหมวกกันดีไหม ก็ลองไปเล่นเปิดหมวกกัน ช่วงแรกได้เงินคนละ 30-50 บาท วันแรกที่ไปยังไม่รู้เวลาตลาด ผมไปถึงหนึ่งทุ่มก็เล่นๆ ไปตลาดเริ่มวายแล้ว พอหลังๆ มาเริ่มไปตั้งแต่สี่โมงเย็น ไปจองที่ทำเลดีๆ แล้วเล่นถึงสี่ทุ่มจนตลาดปิด

เคยมีท็อปฟอร์มวันหนึ่งได้ประมาณ 5,000-7,000 บาท ที่ได้เยอะเพราะว่าเราเลือกร้องเพลงเก่าด้วยครับ ถ้าเลือกเพลงเด็กไม่ได้นะ เด็กไม่ให้เงิน ต้องร้องเพลงโบราณนิดนึงครับ(หัวเราะ) และเคยได้แบงก์พัน แบงก์เทามาเลยไม่ทอน แต่มีคนเคยหยิบทอนด้วยนะ แต่ผมประกาศตลอดถ้าเกิดใครแบงก์เทามา ผมลัดคิวให้ ให้ขึ้นมาร้องด้วย มีลูกเล่น แล้วก็มีเล่นตลกคาเฟ่กันในตลาด เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขเหมือนกันครับ

ผมก็เปิดหมวกมาเป็นปี จากแค่เปิดหมวกคนก็จ้างไปเล่นร้านอาหารบ้าง จ้างไปงานแต่งบ้าง ถือว่ารุ่งเรืองครับ จากที่เริ่มจากการร้อนเงินครับ(หัวเราะ) ผมลาออกจากพาร์ตไทม์เลย เมื่อก่อนผมเป็นเด็กเสิร์ฟ มันได้ชั่วโมงละ 40 บาท ทำงานก็เหนื่อย พอมาเปิดหมวกได้วันหนึ่ง 4,000-5,000 ลาออกจากเด็กเสิร์ฟเลย มาเปิดหมวกดีกว่า(หัวเราะ) ชื่อวงของเรา คือวงข้าวกั๊นจิ๊น”

Q : ทำไมไม่คิดอยากเข้าวงการ ด้วยหน้าตาบุคลิก ความสามารถที่เรามี?
“ตอนนั้นผมไม่ได้ชอบวงการบันเทิงครับ รู้สึกว่าอยากเป็นครูอย่างเดียวเลย อยากเป็นครูสอนภาษาอังกฤษครับ ที่อยากเป็นครูเพราะมันผูกพันครับ แล้วมันเป็นอาชีพที่ผมรักมาก แม่ผมก็เคยเป็นครูมาก่อนด้วย รู้สึกว่ามันเป็นอาชีพที่มีบุญคุณ มีคุณค่ามากๆ เป็นอาชีพที่สำคัญมากๆ ในการที่จะทำให้คนในสังคมพัฒนา ก็อยากเป็นครูที่ดีครับ สำหรับผมสนุกกับการทำงานที่ได้อยู่กับคนเยอะๆ มันฮีลใจตัวเองไปด้วย คุณแม่ผมก็ปล่อยให้ผมได้ฟรีสไตล์ เลือกชีวิตเส้นทางของผมเอง เหมือนตอนนั้นผมก็ท้ากับแม่ว่า ผมขอทำอะไรก็ได้ไหม แม่อย่ามาห้ามผมเลย ปล่อยให้ผมออกไปข้างนอกดีกว่า มีมอเตอร์ไซค์หนึ่งคันก็ไปทั่วเลย แม่บอกว่าขอแค่อย่างเดียวการเรียนอย่าทิ้ง ผมก็เอาเกรดเฉลี่ยมาให้เขาตลอดทุกเทอม เขาก็โอเค จบเกรด 3.92 แม่ยิ้มเลย

