“น้ำฝน เพชรปวีณ์” ร่ำไห้เปิดปมร้องศาลบังคับไฮโซตระกูลเจ้าสัวเบอร์ใหญ่ตรวจ DNA ยันฟ้องเพื่อลูก ขอทุกคนช่วยปกป้องลูก ตัดขาดไปแล้ว 5-6 ปี แต่ฝ่ายชายกลับมาขอดูแลลูก ชวนไปอยู่ด้วยกันที่เชียงใหม่ 1 ปี ขอให้ตรวจดีเอ็นเอเพื่อรับรองบุตรตามกฎหมาย กลับโดนทำร้าย สุดท้ายเลิกติดต่อลูกชาย วอนกลับมารับผิดชอบกับสิ่งที่ทำไว้
กรณี “น้ำฝน เพชรปวีณ์ หิรัญกุลชัชวาล”อดีตนางงาม เจ้าของตำแหน่ง Mrs. Thailand Globe 2022 จากเวที Mrs.Thailand 2022 ได้ออกมาเปิดเผยว่าได้มีการร้องขอต่อศาลเยาวชนเพื่อทำการฟ้องร้องไฮโซตระกูลเจ้าสัวคนดังเพื่อตรวจดีเอ็นเอ ยอมรับลูกชายของตนเป็นลูกที่ถูกต้องตามกฎหมาย ภายหลังแฟนหนุ่มทับแล้วท้อง แต่ไม่ยอมรับจดทะเบียนลูกให้ถูกต้องตามกฎหมาย แถมตนถูกทำร้ายร่างกาย ให้ไปทำแท้ง
ล่าสุดวันนี้ (11 พ.ค.) น้ำฝน ได้เข้าร้องทุกข์กับสายไหมต้องรอด โดยเผยว่าที่ผ่านมาลูกรับได้แล้วว่าไม่มีพ่อ แต่อยู่ดีๆ ก็เดินเข้ามาในชีวิตลูก สุดท้ายก็ไม่ติดต่อ หลังตนเองยื่นคำขาดให้ตรวจดีเอ็นเอเพื่อรับรองบุตรตามกฎหมาย กลับโดนทำร้ายร่างกาย 2 ครั้ง ร่ำไห่อยากให้กลับมารับผิดชอบลูก พร้อมวอนช่วยดูแลและปกป้องลูกของตนด้วย
“นี่คือคดีที่ 2 น้ำฝนเคยฟ้องเขาคดีแรกไปแล้วครั้งหนึ่ง แล้วครั้งนี้ลูกเป็นคนเขียนคำร้อง ไม่อย่างนั้นจะเป็นการฟ้องซ้ำ คดีแรกเป็นคดีที่ฟ้องเพื่อให้เขามารับผิดชอบลูก เพื่อให้ลูกได้เป็นลูกที่ถูกต้องตามกฎหมาย คดีนั้นที่จบไปเพราะผิดพลาดทางกระบวนการ และอาจจะเป็นเพราะฝนเองที่ตัดสินใจผิดพลาดไปทำให้เรื่องนั้นจบไปด้วยการรับผิดชอบแค่เยียวยา ซึ่งมีคำพิพากษาออกไปแล้ว
แต่คดีล่าสุด หลังจากที่ฝนยุติความสัมพันธ์กับเขา หมายถึงเลิกติดต่อเขา เราตัดขาดกันไปเลย ลูกเข้าใจว่าพ่อไม่มีแล้ว ฝนบอกลูกว่าพ่อทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ ไม่สามารถมาเจอลูกได้ ลูกก็ถามว่าหลังโควิดจะได้เจอใช่ไหม เราไม่ได้ใฝ่หาว่าเราจะเจอเขา เพราะเราตัดขาดกันไปแล้ว
แต่ช่วงหลังโควิด พ่อของลูกเป็นฝ่ายติดต่อมาเอง เพื่อมาขอเจอลูก เราคิดว่าสิ่งที่เขาทำกับเรามันน่าจะจบกันไปแล้ว เมื่อเขามาขออยากเจอลูก เราสงสารเขา เราเห็นแก่ความเป็นพ่อลูกกัน จึงถามลูกว่าลูกต้องการเจอพ่อไหม ถ้าลูกบอกไม่ต้องการเจอเราก็จะไม่ให้เจอแล้วจบกันไป แต่ลูกบอกเจอก็ได้ ก็ถามย้ำคำว่าเจอก็ได้คืออยากจะเจอหรือเปล่า ลูกก็ยืนยันว่าอยากจะเจอ อยากจะเห็นว่าหน้าตาพ่อเป็นแบบไหน”
เปิดโอกาสให้พ่อลูกได้เจอกัน สุดท้ายอดีตสามีพาลูกและตนไปอยู่ที่เชียงใหม่ 1 ปี
“ปี 65 เขานัดเจอลูก ลูกลาเรียนครึ่งวันเพื่อจะมาเจอเขา ครั้งนั้นเขาน้ำตาคลอ อยากจะกลับมาขอดูแลลูก ก่อนหน้าที่จะเจอ เขาโทร.มาขอต่อสายคุยกับลูก ถามว่าลูกอยากได้อะไร ลูกบอกไม่ได้อยากได้อะไร แต่วันที่มาเจอเขาก็เอาของขวัญมาให้ลูก จากนั้นเขาก็ยังขอนัดเจอลูกอีก นัดไปทานข้าวด้วยกัน ทำเหมือนกลับมาเป็นครอบครัวกันแล้วจริงๆ ให้เราและลูกรู้สึกดีว่ามีพ่อแล้ว
