xs
xsm
sm
md
lg

“มิว-ตุลย์” จากรุ่นน้องสถาปัตย์ พี่วิศวะ สู่สถานะล่าสุดคนรู้ใจ คบกันแล้วทำให้สุขภาพจิตดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“มิว ศุภศิษฎ์” ควง “ตุลย์ ภากร” ออกอีเวนต์แรก ลั่นคุยกันสองคนเขินกว่านี้ บอกเราเป็นคนรู้ใจ เป็นพาร์ตเนอร์ที่ซัปพอร์ตกัน สร้างตำนาน น้องสถาปัตย์ พี่วิศวะ เป็นความรักที่ทำให้สุขภาพจิตดี สัมพันธ์ปล่อยจอย หนุนสมรสเท่าเทียมมาตลอด แฮปปี้ใกล้ความจริงแล้ว

หลังออกมาเปิดตัวคบหาดูใจกัน ล่าสุด “มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์” และ “ตุลย์ ภากร ธนศรีวนิชชัย” ก็ควงแขนออกเวนต์ด้วยกันเป็นครั้งแรกในงานนวัตกรรมเครื่องยกกระชับ UItherapy Seenomenon fest ที่สยามสแควร์ ซึ่งทั้งสองคนยอมรับว่าตื่นเต้นมากๆ ส่วนสัมพันธ์ตอนนี้ปล่อยจอย ยกเป็นคนรู้ใจ พาร์ตเนอร์ ที่เข้าใจกัน
 
มิว : “ใช่ครับ ตื่นเต้นครับผม”

ตุลย์ : “ก็ข่มความตื่นเต้นไว้ครับ แต่อุ่นใจอยู่แล้วครับ พี่มิวเขาพูดเก่งเขาเอาอยู่”

มิว : “ถามว่าทำไมประเดิมงานแรกด้วยกัน ก็คิดว่าเป็นช่วงเวลาที่ดี หลังจากที่เราไปเที่ยวกันมาไปพักผ่อนกันมาเมื่อช่วงวันสงกรานต์ ก็รู้สึกว่าหลังจากที่ผ่านมา ก็ได้ไปพบปะครอบครัวและรู้สึกว่าห่างหายจากการที่ไปอีเวนต์ และก็รู้สึกว่ากลับมาหลังสงกรานต์มีงานคู่กันแล้วกัน”

ตุลย์ : “พี่มิวเขาทำงานในวงการบันเทิงเป็นหลัก เราก็จะมีบางทริปที่เราช่วยทำอะไรได้ เราก็ไปกับเขาด้วย เผลอๆ ได้ช่วยหยิบจับอะไร”

มิว : “ก่อนหน้านี้ก็จะเป็นงานคู่ถ่ายแบบ ถ่ายแฟชั่นที่ไปคู่กัน งานคู่ติดต่อเยอะ มีแฟนมิตติ้งด้วย แต่ว่ายังไม่ได้ตอบตกลงว่าจะอะไรยังไงดี เพราะว่าเหมือนทุกวันนี้จะทำธุรกิจ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวแม่เขาจะด่าผม”

ตุลย์พักงานในวงการ เพราะต้องบริหารงานครอบครัว
ตุลย์ : “คือเรื่องบริหารงานมาทำงานในวงการตุลย์ยังทำได้ไม่ดีครับ ทีนี้เรายังมีภาระที่ต้องทำงานกับที่บ้านเยอะ ช่วงนี้ก็เป็นช่วงส่วนสำคัญในการทำโครงการ ก็เลยเลือก ถ้าบริหารเวลาได้ก็จะรับงาน แต่ว่าก็เหมือนจะเฟดๆ ลง ซีรีส์ก็ยังไม่พร้อมจะรับเลย มีซีรีส์ติดต่อมาเยอะมาก แต่ในเมื่อเราไม่สามารถบริหารเวลาให้ไปถ่ายได้ในขณะที่ต้องทำงานประจำไปด้วยครับ ตอนนี้ก็ทำงานกับที่บ้านเป็นหลักครับ งานคู่ก็เดี๋ยวดูตามความเหมาะสมครับ แต่ติดที่เรื่องการบริหารตัวเองนี่แหละว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ได้”

มิว : “มีพี่เขาติดต่อมาให้เล่นซีรีส์คู่กันเยอะมากเลยครับ”

ยกเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดี ไม่ต้องรู้คบกันแบบไหน
มิว : “จะเรียกว่าคู่จิ้นหรือเปล่า (นักข่าวถามหรือคู่จริง เจ้าตัวหัวเราะ)”

ตุลย์ : “คู่จิ้นมีแล้ว เป็นคู่อื่นบ้าง(หัวเราะ) เป็นอะไรก็ได้เพราะโตแล้ว ปล่อยจอย เป็นคู่ปล่อยจอย”

