นับตั้งแต่กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลอย่างตกตะลึงในเดือนตุลาคม ซึ่งจุดชนวนให้เกิดสงครามที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน และคนดังหลายคนต้องเผชิญกับปัญหา และส่งผลกระทบเรื่องงานทันที ที่ออกมาพูดเกี่ยวกับความขัดแย้งนี้
อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่กี่คนที่คำพูดจะสร้างปัญหา และกระแสแอนตี้อย่างใหญ่โตขนาดนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ โนอาห์ ชแนปป์ นักแสดงชาวอเมริกันเชื้อสายยิว ผู้ตกพาดหัวข่าวหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาจากคำพูดของเขาเกี่ยวกับสงครามอิสราเอล-ฮามาส และนำไปสู่การวิจารณ์อย่างรุนแรง ถึงขั้นที่แฟนๆ ขู่ว่าจะคว่ำบาตร ไม่ดู Stranger Things ซีซั่นที่ 5 ที่เขาร่วมแสดง และกำลังจะฉาย
ดาราหนุ่มอายุ 19 ปี แสดงเป็น วิล ไบเยอร์ส ในภาพยนตร์ไซไฟยอดนิยมมาตั้งแต่ปี 2016 แต่ล่าสุดเขาโดนแฟน ๆ หลายคนแอนตี้อย่างหนัก และขู่ว่าจะเลิกดูซีรีส์ยอดฮิตที่เขาร่วมแสดง เว้นแต่ว่า ชแนปป์ จะถูกไล่ออกหรือถูกเขียนบทให้ "ตาย ๆ ไปซะ"
ประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ โนอาห์ ชแนปป์ ไปกด LIKE วิดีโอของนักแสดงหญิงชาวอิสราเอล โนอา ทิชบี้ ที่แสดงความเห็นเกี่ยวกับสงครามอย่างรุนแรง และถูกสงสัยว่าเป็นพวก "เกลียดมุสลิม" ทำให้ดาราหนุ่มจาก Stranger Things ก็เริ่มเผชิญการถูกคว่ำบาตรด้วยทันที
แต่แทนที่จะเสียใจ โนอาห์ ชแนปป์ กลับยังย้ำจุดยืนนี้ด้วยการเขียนข้อความว่า “ไซออนิสต์เซ็กซี่” และใช้สติ๊กเกอร์ “ฮามาสคือไอซิส” ทำให้หลายคนถึงกับกล่าวหาว่าเขาเป็น “ผู้สนับสนุนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” หรือ “นาซีไซออนิสต์”
เมื่อโดนแอนตี้อย่างหนักตัวของ โนอาห์ ชแนปป์ พยายามขอโทษ และกล่าวว่าเขากำลังถูก "เข้าใจผิด" และเขาเพียงต้องการ "สันติภาพและความปลอดภัย" สำหรับพลเรือนทั้งสองด้านของสงครามเท่านั้น
“ผมอยากจะบอกจากใจว่าผมรู้สึกอย่างไร” โนอาห์ ชแนปป์ กล่าว "ผมได้พูดคุยอย่างเปิดกว้างกับเพื่อนชาวปาเลสไตน์ ซึ่งมีภูมิหลังเป็นชาวปาเลสไตน์ และฉันคิดว่าการสนทนาเหล่านั้นเป็นการสนทนาที่สำคัญมากและผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย"
เขากล่าวต่อว่า "เราทุกคนเป็นมนุษย์และเราทุกคนก็เหมือนกัน และเราทุกคนควรรักกันเพื่อสิ่งนั้น ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และยืนหยัดร่วมกัน และยืนหยัดร่วมกันเพื่อมนุษยชาติและเพื่อสันติภาพ" เท่านั้น
