“ชมพู่ อารยา” รับ “น้องเกล” ฮอต จนต้องถอยให้ลูก แต่ยังไม่รู้เป็นสตาร์ รู้แค่ได้รับความรักจากทุกคน ใจหายโตเร็ว อีกไม่นานจะเข้าโรงเรียนแล้ว เผยตัวจริงมีจริตดีว่า ฤทธิ์เยอะ ไม่ได้ว่านอนสอนง่าย ดรามาดุ “น้องพายุ” อยู่บ้านดุกว่านี้ เตรียมบินไปคานส์ ชุดขอถูกใจตัวเอง
ลูกสาว “น้องแอบิเกล” กำลังน่ารัก น่าเอ็นดู กลายเป็นดาวโซเชียล ล่าสุด “ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต” ก็เผยในงาน L’Oreal Paris Worth It ณ ศูนย์การค้าไอคอน ยอมรับอีกไม่นานน้องเกลต้องเข้าโรงเรียนแล้ว ซึ้งเวลาผ่านไปเร็ว รวมทั้งชมพู่ขอเคลียร์ดรามาดุ “พายุ” ลั่นที่บ้านดุกว่านี้
“เรื่องความฮอต ตอนนี้ต้องถอยให้ลูก แม่ต้องถอยให้ค่ะ ส่วนที่มองว่าคนรักทั้งประเทศ มันเร็วไป รู้สึกว่า เฮ้ย! ทําไมโตเร็วจังเลย 2 ขวบกว่า แล้วก็ปีนี้ก็จะเป็นปีสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเพราะว่าเดี๋ยวก็ไปโรงเรียนแล้ว เนื่องจากว่าเราอาจจะผ่านงานยากมาแล้ว เราผ่านการเลี้ยงเด็กผู้ชายฝาแฝด อย่างตอนที่สายฟ้า-พายุเป็นเบบี๋ เราก็รู้สึกว่าแต่ละคืนกว่ามันจะผ่านไป 3 เดือนแรกมันคือแบบ…เมื่อไหร่มันจะผ่านไปสักทีวะ ทุกคนบอกว่าเด็ก 3 เดือนแรกมันจะง่าย มันจะยากแล้วก็จะค่อยๆ ง่ายขึ้น พอมาเป็นพี่เกล ก็คือทุกอย่างมันผ่านไปเร็วมาก เพราะว่าเรารู้สเต็ปรู้อะไรทุกอย่างแล้ว เราก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างเร็ว
จริงๆ ไม่ค่อยกังวลเรื่องความฮอตของน้องนะคะเพราะว่าเวลาอยู่โรงเรียนเขาก็เป็นเด็กปกติ อย่างตอนพี่สาย พี่พา ก็อยู่โรงเรียนเขาก็เป็นเด็กปกติ ที่โรงเรียนเขาก็ทรีตเด็กทุกคนเท่ากัน ยิ่งถ้าโรงเรียนอินเตอร์ก็ไม่ได้มีใครสนใจว่าใครเป็นใคร
กับการเข้าโรงเรียนถามว่าเตรียมตัวยังไง จริงๆ ตอนที่พี่สาย-พี่พา 2 ขวบ ไปพรีเนิร์สเซอรี่ แต่ว่าคนนี้แม่ไม่ให้ไป หนึ่งคือขี้เกียจรับส่ง สองก็รู้สึกว่าเราผ่านมาแล้ว เราก็รู้ว่ามันต้องต้องอะไรประมาณไหน แล้วเขาก็ค่อนข้างที่จะพัฒนาการเร็วกว่าของพี่สาย - พี่พา ตอนนั้นเหมือนเป็นพ่อแม่มือใหม่ เราก็รู้สึกว่าโรงเรียนจะมีอะไรที่สามารถให้ได้มากกว่าที่พ่อแม่ให้ ซึ่งถามว่ามันมีไหม มันก็มีฝึกเรื่องระเบียบวินัย เรื่องอะไรที่มันฝึกได้ดีกว่าอยู่ที่บ้าน แต่เกลก็รู้สึกว่ามันเร็วมาก ก็เลยอยากอยู่กับเขาอีกปีนึง แล้วเดี๋ยวค่อยให้ย้ายไปโรงเรียนเดียวกับพี่เลยปีหน้า จะได้ไม่ต้อง 2 ที่ ถ้าเขารับนะ ถ้า 3 ขวบถึงจะเข้าได้ ก็จะเป็นปีการศึกษาหน้า”
ยังไม่รู้เป็นสตาร์ รู้แค่ได้รับความรักจากทุกคน
“ชมว่าเด็กเขาอาจจะไม่ได้รู้หรอกว่าเขาเป็นสตาร์นะ หรือว่าเขาเป็นอะไร แต่คือเขารู้ว่าเขาได้ความรัก เพราะว่าภาษาของเขา เขารู้แค่นั้น เขาไม่ได้รู้หรอกว่าคนนี้ดูเขาในโทรศัพท์เขายังไม่รู้ แต่ว่าเขารู้ว่าเวลาเขาไปทำงานกับแม่ ทีมงานหรือว่าเพื่อนฝูงทุกคนช่วยกันเลี้ยงทุกคนรักเขา ให้ความรักเขา”
