เมล กิ๊บสัน กล่าวว่าเขารู้สึกซาบซึ้งมากที่มี "โรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์" เป็นเพื่อน ที่ช่วยให้เขากลับมายืนได้อีกครั้งเมื่อเขาเกือบจะจบอาชีพของเขาหลังจากถูกจับกุมในข้อหาเมาแล้วขับในปี 2006
“ครั้งหนึ่ง ผตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเล็กน้อยจนทำให้อาชีพการงานของฉันต้องจบลง” นักเตะวัย 68 ปีกล่าวในโปรไฟล์ใหม่ของ ดาวนีย์ ใน Esquire “ผมเมาอยู่หลังรถตำรวจ และพูดจาไร้สาระ และทันใดนั้นก็ติดบัญชีดำ กลายเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการถูกแบน”
กิ๊บสัน อ้างถึงการจับกุมของเขาเมื่อ 20 ปีก่อน ตามรายงานของตำรวจ เขา "โพล่งคำพูดต่อต้านกลุ่มชาวยิว พูดถึงชาวยิวอย่างหยาบคาย ดาราชื่อดังตะโกนออกไปในอตนนั้นว่า "ชาวยิวต้องรับผิดชอบต่อสงครามทั้งหมดในโลก' กิ๊บสัน ยังถามตำรวจว่า 'พวกคุณล่ะ เป็นชาวยิวหรือเปล่า' -
กิ๊บสันเล่าต่อไปว่า "สองสามปีที่เขาเชิญผมไปรับรางวัลบางอย่างที่เขาได้รับ เราเหมือนนั่งกระดานหก ถ้าผมขึ้น เขาก็จะลง ถ้าผมลง เขาก็จะขึ้น” เขากล่าวเสริมว่า "ตอนนั้นผมแทบไม่มีตัวตนในฮอลลีวูดเลย และเขาก็ยืนขึ้นและพูดแทนผม มันเป็นท่าทางที่กล้าหาญ ใจกว้าง และใจดี ผมซึ้งใจนะ สำหรับเรื่องนั้น"
งานดังกล่าวคืองาน American Cinematheque Awards ครั้งที่ 25 ในปี 2011 ในเวลานั้น โรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ กำลังดังจาก "Avengers: Endgame" เพื่อขอบคุณ เมล กิ๊บสัน ที่ช่วยให้เขากลับมามีงานทำงานอีกครั้งหลังจากประสบปัญหาการใช้สารเสพติดและปัญหาทางกฎหมายมานานหลายปี
"ผมขอให้ เมล มอบรางวัลนี้ให้ผมด้วยเหตุผล” เขากล่าว
“เมื่อฉันไม่สามารถหางานได้ เขาบอกผมว่าอย่าสิ้นหวังและสนับสนุนให้ผมค้นพบศรัทธาของตัวเองอีกครั้ง” ดาวนีย์ เล่าเพิ่มเติม “มันไม่จำเป็นต้องเป็นของเขาหรือของใครก็ตาม ตราบใดที่มันมีรากฐานมาจากการให้อภัย และฉันก็ไม่สามารถถูกจ้างได้ เขาจึงเลือกให้ฉันรับบทนำในหนังที่พัฒนาขึ้นสำหรับเขาจริงๆ”
หลังจากเหตุการณ์ "เมาแล้วขับ" กิ๊บสันไม่ได้แสดงในภาพยนตร์ใดๆ เป็นเวลาสี่ปีแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้ปรากฏตัวในภาพยนตร์ "Edge of Darkness" ในปี 2010 และโปรเจ็กต์กระแสหลักอย่าง "The Expendables 3", "Daddy's Home 2" และ "Machete Kills"
ปรเจ็กต์การกำกับของเขาเรื่อง Hacksaw Ridge ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 6 ครั้งในปี 2017 ซึ่งรวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและผู้กำกับยอดเยี่ยมของกิ๊บสันด้วย
มิตรภาพระหว่าง โรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ และ เมล กิ๊บสัน ความผูกพันของพวกเขาที่แน่นแฟ้นขึ้นในช่วงทศวรรษ 1990 ได้ยืนหยัดต่อความผันผวนในอาชีพนักแสดงทั้งสองคน ซึ่งมีทั้งเรื่องอื้อฉาวและความสำเร็จ
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็น "หมาหัวเน่า" ของฮอลลีวูดจากปัญหาชีวิตส่วนตัวที่วุ่นวาย และปัญหาทางกฎหมายมากมาย แม้เขาจะได้ชื่อว่ามีความสามารถในฐานะนักแสดงมาก แต่ในช่วงที่ชีวิตแย่สุด ๆ ก็ไม่มีใครกล้าจ้าง โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์
จนกระทั่ง โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ได้พบกับ เมล กิ๊บสัน ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดของเขา ในช่วงเวลาที่ดาวนีย์ ต้องต่อสู้กับการติดยาเสพติด และการจับกุม แทบจะไม่มีใครกล้าจ้าง แต่ กิ๊บสัน ก็ยืนเคียงข้างเขาโดยให้การสนับสนุนทั้งส่วนตัวและทางอาชีพ
โดยเฉพาะในปี 2003 เมื่อ กิ๊บสัน เลือก ดาวนีย์ ให้มาแสดงนำในหนัง The Singing Detective
กิ๊บสัน รับประกันว่า โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ จะไม่ก่อปัญหาใด ๆ อย่างแน่นอน เพราะผู้สร้างไม่เชื่อใจว่าเขาจะกลับตัวกลับใจได้จริง กิ๊บสัน ถึงขั้นควักกระเป๋าตัวเอง เพื่อจ่ายเงินประกันยืนยันว่า ดาวนีย์ จะไม่สร้างปัญหาอีก
“ตอนไม่มีใครจ้างผม แต่กลับเลือกผม เขาบอกว่าถ้าผมมีความรับผิดชอบอีกครั้ง ชีวิตของผมก็จะมีความหมาย และถ้าเขาช่วยผม ผมก็จะช่วยเหลือคนต่อไป แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าคนต่อไปที่ว่าจะเป็นเขา” โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ กล่าวใสนงาน American Cinematheque ว่าเป็น เมล กิ๊บสัน คือคนที่ทำให้เขาได้เล่นหนัง Air America ทั้ง ๆ ที่เขามีประวัติใช้ยาเสพติดมาอย่างยาวนาน และหลายคนมองว่าเขาไม่มีทางกลับตัวได้ "เว้นแต่คุณจะไม่เคยทำบาปอะไรเลย แต่ถ้าคุณไม่เคยทำบาปอะไรเลย คุณก็อยู่ผิดแล้ว คุณควรให้อภัยเขาและปล่อยให้เขาทำงาน"