xs
xsm
sm
md
lg

ผัวเก่าโต้เดือด “หนึ่ง บางปู” ฟ้องหวังเงิน หนี้โคม่า ลูกไม่เรียกว่าแม่แล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผัวเก่า “หนึ่ง บางปู” สุดทน ซัดแหลกเป็นแม่ประสาอะไร ฟ้องจะเอาลูกกลับไป ทั้งที่ 1 ปีไม่เคยติดต่อลูก จนตอนนี้ลูกไม่เรียกว่าแม่แล้ว ฉะซึมเศร้าไม่จริง แสวงหาแต่ผู้ชาย เชื่อฟ้องเพราะหมดหนทางเรื่องเงินแล้ว สภาพหนี้บริษัทโคม่า ทะเลาะครอบครัว ถูกเพื่อนฟ้อง 3 คดี โวยไม่เคยขู่ยิงทิ้ง ฮุบมรดกลูก 100 ล้าน พ้อที่ผ่านมาตนต่างหากถูกหลอกซ้ำซาก ขอปกป้องรักษาสมบัติให้ลูก

กรณีดรามาเดือด “หนึ่ง บางปู” แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ได้อัดคลิปแฉอดีตสามี “ปวิช ฉิมพาลี” ถึง 13 อีพีบนติ๊กต๊อกภายใน 1 วัน ระบุว่าถูกอีกฝ่ายทิ้งหนี้ 40 ล้านให้รับผิดชอบ ฮุบมรดกลูก จำนวน 100 ล้านบาทโดยเอาไปใช้กับเมียใหม่ กร้าวไม่ยอม ที่ผ่านมาจับผิดสามีจนเป็นโรคซึมเศร้า ตอนนี้ฟ้องกันอยู่ 2 คดี คือ ฟ้องแบ่งสินสมรส และ ฟ้องเอาลูกคืน ลั่นถูกคนเตือนให้ระวังโดนยิง ฝากบอกมันด้วย ถ้าจะยิงช่วยเอาเอ็ม 16 มายิงเลย ทุกวันนี้ก็ตายทั้งเป็นอยู่แล้ว
 
ล่าสุดวันนี้ (2 พ.ค.) “ปวิช” อดีตสามี หนึ่ง บางปู ได้เปิดใจกับบันเทิง MGR ออนไลน์ แบบหมดเปลือก เรียกว่าหนังคนละม้วน ยันตนต่างหากถูกหลอกซ้ำซาก เชื่อฟ้องตนเพราะหมดหนทางเรื่องเงิน

“แต่งงานรอบแรก เขาหนีผมไปตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. 64 แล้วประมาณวันที่ 20 พ.ค. 64 เรียกผมไปเพื่อเจรจาแบ่งทรัพย์สิน และไม่ให้ผมยุ่งเกี่ยวบริษัท ซีเนเซ่ ฟอร์ เฮ้ลตี้สกิน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับเครื่องสำอาง ที่มีรายได้มหาศาล เขาก็บริหารของเขาไป ผมก็มาบริหารควายนาคาเฟ่ ที่อุทัยธานี ที่ดินดินตรงไหนที่เป็นชื่อเราก็เป็นของเรา ที่ดินที่เขาใหญ่ในคีรีมายารีสอร์ต มูลค่าไร่ละ 14 ล้าน เป็นชื่อเขาก็เป็นของเขา คลองดินดำที่หมูสี เขาใหญ่ เกือบไร่ ขาดไม่กี่ตารางวา ซื้อตอนใช้ชีวิตร่วมกัน 4 ล้านรวมตกแต่งก็ 6 ล้าน ตรงนั้นก็ 20 ล้านแล้ว เป็นชื่อของเขา เราก็นักเลงพอ ของเขาก็ของเขา เราก็ไม่ยุ่ง ของเราก็ของเรา คิดว่าเขาก็คงไม่มายุ่ง ผมก็กลับไปเลี้ยงควายและดูแลลูก

มูลค่าบริษัทซีเนเซ่ ยอดขายเดือนนึง เขามีแอดมินประมาณ 50 คน แล้ว 50 คนรายได้คอมมิตชั่น รายได้จากยอดขาย 3 เปอร์เซ็นต์ ล้านหนึ่งก็ 3 หมื่น 50 คนขั้นต่ำยอดขายก็อยู่ 20 ล้านต่อเดือน ยอดขายที่เข้าทั้งบัญชีบริษัท และบัญชีนอมินีของเขา เขามีสองบัญชีที่เงินเข้า บัญชีนอมินีก็เอาไว้ปรับปรุงเรื่องภาษีเขานั่นแหละ เขาไม่ให้ผมไปยุ่ง เนื่องจากเขาจะบริหารเองกับครอบครัว เขาบริหารเองสักพักก็กู้เงินเพิ่ม ตามที่ทราบข่าวทีหลัง

ตอนอยู่กับผมเขาก็กู้อยู่ที่ 25 ล้าน แต่พอผมไปแล้วเขาก็กู้เพิ่มอีกเป็น 10 กว่าล้าน แต่ผมไม่รู้เขากู้เอาเงินไปใช้อะไรบ้างในการบริหาร เพราะเขาบริหารไปกินยาซึมเศร้า ไบโพลาร์ ก็บริหารงานแบบหละหลวม เงินทองก็รั่วไหล เพราะเขาไม่ได้ถือเงิน ตอนผมไปแล้วนะ ที่เขาพูดเหมือนตอนผมอยู่เอาเงินมาสร้างควายนาคาเฟ่ จริงๆ การสร้างก็เป็นอาชีพที่สองของครอบครัว แต่อยู่ดีๆ เขาเลิกกับผมไป ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรตามที่เขาพิพากษาผม ผมเป็นผู้ชาย ไม่ตอบโต้ แต่ทีนี้เราก็แบ่งในส่วนของเรา เราก็เก็บไว้ให้ลูก เขาก็เก็บไว้ให้ลูก แต่เขานำส่วนของหมูสีที่เขาใหญ่ มูลค่าเกือบ 20 ล้านไปขายต่อ เพื่อใช้หนี้ เพราะเขาทำธุรกิจขาดทุน”