ยังมีดาราหลายคนที่ได้รับผลกระทบจากการแสดงความเห็นถึงสงคราม และความขัดแย้งระหว่าง อิสราเอล และปาเลสไตน์
ดารายอดฝีมืออย่าง ซูซาน ซาแรนดอน ถึงขั้นถูกปลดออกจากบริษัทเอเยนต์ หลังเธอแสดงความคิดเห็นในการชุมนุมที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์เมื่อเร็ว ๆ นี้ในนิวยอร์กซิตี้
United Talent Agency (UTA) ยืนยันกับ Newsweek ว่าได้ตัดความสัมพันธ์กับซาแรนดอนแล้วจากข้อความที่เธอบอกว่า “ในเวลานี้ มีคนจำนวนมากที่กลัวการเป็นชาวยิว และกำลังได้สัมผัสถึงความรู้สึก ว่าการเป็นมุสลิมในประเทศนี้ มันเป็นยังไง”
ซาแรนดอนยังได้แชร์โพสต์เกี่ยวกับสงครามบนโซเชียลมีเดียว่า “คุณไม่จำเป็นต้องเป็นชาวปาเลสไตน์เพื่อที่จะสนใจว่าเกิดอะไรขึ้นในฉนวนกาซา ฉันยืนเคียงข้างปาเลสไตน์ ไม่มีใครเป็นอิสระจนกว่าทุกคนจะเป็นอิสระ”
ส่วนดาราสาว เมลิสซา บาร์เรรา ก็ถูกถอดจากหนัง Scream ภาคใหม่ เพราะแสดงความเห็นเรียกร้องให้มีการหยุดยิง นอกจากนี้เธอยังรีโพสต์บทความที่กล่าวหาอิสราเอลว่ากระทำการ "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ในการโจมตีฉนวนกาซา
จนทำให้ผู้สร้างหนังออกแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ว่า “จุดยืนของบริษัทมีความชัดเจนอย่างชัดเจนอยู่แล้ว: เราไม่ทนต่อการต่อต้านชาวยิวหรือการยั่วยุให้เกิดความเกลียดชังในรูปแบบใดๆ ก็ตาม รวมถึงการอ้างอิงที่เป็นเท็จเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การบิดเบือนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือสิ่งใดก็ตามที่ก้าวข้ามเส้นไปสู่คำพูดแสดงความเกลียดชังอย่างโจ่งแจ้ง”
สุดท้าย Scream ภาคล่าสุดต้องเลื่อนถ่ายทำ และเลื่อนฉายแบบไม่มีกำหนด มีข่าวว่าผู้สร้างพยายามติดต่อให้ เมลิสซา บาร์เรรา กลับมารับบทนำในหนัง แลกกับการออกแถลงการณ์ขอโทษ ซึ่งเธอปฏิเสธข้อเสนอ
แม้แต่อดีตดาราภาพยนตร์ผู้ใหญ่ มีอา คาลิฟา ก็เชื่อว่า Playboy ยุติข้อตกลงการทำพอดแคสต์กับเธอ หลังจากที่เธอเรียกกลุ่มฮามาสว่าเป็น "นักสู้เพื่ออิสรภาพ" ในโซเชียลมีเดีย ขณะที่แบรนด์เมา เรดไลท์ ฮอลแลนด์ ก็เลิกจ้าง คาลิฟา เป็นที่ปรึกษาทันที
โดยอดีตดาราหนังโป๊ชื่อดังเขียนข้อความว่า “ใครก็ได้ช่วยบอกนักสู้เพื่ออิสรภาพในปาเลสไตน์ให้พลิกโทรศัพท์แล้วถ่ายแนวนอนหน่อยเถอะ”
ต่อมาเธอได้ขอโทษสำหรับการโพสต์ดังกล่าว แต่ก็ยังยืนยันว่า “ฉันพูดถึงนักต่อสู้เพื่ออิสรภาพโดยเฉพาะ เพราะนั่นคือสิ่งที่ชาวปาเลสไตน์กำลัง... ต่อสู้เพื่ออิสรภาพทุกวัน”