มิว : “เป็นคู่ที่พัฒนาความสัมพันธ์”

ตุลย์ : “เป็นพาร์ตเนอร์”

มิว : “เป็นคนรู้ใจกำลังดีใช่ไหม เป็นพาร์ตเนอร์ที่ดี ถ้าให้จำกัดความ ก็คิดว่า เหมือน…”

ตุลย์ : ”ก็อย่างนั้นแหละ อะไรก็ได้ ไม่ต้องรู้หรอกว่าเราคบกันแบบไหน ก็เป็นพาร์ตเนอร์กันครับ ที่เขาให้สัมภาษณ์ ถามว่าเห็นไหม ก็ถ้าวันไหนไม่ได้เรียนหนักเกินไป ก็เห็นครับ”

ปล่อยจอย เคารพการตัดสินใจ
ตุลย์ : “ก็ปล่อยจอยครับ พี่มิวเขาเป็นผู้ใหญ่ ถ้าเขาจะพูดอะไร เขาจัดการได้อยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่าเราเคารพการตัดสินใจของพี่เขา ถามว่าเขินไหม โทร.คุยกันเขินกว่านี้อีก (หัวเราะ) ก็เป็นคนที่ใส่ใจความรู้สึก (หัวเราะ)
มิว : “เขินนิดนึง ก่อนหน้านี้สัมภาษณ์คนเดียว ก็เรียกว่าเก็บอาการ (หัวเราะ)”

ครอบครัวให้อิสระในการตัดสินใจ
ตุลย์ : “คือครอบครัวก็ให้อิสระในการตัดสินใจอยู่แล้วครับ ก็ตั้งแต่เรื่องที่จะตัดสินใจไปเรียนหรือเปล่า เขาเชื่อว่าตุลย์เลือกได้หมด เขาเชื่อใจ อย่างเรื่องที่ไปเรียนมาและใช้ความรู้กลับมาในการทำงาน อันนี้คือสำคัญมากกว่า ผมรู้สึกว่าต้องจัดการกับสิ่งนี้ ที่จะเป็นการเจริญเติบโตของเราในอนาคตไปด้วย ฉะนั้นผมก็ให้ความสำคัญกับเป้าหมายระยะยาว แต่ว่าถ้าจะมาทำอะไรหลายๆ อย่างมันก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าเราได้รับโอกาส ในหลายๆ ทาง และเราก็ควรจะคว้าไว้ ที่บ้านก็ไม่ติดเหมือนกันครับ ที่บ้านเคารพการตัดสินใจ ซัปพอร์ตทุกเรื่องครับ เวลาพี่มิวไปบ้าน เขาก็อยากรู้จักพี่มิว เขาทำงานอะไร ก็จะถามว่าเป็นห่วง พักผ่อนพอไหมลูก ประมาณนี้ครับ”

มิว : “ถามว่าเกร็งไหม รู้สึกว่าช่วงเวลาที่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน หรือว่าไปทานข้าวด้วยกันทำความรู้จักกับครอบครัวของตุลย์มาสักระยะหนึ่งแล้ว ก็รู้สึกว่าความเกร็งก็ลดน้อยลงครับ แต่ครั้งแรกที่เจอก็เกร็ง แต่ว่าพอไปเรื่อยๆ ต้องบอกว่าครอบครัวเขาน่ารักมากๆ เรารู้สึกว่าเราผ่อนคลายที่ได้อยู่ด้วยกัน ก็ปล่อยจอยมาก ส่วนเป็นเหมือนคนในครอบครัวไหม ต้องถามคนในครอบครัวเขาสิ”
ตุลย์ : “ครับ ก็ไปมาหาสู่กันได้ตลอด”

เต็มที่กับความรัก
ตุลย์ : “เวลารักอะไรเราก็เต็มที่กับความรัก”

มิว : “พอๆ กันแล้วกัน

ตุลย์ : “ถามว่าทะเลาะกันไหม เอาความเห็นมาคุยกันและกัน”

มิว : “คุยกันเฉยๆ นานๆ ทีเราจะทะเลาะกันที ถามว่าใครชนะ ต้องบอกว่าเรื่องความสัมพันธ์เราจะไม่มีการแพ้ชนะ ต้องบอกว่าการที่เราเอาความเห็นมาคุยกัน เพื่อให้มันดีขึ้นหรือเปล่า ถ้าดีขึ้นเอามาคุยกันได้ แต่ถ้าไม่ดีขึ้นต้องเว้นห่างสักระยะแล้วค่อยกลับมาคุยกัน ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องตลกๆ เขาเคยโกรธผมด้วย เรื่องที่ผมใส่แว่นกันแดดถ่ายรูป เขาหาว่าผมไม่ตั้งใจถ่ายรูป เขาไม่รู้เพราะเขาเห็นแว่นมันดำไง แต่ความจริงแว่นมันใส ปกติก็เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ”