ยันอีกฝ่ายต่างหากหลอกให้แต่งงานรอบสอง ไม่อยากขัดใจคนป่วย เหมือนคนบ้าต้องทำตามอารมณ์
“พอขาดทุนก็มาหลอกผมแต่งงานใหม่ ตามที่เขาสร้างข่าวมีกระแสมากมาย เอาควาย เอามินิคูเปอร์ เอารถผมมา (เขาบอกว่าเราหลอก?) เขาเป็นโรคซึมเศร้า อยากให้ผมทำอะไร อยากให้คุกเข่า ผมก็ไม่อยากขัดใจคนซึมเศร้า ไบโพลาร์ ลูกก็มองอยู่

เขาอยากให้ผมคุกเข่าขอเขานะ เหมือนคนบ้าที่เราต้องทำตามอารมณ์เขา เราทำเพราะลูกอยากให้พ่อแม่กลับมาอยู่ด้วยกัน เราก็ทำตาม ไม่มีใครอยากแต่งงานครั้งที่สองหรอก สิ่งที่เขาทำคือ อ้าว คุณต้องคุกเข่าสิ เหมือนผมคุยกับคนป่วย ผมไม่อยากขัดใจคนป่วย คุกเข่าก็คุกเข่า หอมแก้มก็หอมแก้ม ขอก็ขอ จะให้ผมไปแต่งงานร้องเป็นควายก่อนเข้าประตูสามชั้นสี่ชั้น ผมก็ต้องร้องเพราะผมเห็นว่าเขาป่วย ทำไปเพื่อเอาอกเอาใจมันจะได้จบๆ แล้วมาอยู่ด้วยกัน จะได้ช่วยบริหารงานเขาที่สภาพบริษัทเขามันเละ”

แฉสภาพบริษัทเข้าขั้นโคม่า แต่งได้เดือนกว่าก็เลิกอีก
“ปี 65 ที่แต่งเขาก็ขายหมดแล้ว บริษัทเป็นหนี้รุงรัง สภาพบริษัทเขาเข้าขั้นโคม่าแล้ว ผมกลับมา ผมถอนเงินของลูกที่ฝากไว้จะเข้าโรงเรียน เพราะจะเรียนโรงเรียนนานาชาติที่เมกะบางนา ค่าเทอมราวๆ 5-6 แสน ผมถอนออกมา มีเงินอยู่ 2 ล้านที่เก็บเป็นบัญชีลูก หนึ่งล้านให้เขาไปเพื่อให้เขาแก้ไขปัญหาเฟซบุ๊กที่เขาเป็นหนี้ตัวแดง อีกหนึ่งล้านที่เหลือผมก็เอามาช่วยจ่ายค่าแต่งงานต่างๆ ที่เขาไปออกสื่อออกข่าวอย่างนั้นอย่างนี้ ก็หมดไปหลายบาท จนผมก็หมดตังค์ไป

แต่งกับผมได้เดือนกว่าๆ แต่งมิ.ย. ก.ค. ก็เลิกอีก เขาฟังคนที่เขาเสียผลประโยชน์ เพราะผมเข้าไปในบริษัทผมเห็นเลยว่า อย่างน้อยค่าขนส่งระหว่างแฟลชกับเคอรี่ มันต่างกันลิบลับ แฟลชซึ่งเป็นของตร. แฟนคนปัจจุบันที่เขาคบแล้วเลิกไปแล้ว เด็กๆ สิบโท หรือสิบตรีอยู่ในนั้น ค่าขนส่งกล่องละ 40 กว่าบาทต่อหนึ่งเคส ของเคอรี่ 20 กว่าบาท ผมแอบสังเกตดู เพราะแฟลชไม่ให้ข้อมูล แต่เคอรี่ผมรู้ ผมก็เลยโยกออเดอร์ วันนึงที่เป็นพันออเดอร์ จากแฟลช เข้าสู่เคอรี่ ให้เคอรี่เขารับ ผมไม่มีนอกในกับเคอรี่ ผมเห็นว่าเคอรี่มันแค่ 20 กว่าบาท แต่แฟลชมันวันนึง 40 กว่าบาท วันนึงเป็นพันออเดอร์ เราประหยัดเงินกล่องนึงเอาเงิน 20 กว่าบาท มาเป็นค่าแอดมินต่างๆ มากมายได้ตั้งเยอะ วันนึงเซฟเงินเป็นหมื่น หลังจากนั้นแฟลชก็เข้าไปจับเข่าคุยกับคุณหนึ่ง ไปใส่ไฟผม คุณหนึ่งก็ถีบผมออกมาแค่เดือนเดียว เพราะผมไปขัดผลประโยชน์
 
จริงๆ ผมเชื่อว่าเขาก็ไม่ได้โอเคกับผมหรอกในเรื่องการแต่งงาน เพราะเขามองว่าเขามาเพื่อหาเงินจากผม เห็นผมมีตังค์ จากการที่ผมขายควาย มาอยู่ได้เดือนกว่า เขาก็ไม่เอาผมอีก ผมก็กลับไปอยู่กับลูกอีก ล้มแล้วล้มเล่าซ้ำสอง กลับไปอยู่อุทัยฯ สรุปแล้วลูกก็กอดตุ๊กตาแคร์แบร์ของแม่ที่ซื้อให้”

