แปลกใจไปตาม ๆ กัน เมื่อมีรายงานว่า เดวิด เบ็คแฮม กำลังฟ้องร้อง มาร์ก วอห์ลเบิร์ก ดาราฮอลลีวู้ดชื่อดัง ซึ่งเป็นอดีตเพื่อนและเพื่อนบ้าน โดย เบ็คแฮม กล่าวหาบริษัท F45 ของ วอห์ลเบิร์ก ว่ามี 'พฤติกรรมฉ้อโกง' จากข้อตกลงร่วมงานกัน และเรียกร้องค่าเสียหายมูลค่า 8.5 ล้านปอนด์
จากข้อมูลของ The Sun บริษัท DB Ventures Ltd ของเบ็คแฮมเริ่มดำเนินคดีกับ F45 Training ของ มาร์ก วอห์ลเบิร์ก มาตั้งแต่ในปี 2022 แล้ว ตอนนั้น เบ็คแฮม ได้ยื่นฟ้องร่วมกับนักกอล์ฟชาวออสเตรเลีย เกร็ก นอร์แมน แต่ผู้พิพากษาก็ขอให้ทั้งสองแยกฟ้องเป็นสองคดี
โดยทั้งคู่กล่าวหาว่า มาร์ก วอห์ลเบิร์ก หลอกให้ทำงานเป็นทูตช่วยโปรโมตโปรแกรมออกกำลังกาย F45 แต่กลับไม่ได้ผลตอบแทนอย่างที่อีกฝ่ายสัญญาเอาไว้
มีรายงานว่าอดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษเสียผลประโยชน์ไป 8.5 ล้านปอนด์ เพราะ F45 ไม่ได้แบ่งหุ้นให้อย่างที่สัญญาเอาไว้ ก่อนที่ราคาหุ้นจะดิ่งลง
ในขณะเดียวกัน มาร์ก วอห์ลเบิร์ก และบริษัทอ้างว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่มีมูลความจริง พร้อมขอให้ศาลยกฟ้องคดีดังกล่าวไป อ้างว่าบริษัทของ เบ็คแฮม กำลังโทษทุกคนยกเว้นตัวเอง
ก่อนหน้านี้ เบ็คแฮม เคยแชร์คลิปต่าง ๆ เพื่อโปรโมต F45 บนอินสตาแกรม แต่ตอนนี้ถูกลบไปแล้ว
F45 ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 ในประเทศออสเตรเลีย โดยนำเสนอโปรแกรมออกกำลังกายที่เข้มข้นเป็นเวลา 45 นาที พร้อมด้วยผู้ฝึกสอนในสตูดิโอ ตามเว็บไซต์ระบุว่า F45 มีสตูดิโอมากกว่า 2,000 แห่งทั่วโลก ในปี 2017 ซึ่งอดีตซูเปอร์สตาร์ NFL เทอร์เรล โอเวนส์ ก็กำลังฟ้องบริษัทที่ไม่จ่ายเงินให้เขามากกว่า 700,000 ดอลลาร์ สำหรับวิดีโอโปรโมต F45 เช่นเดียวกัน วอห์ลเบิร์ก มีฐานะเป็นเจ้าของร่วมของบริษัทดังกล่าว หลังซื้อหุ้น 36% ในปี 2019
สำหรับกรณีของ เบ็คแฮม เขาอ้างว่าบริษัทของตัวเอง DB Ventures Limited ควรจะได้รับ “หุ้นเกือบ 1 ล้านหุ้น” จาก F45 ภายใน 6 เดือนหลังจากธุรกิจเปิดตัว อย่างไรก็ตามบริษัทกลับชักช้าไม่ยอมโอนหุ้นให้ หลังผ่านไป 3 ปี หุ้นของ F45 ตกลงไปเยอะมาก ทำให้ เบ็คแฮม รู้สึกว่าตัวเองเสียผลประโยชน์เป็นมูลค่ามหาศาล
ขณะที่ F45 อ้างว่าบริษัทของพวกเขาไม่สามารถโอนหุ้นให้ได้ตั้งแต่ต้น เพราะกระบวนการต่าง ๆ ต้องใช้เวลานาน ตัวบริษัทเองก็เพิ่งจะก่อตั้ง ทำให้ไม่สามารถโอนได้อย่างอิสระจนกว่าการลงทะเบียนจะมีผล เนื่องจากจะละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลาง
สุดท้ายเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่องก็เลยต้องไปตกลงกันในศาล
ก่อนหน้านี้ เบ็คแฮม และ วอห์ลเบิร์ก อาศัยอยู่ในย่านเบเวอร์ลี่ฮิลส์ในบริเวณใกล้เคียงกัน หลัง เบ็คแฮม มาอยู่ลอสแองเจลิส จนมีโอกาสเริ่มทำธุรกิจด้วยกัน
อย่างไรก็ตามว่ากันว่า ทั้งคู่ "เหม็นหน้ากัน" มานาน ตั้งแต่เมื่อ 15 ปีก่อนที่ เบ็คแฮม ย้ายไปอยู่อเมริกาใหม่ ๆ
ตอนนั้น มาร์ก วอห์ลเบิร์ก ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าการที่ “ครอบครัวเบ็คแฮม” ย้ายมาอยู่ในละแวกของเขาในย่านเบเวอร์ลี่ฮิลส์สุดหรูกลายเป็นการทำลายความสงบของครอบครัว
ตอนนั้น วอห์ลเบิร์ก อ้างว่าชีวิตของตนเองถูก "รบกวน" เพราะมีปาปารัซซี่อยู่ทุกหนทุกแห่ง ที่มาตามถ่ายภาพของ เบ็คแฮม ที่กำลังดังสุด ๆ ในสื่ออเมริกันในขณะนั้น
“แล้วเดวิดกับครอบครัวของเขาก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ ทันใดนั้นเราก็มีปาปารัสซี่ตระเวณอยู่แถวนี้ทั้งวันทั้งคืน ตอนนี้พวกเขาจะติดตามรถทุกคันที่ขับไปตามถนน ผมรับไม่ได้กับเรื่องแบบนี้ เวลาผมพาลูก ๆ ไปที่สวนสาธารณะ ไม่ต้องการให้คนแปลกหน้ามาเอาเลนส์มาจ่อหน้าเรา” เขากล่าว
“ผมไม่ได้บอกให้เบ็คแฮมพาครอบครัวของเขากลับบ้าน ผมแค่ไม่แน่ใจว่าเขาถึงมาอเมริกาตั้งแต่แรกทำไม ฟังนะเพื่อน เราไม่ต้องการฟุตบอลของคุณ” วอห์ลเบิร์ก กล่าวต่อ “ไม่มีทางที่คนอเมริกันจะซื้อหรอก กีฬาที่วิ่งเล่น 90 นาทีโดยที่แทบไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแบบนั้นน่ะ ขอบคุณที่พยายาม แต่เราขอยึดติดกับเบสบอลและบาสเก็ตบอลของเราก็แล้วกัน”
หลังเรื่องนี้เป็นประเด็นวิจารณ์หนักในตอนนั้น มาร์ก วอห์ลเบิร์ก เองได้ออกมาแก้ข่าว พร้อมเครียร์ปัญหา และเปรยว่าเมื่อได้ทำความรู้จักกับอดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษแล้วก็รู้สึกว่า “เขาก็ดูเป็นคนโอเคดี”
“ผมอาจจะพูดอะไรบางอย่างแบบทีเล่นทีจริงไป เพราะบ้านของเขาอยู่ที่เชิงเขาถัดจากบ้านของเราไป และคนจำนวนมากก็ป้วนเปี้ยนแถวนั้น ผมก็เลยพูดออกไปประมาณว่า 'ไม่ชอบให้เขามาที่นี่เพราะเรื่องนั้น' แค่นั้นเอง” มาร์ก วอห์ลเบิร์ก บอกในตอนนั้นว่าเขากับ เบ็คแฮม ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันอย่างที่ทุกคนคิด ก่อนที่อีก 15 ปี ต่อมาทั้งคู่จะฟ้องร้องกัน