สำหรับคนที่ชอบหนังแอ็คชั่นแบบเน้นเอาความมันส์สะใจ รับรองได้ว่า หนังเรื่องนี้ตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดี ถึงแม้จะดูเป็นหนังแอ็คชั่น แต่กลับแฝงไว้ด้วยปรัชญาชีวิตที่ลึกซึ้งซึ่งฝังอยู่ในอัตลักษณ์รากเหง้าและจิตวิญญาณของชาวฟินแลนด์มาเนิ่นนาน
นอกจากนั้น สิ่งที่จะทำให้คนดูตกหลุมรักและจดจำหนังเรื่องนี้ไปอีกนาน ก็คือตัวละครหลักอย่างคุณปู่ที่มาพร้อมกับความทรหดแข็งแกร่งและสุดอึดตายยาก ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ตัวละครตัวนี้ก็เป็นเสมือนตัวแทนที่ส่งผ่านปรัชญาของฟินแลนด์อย่างชัดเจน
เรื่องราวในหนัง เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1944 ช่วงที่นาซีเยอรมันบุกฟินแลนด์ ซึ่งถือเป็นช่วงท้าย ๆ ของสงครามโลกแล้ว และในระหว่างนี้ ปรากฎว่ามีชายชราผู้หนึ่งปลีกวิเวกอยู่เพียงเดียวดาย ตามคำบรรยายคร่าว ๆ ในช่วงต้นเรื่องคือ เขาหันหลังให้สงคราม อาจจะเพราะความเบื่อหน่ายอะไรสักอย่าง และสิ่งที่เขาทำทุกวันคือการขุดดินเพื่อหาทอง
แน่นอนว่า ความพยายามของเขาเป็นผลสำเร็จ หลังจากตรากตรำในการขุดอยู่เป็นนาน สุดท้ายเขาก็ได้ค้นพบทองคำจำนวนซึ่งมากพอที่เขาจะเริ่มต้นตั้งตัวสร้างชีวิตใหม่ได้ เขาเก็บทองใส่กระเป๋าและมุ่งหน้าจะเข้าเมืองเพื่อนำไปแลกเป็นเงินตรา แต่ทว่าระหว่างนั้น มีทหารนาซีเยอรมันกลุ่มหนึ่งสวนทางมาพอดี และมีเหตุการณ์ที่ทำให้พวกทหารเหล่านี้ได้เห็นทองคำที่ตาเฒ่าหอบหิ้วมา เป็นเหตุให้เกิดการตามล่าตาเฒ่าอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยหารู้ไม่ว่า พวกเขากำลังเล่นผิดคนซะแล้ว
ความเท่ของตาเฒ่าเริ่มฉายชัดขึ้นมาเรื่อย ๆ เมื่อหนังเดินไปข้างหน้า เราไม่เพียงจะได้เห็นถึงความเก่งกาจในการต่อสู้เอาตัวรอด หรือแม้กระทั่งความแข็งแกร่งแบบผิดมนุษย์มนา แต่เรื่องราวแบ็กกราวน์ข้างหลังที่ผ่านมา ก็เริ่มได้รับการบอกเล่าให้เราคนดูรวมทั้งทหารนาซีเหล่านั้นได้รับรู้ ซึ่งเป็นประวัติชีวิตที่ไม่ธรรมดา จนทหารบางคนบอกว่า เลิกยุ่งกับตาเฒ่าดีกว่าไหม แต่นาซีหัวโจกจอมโลภและเห็นอนาคตว่า ถ้ากลับบ้านไปมือเปล่า สุดท้ายก็คงไม่พ้นถูกโดนเก็บ สู้แบกทองพวกนี้ไปด้วย ชีวิตยังมีหวังกว่า นั่นก็เลยทำให้ตามล่าตาเฒ่าไม่เลิกรา
แต่อย่างว่า ตาเฒ่ามีหรือจะยอมง่าย ๆ มันก็เลยกลายเป็นสงครามย่อม ๆ ที่แทรกอยู่ในสงครามโลกอันยิ่งใหญ่ ระหว่างทหารหลายสิบนาย กับ ชายชราโคตรอึดที่มีประวัติชีวิตความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา
ต้องยอมรับว่า แม้จะเป็นหนังฟอร์มเล็ก ๆ แต่ฉากแอ็คชั่นได้รับการออกแบบและคิดมาเป็นอย่างดี สามารถกระตุ้นอะดรีนาลินและความตื่นเต้นระทึกให้กับคนดูได้อย่างอยู่หมัด ไล่ตั้งแต่ฉากในเขตทุ่นระเบิด ฉากในรถขบวนของนาซี ไปจนถึงฉากบนเครื่องบินที่ต้องบอกว่า โอ้ ว้าว เลยทีเดียว
ในระดับพื้นผิว ไม่แน่ใจว่า หนังเรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีเจตนาขำ ๆ อะไรหรือเปล่า คือเหมือนเป็นจุดระบายความคับแค้นโกรธขึ้งต่ออดีตที่ฟินแลนด์โดนนาซีบุกกระทำย่ำยีในช่วงสงครามโลก ในเรื่องนี้เราจะเห็นทหารนาซีตายเป็นเบือและบางคนก็ตายอย่างโง่ ๆ เสียด้วยซ้ำ แต่ที่สำคัญ ก็คือ ตายด้วยน้ำมือของตาเฒ่ามหากาฬที่เป็นตัวแทนจิตวิญญาณของประเทศฟินแลนด์
SISU หรือ ซิสุ ที่เป็นชื่อหนัง เป็นคำที่มีความหมายต่อชาวฟินแลนด์อย่างมาก ในฐานะปรัชญาที่คนฟินแลนด์ยึดมั่นในชีวิตประจำวัน ซึ่งสำหรับคนที่เคยเดินทางไปฟินแลนด์ จะพบถ้อยคำนี้อยู่ในที่ต่าง ๆ เยอะแยะไปหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งถุงขนมก็มีการนำคำนี้ไปตั้งเป็นชื่อยี่ห้อ
โดยความหมายกว้าง ๆ ของคำว่า SISU หมายถึงความกล้าหาญและความแข็งแกร่ง รวมทั้งความอดทนต่อความทุกข์ และก้าวเดินต่อไป
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฟินแลนด์ถูกบุกรุกอย่างหนักจากสหภาพโซเวียตรัสเซีย แม้ประเทศจะมีอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังพลน้อยกว่ารัสเซียเยอะมาก แต่ด้วยจิตวิญญาณ SISU ก็ทำให้ทหารฟินแลนด์ลุกขึ้นสู้กับทหารรัสเซียและปกป้องบ้านเมืองไว้ได้สำเร็จ กระทั่งรัสเซียยอมใจ เพราะสู้ต่อไป รัสเซียดูเหมือนจะมีแต่สูญเสียไปเรื่อย นั่นจึงนำไปสู่การลงนามสนธิสัญญามอสโค หรือ The Moscow Peace Treaty
ขณะที่ในหนัง เราจะเห็นว่า คาแร็คเตอร์ของคุณปู่มหากาฬสะท้อนปรัชญาข้อนี้ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะถ้าย้อนกลับไปสักเล็กน้อย คุณปู่ได้ผ่านเรื่องราวความเจ็บปวดมามากมาย แต่ก็ลุกขึ้นสู้กับรัสเซียได้อย่างสมศักดิ์ศรี แถมได้รับฉายาที่น่าสะพรึงจากทหารรัสเซียว่า “คอสไช” ซึ่งในภาษาอังกฤษคือคำว่า Immortal หมายถึงความเป็นอมตะ
อย่างไรก็ตาม เนื้อหาปรัชญาของชาวฟินแลนด์ที่แฝงมากับหนังเรื่องนี้ เป็นเพียงสิ่งที่ไปค้นคว้าเติม เพราะใจความหลัก ๆ ที่หนังภูมิใจนำเสนอต่อคนดู ก็คือ ความบันเทิง จากการเป็นหนังแอ็คชั่น เนื้อหาไม่ซับซ้อน แต่โดนใจน่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ หนังแบบนี้ทำได้ไม่ง่าย แต่ SISU ทำสำเร็จ และป้อนความสนุกในการรับชมให้กับคนดูได้อย่างดีเยี่ยม
หนังมีให้ดูทางเน็ตฟลิกซ์ คนชอบสายแอ็คชั่น คลิกดูได้เลย!