xs
xsm
sm
md
lg

“ออกัส” อึดอัดและเจ็บ! ถูกขู่ให้กราบเท้าก่อนแฉ ทั้งที่ไม่เคยมีซัมติงกับแฟนเพื่อน ช้ำถูกเลื่อน-ยกเลิกงาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ออกัส วชิรวิชญ์” เสียงสั่น ถูกขู่ให้กราบเท้าก่อนแฉ แต่ยันไม่เคยมีซัมติงกับแฟนเพื่อน ฝ่ายหญิงเข้ามาหาที่โต๊ะช่วงสงกรานต์ ไม่เคยขอไลน์ - ไอจี ไม่รู้ฝ่ายหญิงไปบอกอะไร “กันสมาย” จนอาจทำให้เข้าใจผิด ตนและเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์พยายามอธิบายไปแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่รับฟัง พ้อได้รับผลกระทบกับงาน ทั้งถูกยกเลิกและเลื่อนงาน อ่านคอมเมนต์แล้วเจ็บและอึดอัด ส่วนคำว่าเด็ดแค่แซวเล่นกัน ไม่มีเจตนาแอบแฝง


ออกมาเคลียร์ชัดๆ กันแล้ว สำหรับ “ออกัส วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์”หลังถูกอดีตเพื่อนสนิท “กันสมาย ชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์” แฉพฤติกรรม กินแฟนเก่าเพื่อน ไม่เลิกพฤติกรรมเดิมๆ จะทำให้ไม่มีที่ยืนในสังคม ต่อมาเพื่อนออกัสได้ออกมาเผยความจริงอีกมุมว่าฝ่ายกันสมายที่ขู่ให้ออกัสกราบเท้า และสงสารออกัสมาก เพราะไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวออกไป

ล่าสุดวันนี้ ออกัส ได้เปิดใจระหว่างมาร่วมงานแข่งขันเทนนิสการกุศลรายการ “Tournament of Hope: by Pat Narongdej” โดย “ภัทร ณภัทร ณรงค์เดช” หลานชายฝาแฝดของ “กรณ์ ณรงค์เดช” และ “ศรี ริต้า เจนเซ่น ณรงค์เดช” เพื่อนำเงินรายได้ไม่หักค่าใช้จ่าย มอบให้มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก ออกัสซึ่งมีสีหน้าเครียด ก็เผยว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่า ยืนยันไม่เคยมีซัมติงกับแฟนเก่าเพื่อน ที่ผ่านมาพยายามอธิบายแล้ว แต่กันสมายไม่รับฟัง



“วันที่เห็นโพสต์นั้นก็ตกใจ ผมคิดว่าเป็นการเข้าใจผิดมากกว่า เรื่องที่เข้าใจผิด น่าจะเกิดตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. ผมไปเที่ยวสงกรานต์กับเพื่อน 3 คน ซึ่งเป็นงานสงกรานต์เฟสติวัล ไปกับเพื่อนผู้ชายหมดเลย ซึ่งผมก็อยู่ที่โต๊ะเฉยๆ แล้วมีผู้หญิงคนนึงมาขอร่วมโต๊ะด้วย เพื่อนผมได้อนุญาตเพราะเขารู้จักกันมาก่อน แล้วก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนคนล่าสุดของคนที่โพสต์ พอผมได้ยินแบบนี้ก็กลัวนิดนึง ผมค่อนข้างระวังตัวมาก เพราะผมเคยมีประเด็นกับคนที่โพสต์มาก่อน วันนั้นก็ไม่มีอะไร น้องเขาอยู่โต๊ะไม่นาน เขาก็กลับไป ผมสามคนก็อยู่จนงานเลิก แล้วแยกย้ายกลับบ้านกันปกติ ไม่มีอะไร

จนวันที่ 16 คนที่โพสต์ก็ทักไลน์ส่วนตัวมาหาผม ยื่นข้อเสนอให้ผมสองอย่าง คือหนึ่งให้ไปกราบเท้าขอโทษ สองคือจะแฉผม ซึ่งผมก็พยายามอธิบายทุกอย่างแล้ว แต่เขาไม่ฟัง ผมก็ได้ให้เพื่อนสนิทผมและเพื่อนสนิทเขาด้วยที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วยยืนยันอีกทีว่าไม่มีอะไร แต่ก็ไม่เป็นผลครับ เหมือนเดิม หลังจากนั้นไม่นานเขาก็โพสต์ลงสตอรี่