เลิกไปแล้วแต่ยังขอเงินเข้ารพ. เหตุท้องแล้วแท้งนอกมดลูกกับแฟนทหาร
“ย้อนไปปี 65 พอเขาเลิกกับผมก็ไปแต่งงานกับทหาร สิบตรี สิบโท ทหารแถวเมืองกาญจน์ แต่เป็นเด็กสุพรรณฯ ที่ชื่อโอ ที่มีภาพการแต่งงาน ที่เขาประกาศว่าเขาไม่ได้มีสามีมาเลย เขาเลิกกับผมเขาก็ไปแต่งงาน มีภาพแต่งงานประมาณพ.ย.ปี 65 แต่เขาได้เสียมาก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ระหว่างเลิกกับผมไป เขายังมาขอตังค์ผมอีก เขาวิดีโอคอลมาหาผมแต่เช้าในไลน์ ผมยังแคปหน้าเขาอยู่เลยว่าหนึ่งต้องไปผ่าตัดที่รพ.สมิติเวช แต่หนึ่งไม่มีตังค์ แม่ไม่ให้ตังค์ แม่จะให้ไปเข้ารพ.รัฐ แต่หนึ่งกลัวตาย เขาจะเอาเงินก่อนแสนนึง ผมก็ใจดี เลิกไปแล้วนะปี 65 เลิกรอบสอง ผมก็ใจดีโอนเงินให้เขา 1 แสน เป็นค่าเข้ารพ.สมิติเวช เขาไปตอบเอฟซีเขาว่าเขาท้อง เขาแท้งนอกมดลูกอะไรก็ไม่รู้ เขาท้องกับไอ้ทหารนั่นแหละ เขาบอกว่าท้องนอกมดลูก ผมก็ไม่รู้ ผมให้เงินไป

พอปลายปี 65 เขามีปัญหากับพ่อแม่เขาอีก เรื่องการบริหารจัดการบริษัท ญาติเขาปลดพนักงานออก พนักงานก็ฟ้องแรงงาน หนึ่งต้องหาเงินมาประกันตัวที่ศาลแรงงาน เขาไปถอนเงินที่ธนาคารกรุงเทพ มีเงินก้อนสุดท้ายเกือบๆ ล้าน เขาก็ไปถอน ตอนนั้นเขาคบกับทหาร แต่มีอะไรชอบมาปรึกษาผม ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก เพราะเราก็มีลูกด้วยกัน เขาทะเลาะกับแม่เพราะแม่จะเอาเงินก้อนนี้ แต่เขาจะเอาเงินไปวางศาล สุดท้ายเขาก็เอาเงินไปวางศาล แล้วหนีพ่อแม่ไปอยู่สุพรรณ กับเพื่อนที่ชื่อรุ่งนภา ไปทำแบรนด์อยู่ที่สุพรรณ อ.สามชุก ไปกับผัวที่เป็นทหาร แล้วเริ่มทะเลาะเบาะแว้งกับแม่เขา
 
ซึ่งเพื่อนคนนั้นก็ฟ้องเขาอยู่ 3 คดี เบื้องต้นที่ถามมา คดีแรกเป็นคดีอาญาที่เกี่ยวกับยักยอกเงิน คดีที่สองขึ้นศาลวันนี้แต่เขาไม่ได้ไปหรอก เขาขึ้นศาลกับผม เกี่ยวกับพรีเซ็นเตอร์ทำแบรนด์ คดีที่สามเขาจะฟ้องอะไรอีกก็ไม่รู้ ระหว่างอยู่กับรุ่งนภา ปลายปี 65 ก็เริ่มตั้งเรื่องด่าพ่อแม่เขา มีเป็นอีพีเลย เหมือนตอนนี้ที่เป็นอีพีกับผม อีพีสโนไวท์ ลุงป้าเอาเขาไปทำแท้ง ไล่เรียงเงินที่หายไปมูลค่า 60 กว่าล้าน ที่ไปอยู่กับพ่อแม่เขา เขาเริ่มตั้งเรื่องฟ้อง ให้ทนายเตรียมร่างฟ้อง แต่พ่อแม่เขามาเคลียร์ก่อน กับแฟลชด้วยส่งลูกน้องมาชอบพอกับยายหนึ่ง หนึ่งก็อ้างกับรุ่งว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านเพื่อเลี้ยงลูก อยากพาลูกไปโรงเรียน เพราะป่วยซึมเศร้า แต่จริงๆ มันเป็นแผน ผมไม่รู้แผนนี้หรอก ผมคิดว่ายังไงแม่เขาก็ดีกับคนอื่น ยังได้เลี้ยงลูกเฒ่า ลูกอยากไปอยู่กับแม่ก็ไป ตามใจลูก จนลูกไม่อยากอยู่กับผม
 
พอถึง 66 เขาคบกับทีมงานแฟลช ตร.แฟลช ผมรู้จาก โอ๋ เจ้าของโรงงาน ที่เขาเอาโฉนดหมูสีสองใบไปใช้หนี้กับโอ๋เจ้าของเครื่องสำอาง กาแฟ เงิน 20 ล้านที่เป็นหนี้ ก็เล่าให้ฟังว่าเขาบอกว่าคบคนนี้อยู่นะ ตอนนี้เขาโลกสองใบนะ เขาคบทหารอยู่แล้วก็คบตร.คนนี้อยู่ พอรู้ว่าผมรู้นี่หว่า เขาก็ไลน์ไปถามเจ๊โอ๋ว่าหนึ่งไม่สมควรคุยกับพี่วิชใช่ไหม เหมือนพี่วิชเขาจะรู้ จากนั้นเขาก็ไลน์มาหาผมมิ.ย.66 ว่าหนึ่งฝากลูกด้วยนะ ตอนนี้หนึ่งยุ่งๆ มีเรื่องมีราวเยอะ จากนั้นก็ไม่เคยโทรหาลูกผมอีกเลย มิ.ย.66 แล้วมาฟ้องเรื่องลูก 17 เม.ย. 67 หนึ่งปีลูกผมอยู่อย่างไม่มีแม่ ผมต้องย้ายลูก เนื่องจากค่าเรียนที่เมกะฯ เราไม่มีตังค์แล้ว ปีนึงตั้ง 5-6 แสน ผมก็ส่งลูกไปเรียนที่อุทัยฯ จนขึ้นป.2 จนจบป.2 ทุกวันนี้

