“ติ๊ก เจษฎาภรณ์” เผยเป็นช่วงปล่อยให้น้องๆ Proxie ได้ปล่อยซิงเกิ้ลเดี่ยวของตัวเองแล้ว บอกวางใจให้น้องๆ และทีมงานได้ทำงานกันเองบ้าง ตนแค่ทำหน้าที่ตัดสินใจในบางอย่างให้เท่านั้น เพราะทุกคนตอนนี้โตแล้ว และมีคาแรกเตอร์ที่ต่างกัน เตรียมนำรายการเนวิเกเตอร์กลับมาอีกครั้งในรอบ 5 ปี ต้องเข้าป่าและไปถ่ายต่างประเทศด้วย แต่ยืนยันไม่ทิ้งงานบริหารแน่นอน จะยังคงดูแลน้องๆ ไปจนกว่าจะหมดสัญญากับค่ายแน่นอน
ตอนนี้แฟนๆ คงได้เห็นศิลปินวง Proxie แต่ละคนเริ่มออกซิงเกิ้ลเดี่ยวกันบ้างแล้ว ซึ่งผู้ปลุกปั้นมาตั้งแต่ต้นอย่างพระเอกหนุ่ม “ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี” เผยว่าแต่ละคนมีคาแรกเตอร์ที่ต่างกัน เลยอยากหยิบความสามารถตรงนี้มาให้แฟนๆ ได้เห็นด้วย และวางใจให้น้องๆ ได้มีส่วนร่วมในการทำเพลงเองด้วย
“สำหรับเมื่อวานนี้วิกเตอร์ก็เพิ่งออกโซโลไปครับ ช่วงนี้เป็นช่วงโปรเจกต์ของน้องๆ ครับ ก็มีไปแล้ว 4 เหลืออีก 2 ครับ เหลือคิมกับอองรี เรารู้สึกว่าพอเวลาน้องๆ ได้ออกซิงเกิ้ลต่างๆ มาแล้วก็หลายเพลง เขาก็มีคาแรกเตอร์แตกต่างกันไป แต่ละคนก็อาจจะมีความชอบส่วนตัวที่ไม่เหมือนกัน ก็เป็นช่วงจังหวะนึงที่เราสามารถนำไอเดียของตัวเอง นำความสามารถของแต่ละคนออกมาให้กับแฟนๆ ของเขาได้เห็นกัน และผมคิดว่ามันก็ทำให้เกิดความแปลกใหม่มากขึ้นด้วยครับ
แต่ละคนจะไม่เหมือนกันเลยครับ ด้วยบุคลิก ด้วยสไตล์ของเพลง ด้วยวิธีการร้องไม่เหมือนกันครับ ซึ่งพอน้องๆ โตขึ้น ผมแทบไม่ต้องไปคุมเลยครับ น้องๆ สามารถที่จะทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเองหมดแล้ว ตอนนี้คุณพ่อก็สบายแล้ว (หัวเราะ) ตอนนี้คุณพ่อเข้าป่าแทนครับ ปัจจุบันนี้เอาจริงๆ แล้วเขาก็สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเขาเอง การขอคำแนะนำจะเป็นในเรื่องบางงานมากกว่า โดยเฉพาะงานที่เป็นอีเวนต์ใหญ่ๆ หรืองานคอนเสิร์ตที่กำลังจะเกิดขึ้น งานแฟนมีต เราก็ต้องมีการประชุมร่วมกัน เพราะก่อนที่มันจะออกมาเป็นงานได้ก็ต้องเอาไอเดีย
ซึ่ง Proxie เขาเหมือนเป็นสารตั้งต้นของไอเดียต่างๆ และทีมงานก็จะแตกยอดจากไอเดียต่างๆ เหล่านี้ครับ ผมเองอาจจะต้องดูต่ออีกพักใหญ่ๆ ที่จะเข้ามาดูทุกขั้นตอน เรารู้สึกว่าทุกๆ ขั้นตอนมีความหมาย แต่บางอย่างในบางขั้นตอนเราก็สามารถที่จะปล่อยได้ เพราะฉะนั้นตอนนี้ในเรื่องของน้องๆ และทีมงานก็สามารถที่จะเป็นทีมเวิร์กที่ดีมากครับ”
เผยเตรียมนำรายการ เนวิเกเตอร์ กลับมาอีกครั้งในรอบ 5 ปี
“แน่นอนครับ เนวิเกเตอร์จะคัมแบ็ก ทางช่อง Thai PBS ซึ่งจะมีแถลงผังในวันที่ 11 พ.ค. นี้ครับ น่าจะห่างไปในรอบประมาณ 5 ปี คือถึงแม้ว่าเราหยุดทำรายการ แต่การเดินทางของเราไม่ได้หยุด แล้วเราก็เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง เห็นสิ่งแปลกใหม่ เราก็อยากจะมาเล่าเรื่องต่างๆ ให้น้องๆ ได้เห็นกัน รวมถึงนอกจากในประเทศไทยแล้ว เราจะเดินทางไปต่างประเทศด้วย ก็อยากจะให้เห็นถึงมุมมองต่างๆ ใหม่ๆ เกิดขึ้น ก็เลยลองเสนอทางช่อง Thai PBS ดู ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะตอบรับ ก็ลองทำเสนอไป ปรากฏว่าทางช่องเขาตอบรับ ผมก็อ้าว ยุ่งแล้ว เขาเอาด้วย (หัวเราะ) ตอนนั้นเป็นช่วงโควิดด้วยครับ เราก็เลยลองทำดูเผื่อจะมีงาน เพราะตอนนั้นคิดว่าคงจะไม่มีงานอะไรต่างๆ ให้ทำเยอะแยะ และเราก็ว่างด้วย บวกกับเราชอบเดินทาง จะได้ผสมในการถ่ายทำไปด้วยเลย
