“อาไท” แฮปปี้รัก “น้ำเพชร” ทะเลาะกันบ่อยเหมือนลิ้นกับฟัน รับติดแฟนมากจนเป็นปัญหา ยังแก้ไม่ได้ขอผ่านไปแบบวันต่อวัน พร้อมทุ่มเทและซัปพอร์ตแฟน ชมตลอดว่าเป็นคนเก่ง แพลนแต่งงานภายใน 5 ปี แต่ไม่คาดหวังให้กดดันตัวเอง ไม่ซีเรียสเรื่องอยู่ก่อนแต่ง ชอบไม่ชอบอะไรจะได้รู้ ยอมรับเป็นตัวเอง 100 % ไม่ได้ ต้องปรับกันทั้งคู่ เพราะตัวเองชอบอยู่บ้าน แต่อีกฝ่ายชอบเข้าสังคม
เรียกว่าเป็นสายซัปพอร์ตแฟนสุดๆ สำหรับ “อาไท กลมกิ๊ก” สุภทัต โอภาส เพราะไม่ว่าสาว “น้ำเพชร อิสรีย์ ธรากูพิพัฒน์” จะทำอะไร ก็พร้อมจะทุ่มเทแรงกายแรงใจให้เสมอ ล่าสุดได้เจออาไท ในงานบวงสรวงเปิดกล้องภาพยนตร์ “แสนสนั่น พันธุ์สั่นสู้” เจ้าตัวก็เผยถึงเรื่องนี้ ถ้าไม่ซัปพอร์ตแฟน แล้วจะให้ไปซัปพอร์ตใคร
“ความรักก็เป็นเรื่องปกติ ที่มีแฮปปี้แล้วก็มีกระทบกระทั่งกันบ้าง ลิ้นกับฟัน มันไม่มีแบบแฮปปี้ตลอดเวลาครับ ถามว่าทะเลาะกันบ่อยไหม สำหรับผมว่าบ่อย แต่มันก็ดีตรงที่ว่าจะได้ปรับกันไปเรื่อยๆ ทะเลาะ ปรับ แก้ ไป มันจะได้ไปกันต่อเรื่อยๆ น้ำเพชรเป็นสายแบบเคลียร์แล้วเคลียร์เลย เขาจะไม่เก็บอะไรไว้ แต่เราก็มีบ้างนิดๆ เราเป็นคนขี้น้อยใจ คู่ผมคือน้ำเพชรเขาตัวแม่มากๆ บางทีคำพูดบางคำของเขาอาจจะดูปกติ แต่พอมาพูดกับเราที่เป็นคนขี้น้อยใจ อาจจะทำให้รู้สึกว่าทำไมพูดแรงกับเราจัง คือบางทีด้วยน้ำเสียงหรืออะไรแบบนี้ ซึ่งมันเป็นปกติของเขาอยู่แล้ว แต่เราแค่อยากโดนพูดเบาๆ ใส่บ้าง แค่นั้นเอง เวลาโดนผมก็จะเงียบ จะอยู่ของผมเงียบๆ แต่พักเดียวก็หาย”
รับติดแฟนมาก ยังหาตรงกลางไม่ได้ ขอให้ผ่านไปได้วันต่อวันก็แฮปปี้แล้ว
“ในรายการที่ผมพูดออกไปมันเป็นมุกนะครับ จริงๆ ไม่ได้ขนาดนั้น แต่ถามว่าติดแฟนไหม ผมเป็นคนติดแฟนมาก ถ้าเลิกงานก็จะไปหา เวลาว่างอยู่ด้วยกัน คนเลยดูว่าเหมือนตัวติดกันตลอดเวลา แต่จริงๆ เขาก็มีงานของเขา เราก็มีงานของเรา ถามว่าเราติดเขาแล้วเขารู้สึกยังไง ผมว่าแรกๆ อาจจะแฮปปี้ หลังๆ อาจจะอึดอัด (หัวเราะ) มันเป็นเรื่องปกติแหละ แรกๆ มันก็ได้แหละ แต่นานๆ ไปก็อาจจะอยากได้สเปซบ้าง ตรงนี้เป็นจุดที่ยังหาตรงกลางไม่ได้ เลยทำให้มีปัญหาบ้างกับตรงนี้ ถามว่ากลัวมันเป็นปัญหาสะสมไหม ก็เป็นสีสันดีนะ ไม่รู้ ก็ไปเรื่อยๆ เราไม่ได้คาดหวังไว้ เรามีแพลนอนาคตของเราว่าเราอยากทำอะไร แต่ระหว่างนี้ ขอให้ผ่านได้วันต่อวัน ผมก็แฮปปี้แล้ว วันนี้เรารักกันหรือยัง แฮปปี้กันหรือยัง กับน้ำเพชรก็เหมือนกัน วันต่อวันเลย ทำวันนี้ให้แฮปปี้ โอเครักกัน เท่านั้นเลย”
เติมความหวานด้วยการทำอะไรที่ชอบร่วมกัน
“ชวนกันเที่ยว ชวนกันกิน ชวนกันทำอะไรที่ชอบ ล่าสุดวันว่างก็นอนดูหนังอย่างเดียวเลย ประมาณ 4 เรื่อง นอนอยู่อย่างเดียวไม่กระดิกไปไหน สั่งข้าวมากิน ดูหนัง นอน ก็แฮปปี้ดี ได้ใช้เวลาร่วมกันครับ”
พร้อมทุ่มเทและซัปพอร์ตทุกอย่าง ชมเสมอว่าแฟนเป็นคนเก่ง