แม่ผมก็จะบอกตลอดห้ามทิ้งการเรียน แต่ผมก็จะดื้อ อยากออกไปข้างนอก เดี๋ยวถ้าเกิดว่าเกรดตกค่อยมาห้าม แต่ตอนนี้เกรดยังไม่ตก อย่าเพิ่งห้าม เถียงกับแม่ เถียงตั้งแต่เด็กเลยผมเนี่ย(หัวเราะ) เราเถียงชนะด้วยผลลัพธ์ครับ ทุกวันนี้ก็ยังห้ามอยู่(หัวเราะ) ด้วยความเป็นแม่แหละ เขาก็คงเป็นห่วงผม ผมเป็นลูกคนเดียวด้วยครับ”

Q : ประสบการณ์ที่ไม่ดี จนไม่อยากเข้าวงการบันเทิง?
“คือไม่ได้มองเลยนะ ไม่ได้คิดเลยกับการที่ต้องเข้าวงการบันเทิงแต่ก็เคยเดินแบบ เคยมีคนทักหลายคนมากๆ ว่าเข้าวงการไหม มาทำโน่นทำนี่ไหม แต่ว่าประสบการณ์แรกๆ ที่ผมอยู่กับวงการก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็เลยไม่ค่อยชอบ ณ ตอนนั้นผมเด็กด้วยแหละ ผมเลยมองวงการว่ามันเป็นวงการที่ต้องเอาชนะ ต้องแย่งชิง ถ่ายรูปกันก็ต้องยืนเบียดเอาไหล่ขึ้นมา ผมไม่ชอบ เจอมาเป็นประสบการณ์ส่วนตัวครับ ก็เลยรู้สึกว่ามันคงจะไม่ใช่ที่ของเรามั้ง ผมไม่ได้อยากจะไปแข่งกับใคร รู้สึกว่าทุกคนก็มีค่าเท่ากันหรือเปล่า”

Q : รีวิวการที่มีแม่เป็นครู?
“ก็ดุดีครับเวลาโดนครูตีอันนี้ก็มีครูอยู่ที่บ้านตีทุกวัน ผมมีวิธีการคุย ดื้อไว้ก่อน แต่ก็ทำให้แม่ไว้ใจ ไม่ทำให้เขาผิดหวัง ผมชอบเรียนรู้ ผมชอบเจอคน มันมีคำพูดหนึ่งที่ผมชอบมากๆ คือ มนุษย์เราไม่มีใครที่มีลายนิ้วมือเหมือนกัน ทุกคนมีความพิเศษของตัวเอง มันอยู่ที่ว่าเราอยากจะไปค้นหาความพิเศษนั้นไหมของคนแต่ละคน แล้วผมรู้สึกว่าอยากจะทำแบบนั้น ผมเลยชอบที่จะหาประสบการณ์ ชอบทำงานกับคน ทุกคนมีความพิเศษเป็นของตัวเอง และความสุขของผมมันอยู่กับดนตรี กับการเรียน การทำกิจกรรม แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับผม แล้วแค่นั้นก็แรงหมดแล้วนะครับ ไม่ได้ออกไปเที่ยวไหน(หัวเราะ) ผมไม่เชื่อเรื่องการแบ่งเวลา ผมเชื่อเรื่องการทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องเดียวกัน อะไรก็ได้ทำให้มันเป็นสิ่งเดียวกัน ทำให้มันเป็นแบบไมกี้คือสิ่งนี้ อันนี้มุมมองของผมนะ”