คิดว่าคาแรกเตอร์ของเนวิเกเตอร์ยังคงอยู่นะครับ แต่สิ่งที่เปลี่ยนมากขึ้นก็คือเราอยากทำให้เนวิเกเตอร์มันเฟรนด์ลี่ขึ้น ไม่ใช่ดูแล้วโหด ผจญภัยจนยากที่จะไปถึง และรวมถึงความแปลกใหม่ของแขกรับเชิญพิเศษต่างๆ ด้วยที่จะมาสร้างสีสันให้กับรายการ”
ยืนยันไม่ทิ้งงานบริหารค่ายแน่นอน
“ถ้าช่วงต้องเข้าป่าก็ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวนี้เราสามารถคุยทางโทรศัพท์ได้แล้ว แต่พอเข้าป่าแล้วก็มีสัญญาณบ้าง ไม่มีบ้าง แต่พอช่วงเจอสัญญาณปุ๊บข้อความมาเป็นร้อยเลย (หัวเราะ) ก็ต้องมาไล่ดูครับว่าเป็นยังไงบ้าง อันไหนที่สามารถปล่อยผ่านได้เราก็ปล่อย ต้องปล่อยวาง ปล่อยให้กลไกของทีมงานสามารถทำงานต่อได้โดยที่ไม่มีเรา เราก็อาจจะเป็นตัวเชื่อมหรือเป็นคนตัดสินใจในเรื่องบางเรื่องเท่านั้นเองครับ
ถามว่าจะมีประเด็นสิ่งแวดล้อมด้วยไหม เอาจริงๆ แล้วเรื่องสิ่งแวดล้อมที่มันเกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็นไฟป่า น้ำท่วม ฝุ่น PM2.5 ในเนวิเกเตอร์ที่ผ่านมาเราได้เล่าไปหมดแล้ว และผมคิดว่าผมพูดไปมากแล้ว คิดว่าเราน่าจะได้รับรู้ข่าวสารมาบ้างแล้ว ผมก็คิดว่าถ้าเกิดเราสามารถย้ำในเรื่องพวกนี้ได้มันก็เป็นสิ่งที่ดี แต่เราจะพูดถึงในเรื่องของฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ผมเองก็อาจจะไม่ใช่นักวิชาการ ความเชื่อถืออาจจะไม่ค่อยมากนัก เป็นเพียงแค่คนเดินทางที่ไปเห็นจากประสบการณ์ของตัวเองเท่านั้นเอง ก็อาจจะเป็นการสื่อสารด้วยทางภาพแบบนี้เท่านั้นครับ”
บอกจะขอดูแลน้องๆ Proxie ต่อไปจนกว่าจะหมดสัญญาแน่นอน
“ภรรยากับลูกๆ เขาเข้าใจครับ อย่างน้องๆ ตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจ อาจจะไม่ได้สนใจเหมือนเรา เขาก็สนใจรอบๆ ตัวเขา เราก็พยายามเติมและสอนให้เขารู้จักธรรมชาติ และเข้าใจว่าแบบไหนที่เราสามารถสัมผัสได้ แบบไหนที่มันอันตราย แบบไหนที่ไม่อันตราย เราจะไม่สอนให้เขากลัวไปหมดทุกอย่าง ให้เขาเข้าใจว่าธรรมชาติของสัตว์ต่างๆ มันเป็นแบบไหน นิสัยเป็นยังไง ถ้าเขาโตขึ้นผมจะพาเขาเข้าป่าด้วยแน่นอนครับ ถ้าเกิดเขาอยากไปนะครับ เราจะไม่บังคับเขา
แต่คราวนี้ก็ไม่ถึงกับไปหลายเดือนนะครับ (หัวเราะ) ก็ไปๆ กลับๆ ไปก็ไม่กี่วันเองแล้วก็กลับมา งานบริหารค่ายไม่ทิ้งแน่นอนครับ เพราะผมคิดว่าตัวของ Proxie เอง เราอยู่ด้วยกันมา เราเจอน้องๆ เขาตั้งแต่แรกๆ เลย ตั้งแต่ต้นจนถึงปลายผมจะอยู่กับพวกเขาตลอดให้ได้นานที่สุด ก่อนที่พวกเขาจะหมดสัญญาจากค่ายไป เราจะดูแลตลอดไปตั้งแต่ต้นจนจบแน่นอนครับ”
