xs
xsm
sm
md
lg

“อั๋น ภูวนาท” แชร์ประสบการณ์เลี้ยงลูกพลาด คิดว่าลูกรักมาก ที่ไหนได้ติดมือถือ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อั๋น ภูวนาท” ยอมรับเคยเลี้ยงลูกพลาดปล่อยกับมือถือนานเกินไป ส่งผลต่ออารมณ์ “น้องพอล” หงุดหงิดง่ายขนาดดูแต่คลิปใสๆ แชร์ประสบการณ์หลงคิดไปว่าลูกรักตน แต่ที่ไหนได้อยากได้มือถือ โชคดีที่ไหวตัวทัน

เรียกว่าเป็นปัญหาสำคัญของคนที่เลี้ยงเด็กเลยก็ว่าได้สำหรับ จอโทรทัศน์ หรือโทรศัพท์มือถือ ที่ทำเด็ก เยาวชนในยุคนี้ประสบปัญหาสมาธิสั้น และอีกหลายๆ อย่างตามมามากมาย ซึ่ง “อั๋น ภูวนาท คุนผลิน” ก็ออกมายอมรับว่าตนเองก็เคยประสบปัญหานี้กับลูกชายคนโตมาก่อน โดยมือถือมีผลต่ออารมณ์ของลูกมาก

“คือ ณ ตอนนี้คนเล็ก คือน้องพีท เราทำได้ดีเพราะเรามีประสบการณ์กับคนโตที่เราพลาดไป คนโตเราชิลไปนิดเลยให้เขาเข้าสู่โลกโซเชียลเร็วไป เขาเข้าหมดเลยทุกอันเพียงแต่เขาเรียกไม่ถูกมากนัก อันที่เขาเรียกถูกคือติ๊กต๊อก แล้วเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาดูติ๊กต๊อก บางครั้งเราให้มือถือ เราเปิดยูทิวบ์ให้ แต่เขาเลือกเปลี่ยนเป็นอันอื่นเองได้ เราจำกัดเวลาเขาก็จริงแต่บางครั้งเราไม่ได้ดูว่าเขาดูอะไร เราก็มองว่าเขาดูอะไรที่ไม่มีความรุนแรง เราก็ปล่อยเขาวิ่งไปทำอย่างอื่นบ้าง

มันก็มีประโยชน์แหละ ไม่ได้มีโทษอย่างเดียว หลายๆ เรื่องเขาก็สอนเรา หลายๆ เรื่องเขาก็เล่าให้เราฟังเป็นตุเป็นตะ ผมก็ถามฟังมาจากไหน เขาก็บอกติ๊กต๊อกไง เราก็ตกใจว่าเขาดูด้วยเหรอ ตัวผมเองยังแทบไม่เล่นเลย ก็นั่นแหละ ก็ไม่ได้บอกว่ามันมีข้อเสีย แต่คนเล็กเราก็จะพยายามให้เขาเข้ามาตรงนี้ช้าหน่อย”

พบน้อง “พอล” พฤติกรรมหงุดหงิดง่าย ขนาดดูแต่คลิปใสๆ
“เขามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เราจำกัดเวลา พอหมดเวลาเขาก็เคารพ แต่เขาจะมีหงุดหงิด ซึ่งวิธีการแก้คือเราต้องไม่ใช้มือถือเวลาอยู่กับลูก ถึงเราไม่ใช้มือถือเขาก็ยังจะขอนะ มาแบบขอดูได้ไหม ถ้าเราไม่ถือมือถืออยู่ในมือและเราไม่หยิบมันขึ้นมาใช้เลยเขาจะไม่ขอ แต่ถ้าเราถืออยู่ในมือแป๊บนึงเขาจะกลับมาขออีก วนๆ ไป ผมไม่รู้ว่าทำไม ผมรู้สึกว่าเขาขี้หงุดหงิดขึ้นทุกครั้งที่เขาใช้ และต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเลยในการเอาอารมณ์ให้เบาลงมา เขาก็ยังลงได้นะ แต่เรารู้สึกและรับรู้ได้ว่าเขาเปลี่ยนไปจริงๆ

ขนาดสิ่งที่เขาดูเป็นเรื่องใสๆ ภาพหรือเรื่องในโลกโซเชียลมันอาจจะเปลี่ยนเร็ว เราผ่านโลกที่ช้ามาก่อนเราเจอตรงนี้เรารู้ว่ามันเร็ว แต่เขาอาจจะยังไม่ได้เจอโลกที่หลากหลาย จนเขาอาจจะคิดว่านี่คือสปีดปกติ แต่มันไม่ใช่สปีดปกติ ผมก็รู้สึกว่ามันคือความเสี่ยง