พอผมเห็นสตอรี่ ผมก็โทร.ตรงไปหาเขาเลย พอโทร.ไปปุ๊บก็พยายามอธิบาย แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือคำขู่จากเพื่อนของเขา สุดท้ายก็ให้ไปกราบเท้าเช่นเดิม หลังจากนั้นเขาก็วางสายไป ผมไม่ได้ตอบว่าจะไปหรือไม่ไป ผมไม่มั่นใจว่าการที่ผมไปแล้วมันจะมีอะไรกระทบตัวผมไหม เรื่องทั้งหมดก็ประมาณนี้”

คาดเข้าใจผิด เคยถูกตัดเพื่อนไปแล้ว
“ตอนเขาทักมา เขาส่งมาว่ามีตัวเลือกให้สองอย่าง แค่นั้นเลย ผมคิดว่าเขาน่าจะเข้าใจผิดในวันที่ 15 เม.ย. กับผู้หญิงคนนั้นผมไม่รู้จัก ผมเพิ่งเคยเจอ เพื่อนผมยังเป็นคนบอกผมอยู่เลยว่าเป็นแฟนคนล่าสุดของเขา ผมก็ยืนยันและให้เพื่อนสนิทผมและเขาที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วยยืนยัน แต่ไม่เป็นผลเขาส่งเงื่อนไขมา แล้วบอกว่าให้เวลาถึงพรุ่งนี้ แต่มันยังไม่ถึง และไม่ถึงชม. เขาก็โพสต์สตอรี่เลย ผมก็ไม่ทราบว่าเขาจะแฉเรื่องอะไร เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ก็นานแล้ว 3-4 ปีแล้ว คิดว่าการตัดเพื่อนของเขาก็ไม่มีอะไรแล้ว แต่ผมก็ยังมองเขาเป็นเพื่อนอยู่นะ ถึงเขาจะตัดไปก็ไม่เป็นไร ผมก็ไม่ไปก้าวล่วง ไม่ไปยุ่งกับเขาอีกเลย ผ่านมา 3-4 ปี”

ฝ่ายหญิงเป็นคนไปบอกเขา แต่ไม่รู้บอกอย่างไร รับเกินไป เรื่องพวกนี้เคลียร์กันได้
“ตอนเขาส่งข้อความมา ตอนแรกผมคิดว่ามีคนไปบอกเขา อาจจะเห็นแล้วไปบอกเขา แต่ผมก็รู้มาว่าเป็นทางฝั่งน้องผู้หญิงที่เป็นคนไปบอก แต่ไม่รู้ไปบอกยังไงผมไม่ทราบเหมือนกัน วันที่ 15 เม.ย. ผมไม่ได้มีท่าทีสนิท หรือมีท่าทีจะจีบเขาเลย เพื่อนที่อยู่ที่โต๊ะกับผมก็ยืนยันได้ครับ ถามว่าทำไมผมถึงกังวล พอรู้ว่าเป็นแฟนคนล่าสุดของคนที่โพสต์ เพราะทางโน้นเคยมีประเด็นกับผม ซึ่งผมก็รู้สึกว่ามันเกินไปหน่อย จริงๆ เรื่องพวกนี้มันเคลียร์กันได้ หันหน้ามาคุยกัน หรือนัดเจออะไรก็ได้

“เราเคยมีประเด็นกันเมื่อ 3-4 ปี แล้วไม่เคยมีประเด็นอีก ผมก็เลยคิดว่าเป็นวันที่ 15 ที่มีปัญหา 3- 4 ปีไม่ได้คุย ไม่ได้รู้เรื่องชีวิต ไม่เคยเจอ ตัดขาดกันไปเลย กับผู้หญิงคนนั้นผมไม่มีคอนแท็กอะไรเลย ผมเลยมั่นใจว่าผมไม่มีอะไรถ้าผมไปคุยกับเขา ไปขอไอจี ขอไลน์ หรืออะไรพวกนี้ ผมคงรู้สึกว่าผมผิด ผมก็เซฟตัวเอง ผมใช้คำว่าผมกลัวเลยดีกว่า เลยตั้งใจห่างและเซฟตัวเองมาก เพราะไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด

ตอนนั่งอยู่ตรงนั้น เป็นการคุยที่เขาคุยกับเพื่อนผมด้วย แต่โต๊ะมันเล็ก ก็คุยกับเพื่อนผมด้วยและคุยกับผมด้วย ซึ่งเพื่อนก็ยังถามว่าคนนั้นไม่มาเหรอ ผมก็ถามซ้ำว่าไม่มาเหรอ เพราะผมอยากเจอด้วยซ้ำ มันผ่านมา 3-4 ปีแล้ว คิดว่าคงลืมไปแล้ว อยากเจอ เผื่อได้คุยกันด้วยซ้ำในมุมผม ตอนนั้นไม่มีเมา ไม่มีชนแก้ว เพราะไม่มีแก้ว สถานการณ์วันนั้นไม่มีอะไรแน่นอน เพื่อนสองคนอยู่ในเหตุการณ์ก็ยืนยันได้ด้วย

วันที่ 15 ที่ยืนกัน ถามว่าการยืนด้วยกันจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าใกล้ชิดกันได้ไหม ผมว่าไม่มีนะ เพราะก็มีคนมาโพสต์ด้วยว่าเขาคุยเขาเล่นกับเพื่อนผม คนที่เขาเห็นว่าไม่ได้ใกล้ ไม่ได้อะไรเลย วันที่ 15 ชัดเจนว่าไม่มีอะไรแล้วเชื่อว่าทางคนโพสต์ก็รู้ว่าผมไม่ได้อะไร จริงๆ เพื่อนผมอธิบายเขาไปหมดแล้ว ผมก็อธิบาย เพื่อนก็อธิบาย แต่ตอนนั้นเขาน่าจะไม่ฟัง แต่ตอนนี้ฟังแล้ว เขาน่าจะมั่นใจแล้วว่าเรื่องนี้ผมไม่ผิด และผมให้เกียรติจริงๆ”

“เรื่องชื่อเสียงที่เสียหาย ส่วนตัวผม ผมคงไม่ไปอะไรกับเขาแล้ว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันได้เสียหายไปแล้ว ถึงผมจะไปทำอะไรเขาก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น อันนี้ก็เป็นเรื่องบริษัทผม เพราะเขาเสียหายค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าพรีเซ็นเตอร์ อีเวนต์ ซีรีส์ ลูกค้าซีรีส์ แฟนมีตติ้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ มันมีการเลื่อนและยกเลิกด้วย ซึ่งสิ่งนี้ผมก็รู้สึกเสียใจกับบริษัท และเอาจริงๆ ผมก็เสียใจกับครอบครัว ผมเป็นผู้ชายคนนึงที่เป็นเสาหลักของครอบครัว (เสียงสั่น) ถามว่าเรื่องนี้ให้บทเรียนยังไง เรื่องนี้ทั้งหมด ผมคิดว่าเวลาผมจะทำอะไรจะพิมพ์อะไรคงต้องมีสติ และคิด และความเป็นส่วนตัวของผมก็คงจะไม่มี”

ข้อความที่พิมพ์ ไม่มีเจตนาแอบแฝง แค่คุยเล่นกับเพื่อน
ย้อนกลับไปเมื่อ 3-4 ปี ข้อความที่พิมพ์ ผมก็ต้องขอโทษจริงๆ ตอนนั้นผมไม่ได้รู้สึกว่ามันรุนแรง ด้วยความที่เราคุย แชร์อะไรกันแบบนี้ ผมรู้ว่าจะคุยอะไรยังไงกับคนไหนได้เราทำงานด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก มีการพูดคุยเรื่องนี้บ้างสำหรับผู้ชาย ผมเลยถือวิสาสะแหละ (ไม่ได้มีเจตนาเหมือนในข้อความ?) ครับผม มันคือการคุยเล่นกับเพื่อน