Q : อายุ 21 แต่มีร้อยอาชีพแล้วนะ?
“(หัวเราะ) ใช่ครับ อีกนิดก็นักบินอวกาศแล้วนะ อย่างเรื่องทำอาหารก็มาจากการที่พ่อเป็นเชฟ แต่ผมก็ไม่ค่อยได้ฝีมือมาจากพ่อเท่าไหร่(หัวเราะ) ที่ผมทำก็พอกินได้บ้าง กินไม่ได้ก็ต้องกิน เพราะถ้าเกิดว่าทิ้งของ พ่อผมด่ามากเลยนะ (ตอนที่พ่อเห็นเราทำ เขาว่ายังไงบ้าง?) พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาเห็นเราทำแบบนี้ตลอดอยู่แล้ว เห็นผมพากย์ ซึ่งเขาฟังภาษาไทยไม่ออก เขาไม่รู้เรื่องหรอก(หัวเราะ) ที่ผมทำแล้วกินไม่ได้ เขาก็บังคับผมกิน ก็กินได้ไม่ขนาดว่าต้องโยนทิ้ง ก็มีเคยถึงขั้นกินไม่ได้เลย ใส่ผิด ใส่เกลือแทนน้ำตาล อันนั้นจำเป็นต้องทิ้งจริงๆ”

Q : อะไรคือความฝันของไมกี้?
“อยากเป็นผู้ให้ครับ อาจจะฟังดูเป็นภาพรวมมากๆ แต่ผมรู้สึกว่าผมมีความสุขกับเอนเนอร์จี้ที่ผมได้รับมาหลังจากที่ผมให้เขาไป ยกตัวอย่างละครนี้ก็ได้ที่เล่นไป ผมทุ่มเทมากๆ แล้วพอเราได้ฟีดแบ็กกลับมาดีแล้วคนชอบ มันทำให้เรารู้สึกภูมิใจกับตัวเองว่าเราทำให้คนชอบนะ อินสไปร์คนได้นะ มันมีคุณค่ากับผมมากๆ แล้วมันเป็นแรงผลักดันให้ผมไปต่อเรื่อยๆ กับชีวิตได้ ไม่ได้จำกัดว่าผู้ให้คืออะไร สำหรับผมมันให้ได้ทุกอย่าง ให้ความสุข ให้รอยยิ้ม ให้ความรู้ สิ่งที่ทำให้เรามีความคิดแบบนี้ ซึ่งครูก็เป็นอาชีพที่เป็นผู้ให้สูงสุด ก็อาจจะเป็นเพราะแม่เป็นครูด้วย ผมไม่รู้ว่าความคิดนี้มาจากไหน แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นความสุขของผมเลย อาชีพครูมันเป็นอาชีพที่เพอร์เฟกต์มากสำหรับผม”

Q : อะไรที่ทำให้เราคิดว่า สิ่งที่มันเกิดขึ้นทำให้เป็นไมกี้ในวันนี้?
“ด้วยการทำงานครับ และด้วยสิ่งต่างๆ ที่ผมเจอมา มันเหมือนเป็นการบังคับให้เราโตเร็วขึ้นมากๆ แบบก้าวกระโดดเลยครับ ผมรู้สึกว่าระยะเวลาในการทำงาน 3 ปี ที่ผมทำงานอยู่ตรงนี้ได้ประสบการณ์เยอะมากๆ ถ้าเล่าเรื่องทุกอย่างที่ผมเจอมา ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นภายใน 3 ปีนี้ มันเร็วมากๆ มีความกดดันเยอะมากๆ เราต้องแบกรับอะไรเยอะมากๆ ไม่เคยต้องทำการบ้านเยอะขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยต้องรับแรงกดดันเยอะขนาดนี้ ไม่เคยท้อหนักขนาดนี้ ไม่เคยดีใจได้มากขนาดนี้ ไม่เคยมีความสุขมากขนาดนี้ ทุกอย่างมันล้นหลามมากๆ ใน 3 ปีนี้ ชีวิตหนึ่งมันก็เกิดได้ครั้งเดียว ก็ลองทำให้มันเต็มที่ดู ผมไม่อยากผิดหวัง แล้วก็ไม่อยากทำให้คนอื่นผิดหวัง ก็ต้องเต็มที่กับทุกอย่าง”