แพมเพิส นม ต่างๆ ผมก็ซื้อให้ลูกอยู่คนเดียว ผมยังต้องวิ่งไปทำงานที่เมืองกาญจน์ เพราะทีมงานเขาร้องเรียนผมไปสู่จเรตำรวจแห่งชาติ ว่าผมไม่ค่อยไปทำงาน ผมก็โดนสอบ โดนตั้งกรรมการ ตั้งแต่ต้นปี 66 ทีมงานพ่อแม่เขาแหละเขาไม่ชอบผม ก็ไปร้องเรียนผมต่อจเรฯ ว่าผมไม่ไปทำงาน ประวัติผมก็ต้องมาด่างพร้อย ผมไปทำงานบ้างไม่ไปทำงานบ้าง เพราะผมติดนาว (ลูก) นี่แหละ เรื่องจริงก็เป็นแบบนี้

เขามาตั้งเรื่องฟ้องผม ตั้งแต่ปลายปี 66 ให้มาฟ้องเกี่ยวกับคนก่อสร้างที่ควายนา ผมหาเงินใช้หนี้เขาหัวโต เขารู้กันกับคนก่อสร้าง เพราะตอนสร้างควายนาคาเฟ่ ผมยังมีตังค์อยู่ เราเป็นผู้บริหารซีเนเซ่แต่พอเขาไปแล้วผมรับผิดชอบคนเดียว เขาก็ให้ทนายปัจจุบัน ให้มาฟ้องผมเรื่องสิ่งก่อสร้าง ให้ฟ้องเขาจำเลยที่หนึ่ง ฟ้องผมจำเลยที่สอง ดูสิ ตอนปลายปี 66 ผมก็ยอมรับผิดชอบคนเดียว คิดว่าเจ๊หนึ่งไม่น่ารู้เรื่อง ที่ตรงนี้ก็เป็นที่เรา ค่าก่อสร้างที่ฟ้องเกือบๆ 9 ล้าน ผมก็บอกเจ้าหนี้ว่าผมรับผิดชอบคนเดียว เบื้องต้นผมทำข้อตกลงก็จ่ายเงินเขาไป 2.6 ล้าน ทยอยจ่าย

วันที่ผมไม่มีเลย ทนายคนนี้ก็อายัดบังคับที่ดินของผมเลย ทั้งที่ผมรับผิดชอบคนเดียวนะ เจ๊หนึ่งไม่ต้องรับผิดชอบ เจ๊หนึ่งไม่ไปศาลด้วย แต่เจ๊หนึ่งรู้ว่าทนายจะฟ้องผม พอเขาเห็นผมง่าย เขาก็ใช้ทนายคนเดิมนี่แหละฟ้องสินทรัพย์แบ่งอีก ที่ผมไปขึ้นศาลตอนนี้ จะแบ่งควายนา ผมก็ไม่คิดอะไร ฟ้องก็ฟ้อง”

ทนไม่ไหวฟ้องเอาลูกคืน ทั้งที่ลูกไม่เรียกแม่แล้ว 1 ปีไม่เคยมาหาลูก
“ก่อนวันเกิดลูก ศาลเยาวชนมาอีก ผมโดนเขาฟ้องเอาลูกอีก นี่เป็นหัวใจของผม ผมก็ไม่อยากบอกลูก วันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา วันเกิดลูก แม่ผมให้เงินเป็นของขวัญวันเกิดนาวหมื่นนึงแต่นาวเขารู้ว่าผมไม่มีเงิน เพราะเพิ่งจ่ายที่เขาบังคับคดีที่ดินไป 2 ล้านเมื่อวันที่ 20 เม.ย. แล้วผมต้องหาเงินให้ทนายไปขึ้นศาลวันที่ 29 เม.ย.อีกหนึ่งแสน ผมก็ไม่มีเงินเลย นาวรู้ว่าเดี๋ยวย่าให้เงิน ผมก็เลยถ่ายคลิปไว้ว่านาวให้เงินพ่อ นาวก็พูดเองว่าให้เงินพ่อไปสู้คดีกับยัยหนึ่ง เป็นค่าทนายสู้คดีกับยัยหนึ่ง

ตอนแรกไม่อยากโพสต์หรอก แต่หลังๆ ผมเก็บกดในหัวใจ โดนรังแกเยอะเหลือเกิน ผมก็โพสต์ไป มันก็เห็น ทีนี้ไลฟ์ด่าผม หาว่าผมสอนลูกให้ด่าแม่มัน จริงๆ ลูกผมไม่ได้เรียกแม่แล้ว ลูกเรียกยัยหนึ่ง เพราะทิ้งมันไปตั้งแต่มิ.ย. 66 มาเกือบปีแล้ว แต่นาวผมว่ารักแม่มากกว่าผมอีก มันถือตุ๊กตาแคร์แบร์ที่แม่ให้นอนกอด ตุ๊กตามอมแมม แคร์แบร์สีชมพู ไอ้นาวจะนอนกอด ไปไหนก็ไม่ทิ้งตัวนี้ เพราะแม่เขาซื้อให้
 