เขาพูดถึงการกลับมาใช้ชีวิตด้วยกัน เขาชวนเราและลูกไปอยู่ที่เชียงใหม่ 1 ปี ใช้ชีวิตเป็นครอบครัว ตัวเขาก็ไปๆ มาๆ เขาอยากให้ลูกไปอยู่ใกล้เขา ตอนแรกจะขอลูกไปคนเดียวแต่เราไม่ให้ ก็เลยย้ายกันไปทั้งแม่ทั้งลูก ช่วงที่อยู่ด้วยกันมีขัดแย้งกันบ้างเพราะเราไม่เคยอยู่ด้วยกัน เราไม่เคยใช้ชีวิตด้วยกัน แต่ที่ไปอยู่ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยกันทุกวัน ช่วงหลังๆ เขาไปๆ มาๆ เพราะเขามีธุรกิจที่ต่างจังหวัด”
เผยตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตเป็นครอบครัว มีเรื่องทะเลาะหึงหวง แต่สาเหตุหลักที่ทะเลาะกันแตกหักคือตนขอตรวจ DNA จนถูกอดีตสามีลงไม้ลงมือ
“ทะเลาะกันเรื่องความไม่เข้าใจ เขาเป็นคนชอบหึงหวง ชอบดูโทรศัพท์ ช่วงปลายปี 66 สาเหตุหลักที่ทะเลาะกันรุนแรงจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ คือเรื่องที่ขอให้ฝ่ายชายตรวจ DNA วันนั้นเราขอให้เขาไปตรวจ DNA เขาก็พยายามจะทำตามที่ขอ เราหาสถานที่ตรวจทั้งเอกชนและรัฐบาลที่สามารถตรวจ DNA ได้ เขาให้เราลิสต์หาสถานที่ตรวจ แต่สุดท้ายเขาก็โยกโย้ บ่ายเบี่ยง จะไปตรวจที่ กทม. เขาบอกที่เชียงใหม่ไม่โอเค ไม่น่าจะมีผลแน่นอน ไม่มีความน่าเชื่อถือ เราก็รบเร้าบอกงั้นไปพรุ่งนี้เลยได้ไหม เขาบอกยังไม่ได้ จนทะเลาะกันหนักขึ้น เราอยากได้คำยืนยันชัดเจน เลยขอให้เขาเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะไปวันไหน เรายื่นกระดาษกับปากกาให้เขา แต่เขาไม่เซ็น เขาบอกจะไปก็คือไป อย่ามาทำแบบนี้
เราเลยบอกถ้าไม่มีหลักฐานแล้วเมื่อไหร่คุณจะไปเสียที จะทำให้เสียที สิ่งที่ทำให้เขาโมโหคือ เราบอกอัดเสียงแล้วกัน ฝนก็อัดเสียง เขาไม่รู้ว่าเราอัดจริงหรือไม่จริง พอเขามาเห็นว่าเรากำลังอัดเขาเลยโมโห ทะเลาะกันจนลงไม้ลงมือกัน ที่ห้องไม่มีกล้องวงจรปิด ฝนเลยวิ่งลงมาข้างล่าง ตอนนั้นลูกอยู่ในห้องด้วย ก็กลัวว่าลูกจะเห็นอีกครั้งหนึ่ง”
จุดประสงค์ที่ต้องการยื่นตรวจ DNA เพื่อให้อดีตสามีรับรองบุตร อดีตสามีทำร้ายร่างกายตนลูกเห็นตลอด
“ฝนเป็นคนเรียกให้เขาตรวจ เรื่องราวการขอตรวจ DNA ยื้อมาถึงตอนนี้ อยู่ๆ เขาก็เลิกติดต่อกับลูกชายไปเลย ไม่ติดต่อ ไม่มาหา เหมือนไม่อยากจะทำให้แล้ว ที่จริงๆ เราหมดเวรหมดกรรมกันไปแล้ว มายุ่งกับลูกอีกทำไมใจร้ายใจดำเกินไป ไม่สงสารลูกเลยเหรอ ฝนไม่ได้ต้องการมาประกอบจะเป็นครอบครัวกับเขาอีก แต่ที่ทำเพราะสงสารลูก
ฝนประกวด ฝนเป็นผู้หญิงเพศแม่ที่ต่อต้านความรุนแรงในครอบครัวมาตลอด ฝนตั้งโครงการแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่ใช้คำว่าแม่เลี้ยง ฝนสนับสนุนองค์กรสตรีและเด็กที่ต่อต้านความรุนแรงในครอบครัวแต่ฝนกลับมาเจอเสียเอง เคยยื่นคำขาด จะทำอะไรกับฝนก็ได้แต่ขอร้องอย่าทำให้ลูกเห็น เขาทำครั้งแรกลูกก็เห็น มาครั้งนี้ลูกก็เห็น ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ การที่เขาทำมันไม่ใช่ครั้งแรก ฝนบอกเขาเองถ้าเกิน 3 ครั้งฝนขอไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยแล้วนะ มันเกิดมา 2 ครั้งแล้ว ถ้ามีครั้งที่ 3 มันจะมีไม่จบ นับครั้งไม่ถ้วนและทุกครั้งที่ทะเลาะกันลูกเห็นตลอด