Q : วันที่มันเหนื่อยสุดๆ ไม่อยากเป็นไมกี้แล้ว?
“จริงๆ ณ ตอนนั้นก็พยายามดันตัวเองไปเรื่อยๆ มันมีคนหนึ่งพูดเหมือนกัน ผมจำไม่ได้ว่าใครพูด เขาบอกว่า อย่าดูถูกความสามารถของตัวเอง อย่าดูถูกศักยภาพ แล้วก็อย่าดูถูกลิมิตของตัวเอง คนเรามันไม่ได้มีลิมิต ลิมิตมันสามารถดันขึ้นไปได้เรื่อยๆ แล้วผมก็ดันลิมิตนี้มาตลอดๆ พอทุกอย่างมันเสร็จสิ้นแล้ว พอมองย้อนกลับไปทีหลัง เรามาไกล มันทำให้เราภูมิใจมากๆ แต่มันก็มีบ้างจังหวะ ที่กลับมาอยู่กับตัวเอง กลับมาคิดว่าสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้ เราต้องการมันจริงๆ ไหม ความสุขของเรามันอยู่ตรงไหน สิ่งที่เราเลือกมันเป็นยังไง แต่สุดท้ายแล้วมันก็ทำให้ผมไปต่อได้ ทุกคนที่อยู่รอบตัวผมทำให้ผมไปต่อ

ซึ่งบางทีก็มีอยู่วูบนึง คือบางทีถ่ายทำอยู่ แต่มันท้อมาก ร้องไห้ทุกวัน ถึงขั้นที่แบบบ่อยด้วยที่คิดกับตัวเองว่า สมมติพรุ่งนี้ต้องทำงาน ไม่อยากตื่น ไม่อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้ ระหว่างทางไปกองถ่ายไม่อยากไป ไม่อยากเจอใครเลย ไม่อยากคุยกับใครแล้ว เมื่อไหร่จะจบสักที คิดอย่างนี้ตลอดเวลาเลย ซึ่งถ้าเรามองโลกในแง่ร้ายเราก็จะคิดแต่มุมนั้นแล้วเราก็จะท้อไปเรื่อยๆ แต่ว่าถ้าเรามองโลกในแง่ดี เรามองแต่สิ่งดีๆ ที่มันเกิดขึ้นกับเรา แล้วเรามองถึงโอกาส มองถึงความโชคดี มันก็ช่วยให้เราดันไปได้เรื่อยๆ ครับ”

Q : แม่ว่ายังไงบ้าง ลูกเป็นดารา?
“แม่ก็กรี๊ด ตอนนี้แม่ไม่ได้เป็นครูแล้ว ไม่ต้องรักษาภาพลักษณ์ กรี๊ดดังกว่าแม่คือยาย มันมีวันเปิดตัวละครดวงใจเทวพรหมที่ต้องขึ้นเรือมา เดบิวต์ครั้งแรก ยายผมเจ็บแขนอยู่เพิ่งล้มใส่เฝือกอยู่ แล้วแม่ก็ถ่ายคลิปยายมา ตอนยายเห็นผมอยู่ในทีวี ยายยกแขนที่ใส่เฝือกกรี๊ดดีใจ ก็ต้องบอกยายพักก่อน แขนหักอยู่หรือเปล่า ก็ดีครับ เห็นที่บ้านเขาดีใจ ภูมิใจไปด้วย เราก็รู้สึกตื้นตันครับ ตอนที่เขาเห็นเราในจอ ก็สนุกดี ส่งฟีดแบ็กมาเรื่อยๆ ความแม่เนาะ เนี่ยอันนี้ดีมากเลยนะ แล้วเดี๋ยวนี้เขาก็เล่นทวิตเตอร์ เล่น X เป็นแล้วนะ แล้วไปส่องไล่ดู ส่งให้ผมดูตลอดเลย”























กำลังโหลดความคิดเห็น