ผมก็คิดว่าคุณเป็นแม่ประสาอะไร ตอนนี้มาฟ้องจะเอาลูกกลับไปอยู่ แต่ทำไมตลอดเวลา 1 ปีไม่คิดโทร.หาลูก คุณลั้ลลา ใฝ่หาผู้ชาย คุณแต่งงานกับทหาร ได้กับตร.ที่อยู่แฟลช ได้กับตร.จราจรกลาง คุณโพสต์ประกาศหาสเปก สูง 170 ขึ้นขอเป็นทหาร ตร.เท่านั้น คุณเต้นโยกไปโยกมาตอนสงกรานต์ ถือแก้วเหล้า แต่พอวันเกิดลูกคุณให้ของขวัญด้วยการจะฟ้องเอาลูกคืน แล้วถ้าลูกผมไปแล้วจะอยู่ยังไง ถ้าคนใจรักจริงจะต้องโทรหา ถ้าไม่โทรหาก็ต้องไปโรงเรียนเพื่อขอเจอลูก

ผมไม่เคยกีดกันอะไรเลย เขาไม่ติดต่อกลับมาเอง เขาก็ยัดข้อหาให้ผม ตอนนั้นขากำลังอินเลิฟ ถ้าเขาอินเลิฟเขาไม่โทร.หรอก ตอนนี้ไม่มีใครรักเขาแล้วไง เขาก็เลยต้องแสวงหาคนรัก ผมมองว่าเขาเป็นผู้ป่วย ตอนเขามีแฟน พอรู้ว่าผมรู้ เขาก็ทำฟอร์มฝากลูก แล้วเขาก็ไปคบตร.ยศจ่าทำงานแฟลช”
 
ฉะเป็นซึมเศร้าไม่จริง ใฝ่หาแต่ผู้ชาย
“ผมเป็นผู้ชาย แต่เขาเป็นผู้หญิง มีลูกทำไมไม่มาหาเขาล่ะ ถ้าพูดว่าผมเป็นสาเหตุทำให้เขาซึมเศร้า ไบโพลาร์ ถามว่าทำไมต้องแสวงหาผู้ชายไปเรื่อยๆ ล่ะแล้วผมจะให้ลูกไปอยู่ด้วยได้ไง ในเมื่อบนเตียง ผู้ชายอยู่ฝังขวา คุณเอาลูกผมอยู่ฝั่งซ้าย คุณอยู่ตรงกลาง อ้าว! แล้วลูกคุณคนโตที่ชื่อโมจิ ยังอยู่มัธยมเอง ทำไมคุณให้ลูกคุณมีแฟนแล้วมานอนด้วยทุกวันศุกร์ เสาร์ ลูกผมก็พูด ทำไมคุณสนับสนุนอย่างนั้นล่ะ ความเป็นผู้ป่วยมันใช่เหรอ มันป่วยไม่จริง เขาสร้างกระแส เขาชอบเป็นกระแส ลูกผมนอนเตียงเดียวกับผู้ชายเขาไอ้แฟนที่ชื่อโอที่เป็นทหาร แล้วบอกลูกว่าอย่าไปบอกพ่อ มันก็ไม่ถูกใช่ไหม”
 
เชื่อฟ้องเพราะหมดหนทางเรื่องเงิน
“ใช่ เขาหมดหนทางเรื่องเงิน ตอนแบ่งผมต้องทำพินัยกรรมให้ลูก เขาถามว่ายกให้ลูกยัง ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมาเร่งให้ผมโอนที่ดินให้ลูกหรือยัง เพิ่งถึงบางอ้อว่าเราไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตร ถ้าโอนปุ๊บสิทธิ์ความเป็นแม่จะเข้ามาครอบครองดูแลได้ทั้งหมด มันก็หมดไปอีก ประกอบกับเขาอ้างว่าผมมีเมียแล้วนี่ ก็เลยมาทำให้เป็นเรื่องเป็นราว สร้างขึ้นมาอีก
 
ที่ดินที่ควายนาฯ ผมยังโอนเป็นของลูกไม่ได้ แต่ผมทำพินัยกรรมให้ลูกหมด ไม่ว่าจะที่ต่างๆ เขาก็ทำพินัยกรรม ตอนเขียนข้อตกลงบันทึกกัน แต่เขาเอาไปชดใช้หนี้กรณีพิพาทหมดแล้ว พอหมดแล้ว ซับพลายเออร์ต่างๆ ทวงหนี้เขา จะฟ้องเขา ก็เลยหันมาฟ้องผมก่อน เพื่อหาเงินจากผมไป ที่ดินยังโอนไปให้ลูกไม่ได้ ที่ดินผมเวลาซื้อมาควายนาคาเฟ่ ไร่ละ 8.5 หมื่น 70 กว่าไร่ แต่ที่ดินคีรีมายาของเขาไร่เดียว ตอนซื้อก็ 14 ล้านกว่าๆ แล้ว ควายผมก็เหลือไม่เยอะหรอกผมก็ต้องทำมาหากิน ทำมาค้าไป ตอนเขาอยู่เราก็มีโปรเจกต์อะไรต่างๆ แม้แต่โปรเจกต์ที่มีการแสดงในเวลาสิ้นปี เหมือนเฟสติวัล ควายนาคาเฟ่ ปีแรกปี 63