ในซีรีส์ก็สนิทกันทุกคน พอรู้นิสัยใจคอว่าเราจะพูดอะไรกันได้ พอมีเรื่องวันนั้นก็ห่างกันไป พอกระทบจิตใจเขา ผมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ผมก็จะขอโทษ ก็เกิดการบล็อก ผมก็ทั้งโทร.ทั้งเปลี่ยนช่องทางในการขอโทษ แต่ไม่สำเร็จ ผมเลยให้เพื่อนสนิทผมกับเขาในซีรีส์มากกว่า 2-3 คน เพื่อติดต่อเขาให้หน่อยเพื่อขอโทษแต่ไม่สำเร็จ จะนัดเจอกันไหม เคลียร์กันไหม จะทำอะไรผมด้วยความโกรธก็เอาเลย แต่ผมไม่อยากตัดเพื่อน เพราะผมมองว่าเรื่องนี้เพื่อนสำคัญกว่า ส่วนถามว่าเขาตั้งใจดิสเครดิตเราไหม เพราะแชตนั้นมัน 3-4 ปีแล้วแต่เขายังเก็บเอาไว้ ผมไม่ทราบความคิดเขาเหมือนกัน แต่ส่วนตัวผมแชตมันหายไปนานแล้ว ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าผมผิดพลาดอะไร”

ยันไม่เคยมีซัมติงกับแฟนเก่าอีกฝ่าย ไม่ยุ่งกับแฟนใครทั้งนั้น
“ถามว่าจะกลับมาเคลียร์กันได้ไหม ในส่วนตัวผมยังมองเขาเป็นเพื่อนเสมอ แต่เรื่องมันก็เสียหายไปเยอะ ไม่ได้เสียหายแค่ผม จริงๆ แล้วผมอยากออกมาชี้แจงเรื่องที่มันเกินจริงไปด้วย ที่บอกว่าผมยังไม่เลิกพฤติกรรมแบบนี้ ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้คืออะไรก่อน ถ้าเป็นเรื่องนั้นมันไม่ใช่ มันก็ไม่จริง กับเรื่องที่บอกว่าผมไปมีอะไรกับแฟนเก่าเพื่อน ผมไม่เคย ผมจะคุยกับใครก็ถามก่อนว่ามีแฟนหรือเปล่า ถ้ามีก็ไม่ไปยุ่ง ไม่จำเป็นต้องเป็นของเพื่อน ของใครก็ตามผมก็ไม่ยุ่ง เพื่อนสนิทจะรู้ว่าผมเป็นยังไง ผมเต็มที่และเต็มร้อยกับเพื่อนเสมอ”

อดทนกับคอมเมนต์ แม้อ่านแล้วเจ็บ
“ถ้าวันนี้เขาอยากเคลียร์ ถามว่าจะเคลียร์ไหม เอาจริงๆ สองวันแรก ผมอยากเคลียร์อยู่นะ แต่หลังจากนั้นเรื่องมันใหญ่ ผมไม่ได้ชี้แจงอะไรเลย ผมได้เข้าไปอ่านในโซเชียลว่าคนมองผมในทิศทางที่ไม่เป็นความจริง ผมอ่านแล้วมันก็เจ็บ ผมก็อดทนผมไม่ได้ทำอะไรเลย จนวันนี้ 3-4 วัน ทั้งเจ็บและอึดอัด (ร้องไห้ไหม?) เมื่อวานครับ ครอบครัวก็ให้กำลังใจอย่างเดียว”

ไม่หวั่นคนออกมาแฉอีก เพราะมั่นใจไม่ได้ผิดศีลธรรม แม้จะยากมากทำให้คนเชื่อมั่นในตัวตน
“ผมคิดว่าผมไม่มีอะไรแล้วนะ ผมไม่มีปัญหาเรื่องนี้ด้วย ไม่มีใครแฉได้ เพราะเรื่องผิดศีลธรรมหรือไม่ถูกต้อ ผมก็ไม่เคยทำ สุดท้ายอยากขอบคุณคนให้กำลังใจผม และรักผม ถึงสถานการณ์ตอนนี้ ผมเชื่อว่ามันยากสำหรับทุกคนมาก ที่ยังคงเชื่อมั่นในตัวผม ผมขอบคุณจากใจมากๆ ที่ยังอยู่ข้างๆ กันอยู่ คนไม่เข้าใจ ผมก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดใครได้ แต่อยากบอกว่าให้ทุกคนลองฟังความทั้งสองด้านก่อน แล้วค่อยตัดสินใครสักคนนึง”













กำลังโหลดความคิดเห็น