“ด้วยนิสัยเราเป็นคนแบบนี้ แล้วอีกอย่างเราเป็นแฟนกัน เราไม่ซัปพอร์ต แล้วใครจะมาซัปพอร์ต ก็ต้องเราสิ เพราะเราคือแฟนเขา ถ้าวันหนึ่งฝันเขาสำเร็จ เราก็จะเป็นคนหนึ่งที่ยืนดีใจอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเขาอยากทำอะไร เรามีหน้าที่ซัปพอร์ต แล้วก็ช่วยให้เขาทำให้ถึงที่สุด เท่าที่แฟนคนหนึ่งจะทำได้ครับ ที่ผ่านมาเราก็ทุ่มหลายๆ อย่างรวมกัน ทั้งแรงใจ แรงกาย เท่าที่จะทำได้ทุกอย่างครับ ผมจะชมเขาเสมอว่าเขาเป็นคนเก่ง ชมบ่อยมาก อยู่ดีๆ ก็จะชม ว่าคุณเป็นคนเก่งนะ ถามว่าวันหนึ่งเขามาอยู่จุดนี้ได้ มีผู้ติดตาม มีเพื่อนฝูง อยู่ในกลุ่มที่ดัง มีชื่อเสียง ผมก็จะบอกเขาเสมอว่าคุณเก่งมาก คุณมาไกลมากจริงๆ ส่วนเขาก็ซัปพอร์ตเราทุกอย่าง เรื่องความคิดก็ด้วย บางทีเราคิดฟุ้งไปเรื่อย เขาก็จะเป็นคู่คิดที่ดี จะคอยมาแนะแนวทางให้”
แพลนแต่งงานภายใน 5 ปี แต่ไม่อยากคาดหวัง ให้ต้องกดดันตัวเอง
“เราก็มีความหวังมีความฝันแบบนั้น แต่ก็ไม่อยากให้หลายคนคาดหวัง รวมถึงตัวเราด้วย พอคาดหวังมันจะอยู่บนความกดดัน และความสุขในการใช้ชีวิตคู่อาจจะหายไป เราอาจจะใช้ชีวิตแบบแคร์สายตาคนอื่นเยอะเกินไปหรือเปล่า ก็ทั้งแหละ วันต่อวันครับ จริงๆ ผมเคยพูดไว้แล้ว ว่าอยากแต่งงานภายใน 5 ปี เรามีแผนหลายอย่าง ว่า 3 ปีเราจะเคลียร์ทั้งหมด โปะหนี้สินทุกอย่าง บ้าน รถ แล้วเราจะเก็บเงิน 2 ปีให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะใช้ชีวิตในอนาคต เขาก็แฮปปี้กับแพลนเรา เพราะตอนนั้นก็ยังไม่แก่มาก ยังมีลูกได้ไม่ยาก อยากมีลูกตอนวัยรุ่นครับ”
ไม่ซีเรียสอยู่ก่อนแต่ง มองว่าควรเรียนรู้กันก่อน
“เราก็ไม่อยากพูดว่ายังไง แต่ตัวผมเองไม่ได้อะไร เพราะมันควรจะได้เรียนรู้กันก่อนดีกว่า ถ้าสมมติแต่งงานไปแล้วเพิ่งได้มาอยู่ด้วยกัน ถ้าไปเจอจุดที่ไม่ชอบตอนนั้น บางทีมันก็อาจจะทำให้อะไรได้ยากแล้ว แต่ตอนนี้ทำให้มันรู้กันไปก่อนเลย รู้ทุกของกันและกันเลย ชอบไม่ชอบ รับได้ไม่ได้ เรื่องบางเรื่องของเราที่เป็นธรรมดา เขาอาจจะรับไม่ได้ก็ได้ มันต้องให้รู้กันไปก่อนเลย สำหรับผมนะ”
เผยเป็นตัวของตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ ต้องปรับกันทั้งคู่ คนนึงชอบอยู่บ้าน คนนึงชอบมีสังคม
“ผมเป็นต้วเองร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ ก็ต้องพูดตรงๆ เอาง่ายๆ ผมเป็นคนชอบอยู่คนเดียว ชอบอยู่บ้าน แต่น้ำเพชรชอบมีสังคม เขาต้องเจอเพื่อน เนี่ย ต้องทำยังไง เราก็ต้องลดโลกส่วนตัวของเราลง เผื่อที่จะต้องไปอยู่กับกลุ่มเขาบ้าง หรือบางทีเขาก็เจอเพื่อนน้อยลง มาอยู่กับเราบ้าง ผมเลยบอกว่ามันไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ในคู่ผม ทุกวันนี้ยังอยู่ในจุดที่แฮปปี้ ผมไม่เจอคนเยอะ แต่ในคนเยอะๆ นั้นมีเขาอยู่ ผมก็แฮปปี้ อยู่ในพื้นฐานที่มีความสุขอยู่ครับ เขาก็เข้าใจ เขารู้ครับ ก็บอกว่าคุณต้องออกไปเจอเพื่อนบ้าง ต้องเข้าสังคมบ้าง มันก็ต้องเรียนรู้แหละ เราไม่ได้โตมาในสังคมเดียวกัน การมาอยู่ด้วยกันเลยต้องปรับกันเยอะหน่อยครับ”