พอปี 64 เราแพลนงาน ต้องจ่ายเงินจ้าง ไม่ว่าจะเป็นศรราม น้ำเพชร ปี 64 ดนตรีลูกทุ่งที่พ่อไวพจน์ประสาน การแสดงต่างๆ เราต้องจองบุ๊กเขาไว้ล่วงหน้า แต่ปี 64 เขาไม่ให้ผมยุ่ง ผมก็ต้องขวนขวายหาเงินจ่าย เพราะเราจองไปแล้ว ก็เป็นเงินค้าควายต่างๆ แล้วต้องหาเงินจ่ายค่าเรียนลูกปีละ 6 แสน สองล้านที่ผมฝากไว้ให้ลูกก็เป็นเงินที่เขาค้าขายควายเก็บหอมรอมริบ ไหนจะเงินที่เขามายืมผม ไหนจะเงินที่ผมช่วยเขาซื้อสินค้า ตอนนั้นเขาให้ผมออกไปแล้วนะ

ปลายปี 64 ผมเห็นเขาทำท่าจะล่มจม ผมก็เอาเงินส่วนตัวผมช่วยซื้อสินค้าจากเจ๊โอ๋ โดยใช้ในนามเฮียเหมา เราเลิกแล้วก็ยังคุยอยู่ ไม่อยากให้แม่เขารู้ แต่ซื้อไปก็ทุนหายกำไรหด ผมซื้อบิลนี้แสน ก็ขอกำไร 5 บาทต่อชิ้นเพื่อเอามาเลี้ยงลูก เขาก็ให้ผมแสนห้าพัน แสนหมื่น แต่พรุ่งนี้เขาก็สั่งของสองแสน เพิ่มไปเรื่อยๆ จนเขาไม่มีเงินให้ผม จนเขาต้องเอารถออดี้มาให้ผม รถคันนี้เสียแล้วซ่อมอยู่ มันเป็นการใช้หนี้ผม เพราะรถออดี้เป็นชื่อบริษัท ใช้หนี้ผมเป็นเงิน 1.6 ล้าน แต่ขายได้แค่ 1.2 ล้านเพราะเครื่องมันพัง”

ส่วนรถหรู 70 ล้านไม่ถึงหรอก คาเยนน์ ซื้อในนามบริษัท ผมก็ให้ เขาก็เอาไปขายที่เจ๊เอ๋ เออีวายออโต้ เจ๊เอ๋ก็เป็นฝ่ายโอนเงินให้เจ๊หนึ่ง มันมีสลิปโอนอยู่แล้ว 718 คันสีม่วงก็เป็นชื่อเจ๊หนึ่ง ของบริษัท ไปจอดขายก็ขายดาวน์สู่คุณหนึ่ง บางปู โอนเงินไปคุณหนึ่งบางปู มีมินิคูเปอร์อีกคันรุ่นเดียวกับที่เป็นข่าว มินิคูเปอร์ จีพี ตอนนั้นเป็นป้ายแดง ที่เซลล์บอกว่าจะใส่ชื่อพี่วิชหรือยังไงคะ ผมเห็นเขาเดือดร้อนปลายปี 64 ก็บอกว่าไม่เป็นไร ใส่ชื่อเจ๊หนึ่งก็ได้ คันนั้นซื้อเงินสด ผมให้เขา เขาก็เอาไปขายเต็นท์ ราคาน่าจะ 3 ล้านอัป พร้อมทะเบียนด้วย ทะเบียนสวย นั่นคือส่วนที่เขาได้ไป

รวมๆ ก็เกือบ 10 ล้าน เฉพาะรถ ผมเห็นว่ารถมินิคูเปอร์ ลูกผมรักมาก เหลือที่เจ๊เอ๋อีกคัน ก็เลยไปดาวน์มินิคูเปอร์ล้านกว่าบาท มาใช้กันสองคนพ่อลูก เขาเห็นผมเริ่มมี ก็เริ่มกลับมาหลอกผมแต่งงาน เอาภาพมินิคูเปอร์อีกคันมาบวกกับควายสองตัวเป็นสินสอด ให้ดูหรูหราหมาเห่าใหญ่โต ปวิชก็โดนหลอกอีก ที่บอกสินสอดเป็นร้อยล้าน อะไรร้อยล้านเขาก็ไม่รู้

ส่วนควาย 4-5 ตัวยังอยู่ วันนี้เขาฟ้องให้ผมคุ้มครองควายพวกมังกรฟ้า เรามองว่ามันไมได้มูลค่าอะไรขนาดนั้น วันนี้ถ้ามันตายก็ไม่มีมูลค่า เพราะตีราคาตามเนื้อ เป็นมูลค่าที่พึงพอใจจะสร้างกระแสกันว่ากี่ล้านๆ เขาก็ฟ้องว่าให้ศาลคุ้มครองควาย 5 ตัวที่ ซึ่งเราเอาไว้ขายน้ำเชื้อไง คุ้มครองก็คุ้มครอง เพราะผมไมได้ขายแล้ว บางอย่างมันเป็นความรักของลูกกับควาย มันเป็นความผูกพันของลูกสาวผมกับควาย ที่ลูกชอบไปกอดควาย มังกรฟ้าถ้าขายก็ไม่ได้กันจริงจังหรอก เราไม่เคยขาย ตอนนั้นเป็นมูลค่าที่เขาไปโพสต์เอง ไปเพ้อเอง 20 ล้าน สไตล์เจ๊หนึ่งพูดให้ดูดี ดูเวอร์ ดูแพง”
 
โต้ฮุบสมบัติ 100 ล้าน
“ถามจริง ค่าหญ้ามันวันละเท่าไหร่ล่ะ ปวิชจ่าย ค่าคนจ้างเลี้ยงดูทุกวันนี้ ใครจ่าย ปวิชจ่าย ค่าหมอที่รักษาใครจ่าย ปวิชจ่าย ในนั้นแบ่งกันหมดแล้ว เขาไม่ให้ผมไปยุ่งเกี่ยวกับบริษัทซิเนเซ่เขา เพราะในบริษัทเขามีเงินหมุนเวียนเยอะ แต่พอมันพัง เขาก็เอาของผมไปรวมใหม่ ตอนดีเขาไม่ให้ไปอยู่