ตอนถูกทำร้ายร่างกาย รปภ. ก็ดูอยู่ เราในฐานะลูกบ้านถามเขานะทำไมพี่ไม่ช่วยหนูเลย ถ้าหนูตายไปพี่จะช่วยไหม หรือพี่จะทำอะไรสักอย่างไหมจนต้องตะโกนร้องขอว่าไปเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้ ตอนนั้นไม่มีใครช่วยเหลือเลย จนฝนต้องเอาโทรศัพท์จาก รปภ. โทรหา 191 เอง ตำรวจก็เข้ามาแต่ช้ามากจนเขาไปแล้ว ตอนนั้นฝนก็แจ้งความ เรียกทนาย มีการพิสูจน์หลักฐานจากแผลฟกช้ำตามตัวที่โรงพยาบาล ตำรวจเรียกมาสอบปากคำ อย่างที่บอกสิ่งที่ต้องการคือต้องการให้เขามาตรวจ DNA พิสูจน์ว่าเขาเป็นพ่อจริงๆ”
ตอนนี้ขาดการติดต่อกับอดีตสามีไปตั้งแต่เดือน พ.ย. ปีที่แล้ว
“ตอนที่เขามาเป็นพ่อ เขาก็ดีกับลูกจริงๆ ดีจนน่าใจหาย ตอนนี้ขาดการติดต่อกันไปตั้งแต่เดือน พ.ย. ปีที่แล้ว ก่อนหน้านั้นเราไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวเขาเป็นยังไง เราไม่เคยยุ่งเกี่ยว ไม่เคยเสาะหาว่าเขาจะมีหรือไม่มี หรือจะอะไรยังไง เขาขาดการติดต่อไปตั้งแต่เดือน พ.ย. ก็ครึ่งปีแล้ว ก็มีค่าเทอมลูก ค่าส่วนต่างที่ต้องย้ายโรงเรียนลูกจากเชียงใหม่มา การที่ลูกต้องย้ายไปย้ายมามันต้องมีค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายมันก็เยอะไปหมด ก็บอกเขาไปแล้ว”
ร้องไห้สงสารลูก วอนช่วยดูแลและปกป้องลูกของตนด้วย
“อยากให้เขากลับมารับผิดชอบในสิ่งที่เคยได้พูดไว้ ทำไว้ในเรื่องของลูก (ร้องไห้) การให้ความรักกับลูกเป็นสิ่งที่มีค่า แรกๆเขาสงสารลูกกับสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมด ก็ไม่รู้ว่าเขามีอะไรในใจ มีปัญหาทางไหน เพราะเขาโลเล เวลาที่เขาอยู่กับลูกเขารักลูกมาก พอห่างกันเหมือนเขาก็ตัดเยื่อใยไปเลย
วันพ่อที่ผ่านมา ลูกทำโปสการ์ดวันพ่อและส่งคลิปไปให้ เขาอ่านแต่ไม่ตอบกลับมา จนลูกต้องมาถามว่าทำไมพ่อไม่รักเขาแล้วเหรอ (ร้องไห้) เป็นสิ่งที่เราอยากรู้ว่าเขาจะกลับมาทำไม เขาหายไป 5-6 ปีที่แล้ว เราเหมือนตัดเวรตัดกรรมกันแล้ว พ่อไม่สามารถมาหาเราได้แล้ว พอเขากลับมาเราก็เชื่อว่าเขาอยากจะกลับมาหาลูก เชื่อว่าเขาจะเป็นพ่อที่ดีของลูก ฝนก็เลยให้โอกาสเขา จนมาถึงวันนี้ฝนไม่ได้อยากกลับไปมีเรื่องของความสัมพันธ์ส่วนตัว เพียงแต่ว่าจิตใจลูกฝน…
ลูกถูกถามที่โรงเรียนเสมอว่ามีพ่อไหม เขาก็ตอบอย่างเข้มแข็งว่าพ่อไม่มี มีแต่แม่ ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย แม่ก็เล่นเตะบอลกับเขาได้ แต่เขากลับมาให้ลูกรู้สึกว่าพ่อกลับมาทำไม ฝนไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไรเลย ฝนไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไรจากเขา แต่สิทธิของลูกฝน เขากลับมาแล้วทำให้ลูกเป็นแบบนี้ ฝนแคร์ลูกมากกว่า อยากให้พี่ๆ ช่วยดูแลและปกป้องลูกฝนด้วย”