ไม่แน่ใจจะร้องไห้หรือเปล่า หลังลูกสาวเข้าโรงเรียน
“ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะร้องหรือเปล่า แต่คิดว่าเจ๊ไม่ร้องมั้ง เพราะว่าทุกวันนี้เขาไปส่งพี่ที่โรงเรียน เขาก็จะเหมือนวิ่งตาม เขาจะอยากไปโรงเรียน อยากสะพายกระเป๋า เวลาไปส่งพี่ก็เริ่มให้เล่นในสนามที่โรงเรียน แต่เขายังไม่รู้นะว่าเขารับเราหรือเปล่า แต่ว่าก็ให้คุ้นชินเอาไว้ พี่เขาก็รักน้อง เขาก็หวงน้อง แต่ว่าก็ตีกันทุกวัน ก็ตามประสาแหละ ถึงเวลารักก็รัก แต่ว่าถึงเวลาตีก็เต็มที่เหมือนกัน”
เม้าธ์ฉ่ำ “น้องเกล” จริตดีว่า ฤทธิ์เยอะ ไม่ได้ว่านอนสอนง่าย
“ถามว่าห้ามยังไง ก็แล้วแต่สถานการณ์ คือบางทีก็จะบอกว่าให้ทนน้องหน่อย เดี๋ยวน้องก็โตแล้ว แต่ว่าบางทีก็จะต้องบอกน้องเหมือนกัน เพราะว่าเขาเริ่มที่จะรู้เรื่องแล้ว ก็เริ่มสอนเขาแล้วว่าเธอไปทำอย่างนี้กับพี่มันก็ไม่ถูก ก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็พูดซ้ำๆ ไป เขาก็วีน เขาเป็นดีว่าอยู่แล้ว เขาก็จะต้องมีตอบโต้มีอะไร ก็ไม่ใช่เด็กที่เรียกว่านอนสอนง่ายขนาดนั้น ก็มีฤทธิ์เหมือนกัน เราก็ต้องพูดซ้ำๆ พูดบ่อยๆ”
งานติดต่อก็รับเฉพาะที่มีความเป็นไปได้
“ก็เอาที่เราเมเนทไหว มีความเป็นไปได้ และผู้จ้างก็เข้าใจในเนเจอร์ของเด็ก ว่าเด็ก 2 ขวบ ข้อจำกัดเขาจะมีอะไรบ้าง จะทำอะไรได้บ้าง ถ้าคาดหวังว่าจะทำได้เหมือนแม่ มันเป็นไปไม่ได้ ก็คือขอคนเข้าใจ จริงๆ จะบอกว่าเอาเด็กไปงาน มันต้องเตรียมอะไรหลายๆ อย่าง หนึ่งคือมันต้องเป็นเวลาที่เขาไม่ง่วงนอน เขาต้องกินอิ่มนอนหลับ ต้องจับเขานอนกลางวัน มา 2-3 ชั่วโมง ให้อารมณ์ดี สถานที่อย่างนี้ ก็คงไม่ไหว เพราะมันร้อนมาก ผู้ใหญ่ยังหงุดหงิดเลย เด็กมันก็ไม่ได้”
ดรามาดุลูก อยู่บ้านแรงกว่านี้
“คนเดียวเอง (เราวีนแรงจริงไหม?) แรงกว่านี้อีกค่ะ อยู่บ้าน ที่สายฟ้า-พายุบอกแม่ชมดุ ก็เรื่องจริง เพราะว่าพูดดีๆ 4-5 ครั้งแล้วมันก็ต้อง ก็แล้วสไตล์แหละค่ะ แล้วแต่ แล้วแต่บ้านใคร แต่ว่าปกติเราก็พูดกันดีๆ ค่ะ แต่ว่ามันก็ตามเอนเนอร์จี้เด็ก เป็นมนุษย์แม่ของแท้”
ปีนี้ยังไปคานส์ ผ่านมาเป็น 10 ครั้ง ขอแค่ถูกใจตัวเอง
“ปีนี้ก็ไปค่ะ ไปกลางเดือนนี้ค่ะ เรื่องธีม สําหรับชมนะ คนอื่นว่ายังไงไม่รู้ แต่ชมว่าปีนี้ถูกใจตัวเอง แต่คนอื่นไม่รู้ยังไงเหมือนกัน ก็คิดว่าก็น่าจะได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นบ้าง คือด้วยความที่ว่ามันผ่านมาเป็น 10 ครั้งแล้ว คือถ้าจะคิดว่าต้องไม่ซ้ำ ไม่จําเจ หรือว่าต้องไม่ใส่สีนั้นไม่ใส่แบบนี้ ไม่ใส่ตัดฟูๆ ชมว่ามันเป็นไปไม่ได้ ก็ขอเป็นอะไรที่มันตรงจริตเราตอนนี้ แล้วมันก็รู้สึกว่าใช่สำหรับเราตอนนี้ เพราะว่ามันเป็นโมเมนต์นี้นาทีนี้“