ผมเป็นคนถือเงินตอนอยู่ด้วยกัน แต่บางอย่างเรื่องการสั่งซื้อของ หรือซื้ออะไรต่างๆ การทำตลาดยิงโฆษณาในเฟซบุ๊กคือเขา ผมไม่รู้หรอกว่าเขายิงจริงหรือปลอม ทุกวันนี้เขายังมีคดีความกับรุ่งเลย บอกรุ่งว่ายิงโฆษณาเท่านี้ แต่พอไปดูเส้นทางการยิงมันจ่ายไม่ตรง เขาบอกเราว่ายิงโฆษณาวันละ 5 แสน เราไม่มีความรู้ก็เชื่อ แต่รุ่งมันมีคดีความกัน มันก็ไปสืบไปเจาะดูว่าจ่ายจริงไหม สรุปจ่ายไม่จริง คุณยักยอกเงินไปให้ผู้ชาย เราไม่มีความรู้เฟซบุ๊ก เขาบอกเท่าไหร่ก็เท่านั้น”

ขอสู้เพื่อลูกสาว  
“ผมก็สู้เขาไปตามพยานหลักฐาน ผมไม่ได้อยากได้ทรัพย์สินที่ผมมีหรอก ผมก็ถือครอบครองแค่ส่วนที่ผมมีไว้ให้ลูกสาวแค่นั้น แต่ว่าเราจะไปยกให้ลูกสาวตอนนี้ทำไม่ได้ นอกจากผมเป็นผู้ดูแลลูกเด็ดขาด ผมถึงจะยกให้ลูกได้ ถ้าไปแบ่งครึ่งกรรมสิทธิ์ในการดูแลลูกก็ไม่สมบูรณ์อีก ไม่รู้จะให้ยังไง ให้ไปเขาก็เอาไปบริหารจัดการอีก
 
ถึงหนึ่งอุ้มท้อง แต่ตนเป็นผู้ชายที่เลี้ยงลูก ไม่เคยทิ้งลูก 
“เขามาฟ้องเรื่องลูกเพื่อจะได้สมบัติ เพราะรู้ว่าหัวใจของผมคือนาว เขารู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าเขาเลี้ยงนาวหรือผมเลี้ยวนาว ใช่ เขาอุ้มท้องมา แต่ผมเป็นผู้ชายที่เลี้ยงลูก ผมไม่ค่อยทิ้งลูกจนผมถูกร้องเรียนว่าไม่ไปทำงาน เขาหาเรื่องหาเหตุร้องเรียน เพราะบางทีไปช้าบ้าง ไปสาย ไปน้อย ก็เพราะผมห่วงลูก ลูกผมไม่มีใครดู ณ ตอนนั้นก็ไม่มีแฟนใหม่ที่มานั่งดู ทุกวันนี้ต่อให้ผมมีใครก็ไม่ให้ใครมาดูลูกผม นอกจากสายเลือดผม พ่อแม่ผมที่มาดูแล”

มีแฟนใหม่ แต่ไม่ได้อยู่ร่วมกันแบบผัวเมีย 24 ชม.
“การคบกันผมก็ไม่ได้บอกว่าเขาจะมาเป็นเมียผมที่แท้จริง เหมือนต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างไป เขามาบ้างไม่มาบ้างเพราะมีธุรกิจของเขา ไม่ได้อยู่ถาวร เขาไปๆ มาๆ เขามีธุรกิจของเขา ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแบบผัวเมีย 24 ชม. ต่างฝ่ายต่างมีงานทำ ต่างฝ่ายต่างไป ผมจำเป็นต้องดูแลลูกเป็นหลัก
 
ปัญหาคือเขาต้องการสิทธิ์ลูกเพื่อได้ทรัพย์สมบัติ เราก็ปกป้องสิทธิ์ของลูก กลัวสมบัติจะหมด เขาไมได้มองว่าอนาคตลูกจะก้าวดีก้าวไปสู่ทิศทางที่ดีเหมือนปากที่เขาพูด ในการแสดง ในการร้องไห้ต่างๆ มันไม่ใช่จริงๆ ถ้าเรารักเด็ก ถามหัวใจคนเป็นแม่ ต่อให้ถูกกีดกันแค่ไหนก็ต้องมา ต่อให้ผ่านเหว ผ่านฟ้าอากาศประเทศไหน มันก็ต้องดิ้นรนไปหา ไม่ได้ไปก็ต้องโทรไป จิตใจคนเป็นแม่มันยิ่งกว่าพ่ออีก”
 
ไม่เคยขู่ยิงทิ้ง มีแต่อดีตเมียจะหาคนมากระทืบตน
“ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตร. อาชีพรับราชการ ไม่ต้องพูดว่าปืนหรอก ผมไม่เคยใช้คำพูดขู่หรือกีดกันตามที่เขากล่าวหาเลย เขาจะกล่าวหาอะไรก็ได้ แต่เขาไม่มีพยานหลักฐาน ว่าปวิชกีดกันตรงไหน ถึงไม่ให้ดูลูก เขาก็ไม่มี ไปขู่เข็ญตรงไหนไม่ให้ยุ่งเกี่ยวทรัพย์สิน ก็ไม่มี ไม่เคยพูดฝากใครข่มขู่ ไม่เคยโทรศัพท์ติดต่อเขา มีแต่เขาที่ไม่ติดต่อกับทางนี้ แล้วอยู่ดีๆ ก็ตัดสินใจฟ้อง เพราะเราถ่ายคลิปลูกอยากเอาเงินมาช่วยพ่อ แค่นั้นแหละเป็นเรื่องเป็นราว หาโหนกระแสบ้าง จะไปหาท่านเรวัชบ้าง หาท่านกัน จอมพลังบ้าง เอามากระทืบผม