ตุลย์ : “เขาตั้งใจถ่ายไง”

มิว : “จะไม่ตั้งใจได้ยังไงถ่ายทีถ่ายเป็น 100 รูปเลย”

ให้เรียกคนรู้ใจหลังจากนี้ เป็นความรักที่ทำให้สุขภาพจิตดี
มิว : “เป็นคนที่รู้ใจกันก็ได้ เพราะว่าเราสองคนชอบดูดวง เลยรู้ว่าเราเป็นคนยังไง (หัวเราะ)”

ตุลย์ : “รู้ใจหลายเรื่องเลยครับ ก็ต้องใส่ใจ”

มิว : “ความสัมพันธ์ตอนนี้คือเฮลท์ตี้มากๆ เหมือนพออยู่ด้วยกันแล้วได้กำลังใจ แล้วก็ได้พลังงานบวกตลอดเวลา ไม่ว่าต่างฝ่ายต่างมีภาระหน้าที่อะไร ต้องไปทำงาน ไปเจอปัญหาโน่นนี่นั่น แต่พอมา แต่พอได้มาอยู่ด้วยกันรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มันสามารถแก้ไขได้ และก็ทำให้สภาพจิตเราดีมากๆ”
 
มีความเหมือนและต่างที่ลงตัว
มิว : “ปกติพูดกันอยู่แล้ว (หัวเราะ)”

ตุลย์ : “อย่างผมก็เห็นพี่มิวเป็นตัวอย่างในหลายๆ เรื่องครับผม เวลาเจอคนที่แตกต่างกันมีมุมมองที่แตกต่างกันเราก็สามารถเรียนรู้กันและกัน แล้วก็เขาเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรได้แบบช้ามาก เราก็รู้สึกว่า มีหลายๆ เรื่องที่เข้ามาช่วยให้เราปรับปรุงตัวเองและพัฒนาตัวเองได้ และก็ทำให้ความสัมพันธ์ดีครับ”

มิว : “ผมรู้สึกว่าเหมือนทั้งสองคน มีความเหมือนและความต่างที่ลงตัวครับ คือบางทีอย่างที่ตุลย์ บอกว่าผมเป็นคนช้ามาก เขาเป็นคนที่ตัดสินใจเร็วไปหน่อย ก็ต้องมีคนที่คิดหลายๆ ทาง ช่วยคอยตัดสินใจว่า ทางไหนเป็นทางที่ถูกไหม และอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการตัดสินใจขึ้นมานิดนึง เพื่อให้ชีวิตเราดีมากขึ้นในการตัดสินใจ ถามว่าสมบูรณ์แบบไหม ก็ค่อยๆ เรียนรู้เพิ่มมากขึ้นครับ ตั้งแต่รู้จักกันมา 12-13 ปีได้แล้วครับ สมัยนั้นยังเป็นน้องสถาปัตย์ ผมเป็นพี่วิศวะอยู่เลย”

ตุลย์ : “ผมเรียก พี่มิววิศวะ (หัวเราะ)”

หนุนกฎหมายสมรสเท่าเทียมมาตลอด ใกล้ความจริงแล้ว
มิว : “ดีใจครับ ดีใจมาก ต่อไปทิศทางในเรื่องต่างๆ ของประเทศไทยจะไปในทิศทางที่ดีมากขึ้น และก็หวังว่าทุกคนจะแฮปปี้กับชีวิตมากขึ้นในทุกๆ ทางเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคมนาคมในตอนนี้ ก็คิดว่าเป็นทิศทางที่ดีมากขึ้น”

ตุลย์ : “ก็ผ่านร่างเหลือร่างสุดท้ายใช่ไหมครับ อย่างที่หลายๆ คนรู้กันมา ว่าผมกับพี่มิวก็เป็นซัปพอร์ตด้านการสมรสเท่าเทียมมาตลอด อันนี้คือจุดที่ใกล้ความเป็นจริง ผมก็รู้สึกดีใจที่หลายๆ คนก็จะได้ใช้ผลประโยชน์ทางกฎหมาย ตามที่ตอบโจทย์ได้ว่า คนเราจริงๆ ก็เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเพศสภาพไหน ความรักแบบไหน สุดท้ายมันเป็นสิทธิพื้นฐานของคนที่เป็นพลเมือง”

มิว : “ถ้าสมมติว่าร่างกฎหมายผ่านแบบ 100% เราจะมาบอกว่าความสัมพันธ์เป็นยังไง ทุกคนจะได้เคลียร์และได้ช่วยกันรณรงค์เรื่องนี้เพิ่มมากขึ้น ช่วยกันเชียร์ให้ผ่านมากขึ้น เดี๋ยวถึงเวลาค่อยว่ากัน (หัวเราะ)“
ตุลย์ : “ถามว่ารักกันไหม เราซัปพอร์ตกัน”













กำลังโหลดความคิดเห็น