เขาเปิดฉากฟ้องเอง ทุกอย่างก็แบ่งแล้ว แบ่งใหม่อีก หลักฐานก็มีว่าเมื่อ 5 มิ.ย. 66 ฝากช่วยดูลูก แต่ย้อนไปดูอดีต คุณอยู่กับผู้ชาย ตร. ทหารเท่านั้น มีหลักฐาน แล้วมาพูดว่าไม่เคยแต่งงาน โสด ใช่ครับ เพราะที่ผ่านมา 3-4 คนเขาเลิกแล้ว เขาก็คงทนไม่ไหว กำลังประกาศหาใหม่อยู่นะตอนนี้ สเปก 170 เซนฯ ทหาร ตร. เท่านั้น ความชอบส่วนบุคคล คุณประกาศได้ แต่เดินมาหาลูก คุณเดินมาหาไม่ได้ สงสารลูกที่ถือตุ๊กคาแคร์แบร์ ผมรู้ใจนาวว่าคิดถึงแม่มัน แต่ตอนนี้นาวไม่คิดถึงแม่แล้ว”

ลูกไม่เรียกแม่ เป็นความคับแค้นใจของเด็ก
“เขาไม่เรียกแม่ เรียกว่ายัยหนึ่ง คิดว่าคงเป็นความคับแค้นใจของเด็ก ผมไม่เคยสอน ตอนนี้น้องกำลังจะ 9 ขวบแล้ว เมื่อกี้เขาก็โทร.ถามว่าพ่อชนะคดีไหม เราก็บอกว่ายังหรอกลูก เขาต้องตัดสินดูโน่นนี่อีก เขาก็เป็นห่วงผม เขารู้ผมไม่มีเงิน ผมยังขอเงินแม่ผมอยู่เลย แม่ผมอายุ 70-80 แม่ยังโอนเงินให้ผมใช้ เราไม่มีเงินจริงๆ ผมมีเงินก็เอาไปจ่ายเรื่องสิ่งก่อสร้างที่เขาบังคับคดีที่ดิน ไม่งั้นทุกอย่างก็จะหมด
 
ควายนาคาเฟ่ผมก็อดทนทำไป ไม่มีส่วนกำไร มีแต่เสมอตัวกับเข้าเนื้อ ค่าไฟก็เดือนเป็นหมื่นแล้ว ไม่เหลือ เข้าเนื้อผม ผมมองว่าทำมันไป เดี๋ยววันนึงมันคงดีขึ้น อีกอย่างชาวบ้านที่เป็นลูกน้องเก่าที่อยู่กันแค่สองสามคน เขายังมีงานทำ เกิดวันนึงมันดีขึ้น นาวมาเป็นผู้บริหาร ยังเป็นควายนาคาเฟ่ ยังมีบริหารเล็กๆ น้อยๆ อยู่ ดีกว่าทำไปแล้วทิ้ง ถ้าผมทิ้งต้องทิ้งตั้งแต่วันที่เขามาฟ้องค่าก่อสร้าง 8 ล้านกว่า ผมหาเงิน 8 ล้าน ผมไปหาที่อยู่ใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ แต่ผมสู้ ผมก็เปิดไปของผมแบบนี้”

ไม่ไปโหนกระแส แต่ขอไปศาล ไม่อยากปล่อยเรื่องให้เนิ่นนาน หวั่นเป็นแผลในใจเด็ก
“เรื่องไปโหนกระแส ผมไม่ไปหรอก ไปศาลเลย จริงๆ ถ้าเขาอยากได้ลูกไม่ควรปล่อยให้เนิ่นนาน มันเป็นแผลต่อจิตใจเด็ก อีกอย่างเราไม่ได้กีดกัน เรื่องลูกต่างฝ่ายต่างช่วยกันเลี้ยง แต่เขาไม่เลี้ยงเอง เพราะเขามีผู้ชาย แต่วันนี้เขาไม่มีผู้ชายแล้ว เขาหมดเงินแล้ว ก็มาตั้งเรื่องฟ้องเรา มาเอาทรัพย์สิน

ผมว่าคนเราเรื่องลูกต้องรีบนะ ลูกจะเรียนยังไง โรงเรียนเมกะฯ เขามีค่ามัดจำ เขาโอนคืนค่าประกันให้เป็นแสน เจ๊หนึ่งก็รับนี่ แต่ไม่ย้อนถามนาวบ้างว่าป.2 จะเรียนยังไง ถามว่าเขาจะไม่รู้เหรอ ผมสร้างเพจนาวก็มี เขาก็รู้ ควายนาก็มีรูปนาว แต่เขาไม่เคยคิดจะติดต่อ พอถึงเวลาก็แคปภาพเอาเรื่องราวว่าลูกกระเซอะกระเซิงตัวดำตัวผอม ถามว่าลูกจะไม่ยืดตัวเหรอ เด็ก 8-9 ขวบจะไม่สูงขึ้นเหรอ จะมาอ้วนปุ๊กลุ๊กเอาภาพเมื่อ 3 ปีมาใช้ได้เหรอ ถ้าผมเลี้ยงลูกไม่ดี จะเรียนได้เกรด 3.87 เหรอ นาวก็มีความอดทน แต่ผมคิดว่าจิตใจนาวก็บอบช้ำเยอะ”











กำลังโหลดความคิดเห็น