อันนี้คือความจริงเลยนะ ให้เวลา 30 นาที แต่มันก็เลยเถิดไป 1 ชั่วโมง คือหนีไม่พ้นหรอก ไม่ช้าก็เร็วเข้าต้องเข้าสู่โลกโซเชียล แต่มันจะต้องช้าที่สุด เราเห็นเอฟเฟกต์ที่มันมีต่ออารมณ์ และเห็นประโยชน์ที่เขาได้เรียนรู้จากการที่เขาได้เห็นโลกกว้างมากกว่าอยู่ในห้อง ยุคเรากว่าจะได้เห็นโลกกว้างต้องซื้อแมกกาซีน ต้องรอดูหนังด้วยความตื่นเต้น แต่ตอนนี้เราสามารถดูคอนเสิร์ตได้พร้อมกันทั่วโลก”

ที่ผ่านมาหลงคิดไปว่าลูกรักตน อยากสนิทอยู่ใกล้ ที่ไหนได้อยากได้มือถือ
คือตอนนี้ทั้งบ้านไม่มีใครให้ดูแล้ว เหลือแต่ผมคนเดียวที่ยังใจอ่อน คือเขารู้ไง เขาก็มาอ้อน แด๊ดดี้นะๆๆๆ เราก็พลาดท่าทุกที ผมรั่วเอง คือถ้าผมดุผมดุเลย แต่วันที่ผมไม่ดุผมอ่อนแอมาก ใจอ่อนมาก ก็นิดเดียวจะเป็นไร แล้วเราก็จะหลงคิดไปว่าเขาติดเรา แต่จริงๆ แล้วเปล่าเลย เขาติดมือถือที่ได้จากเรา เขาอยากอยู่ใกล้ๆ เราเพียงเพราะเขารู้ว่าเราขอได้

สมมติแยกกันนั่งรถ เขาก็จะพูดว่าน้องพอลอยากนั่งคันแด๊ดดี้นะ ได้สิลูก เราก็คิดว่าลูกรักเรา หลงเรา ขึ้นมาบนรถปุ๊บ คาดเบลล์ แด๊ดดี้ขอมือถือนะ แล้วเราก็ต้องหันไปพูดว่าตกลงไม่ได้อยากนั่งใช่ไหม คิดว่ามาตรงนี้แล้วได้มือถือ เขาก็จะยิ้มๆ ถูกจับได้แล้ว เขาจะรีบพูดเลยเปล่านะ อยากมากับแด๊ดดี้ เขาเป็นคนที่ครอบงำเรา เอาจริงๆ พี่เลี้ยงยังเป๊ะกว่าเราอีก พี่เลี้ยงดุเรา ห้ามเราด้วยซ้ำ แด๊ดดี้ต้องหยุดนะคะ”

ชี้เด็กในยุคนี้มือถือหรือว่าจอชนะของเล่นทุกอย่างในโลก ตนจึงอยากให้ลูกเล่นอย่างอื่นก่อน ไม่อย่างนั้นลูกจะไม่มีพัฒนาการ
โดยรวมตอนนี้ยังไม่มีปัญหา เราสามารถจัดการได้เพราะเราไม่ได้ปล่อยเลย ให้แล้วอารมณ์เสีย เราก็บอกนี่ดื้อแล้วนะ ทำไมอารมณ์เสีย ทำไมใจดีแล้วกลับอารมณ์เสีย ก็พยายามสอนไปเรื่อยๆ ไม่ได้ปล่อยปละละเลย โดยรวมเขาก็ดีขึ้น ส่วนน้องเล็ก คือเราก็ให้เขาตามโอกาส แต่เขาไม่ติด บางทีเปิดทิ้งไว้เขายังไม่ดูเลย ซึ่งน้องพอลในวัยพีทเริ่มดูแล้ว บอกเลยว่าตอนนี้มือถือ หรือว่าจอชนะของเล่นทุกอย่างในโลก ชนะทุกอย่างจริงๆ ฉะนั้นต้องให้เขาไปเล่นอย่างอื่นก่อน ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่มีพัฒนาการ เพราะเขาอยู่กับมันแล้วเขานิ่งไปเลย เราจะไม่ได้ยินอะไรเลย พูดอะไรเขาก็ไม่ได้ยิน

ส่วนใหญ่ตอนนี้เวลาอยู่กับลูกผมก็เก็บมือถือเลย เราต้องเอาตัวเราเข้าไปแทนมือถือ ซึ่งบางทีเราเหนื่อยไง กลับไปบ้านคือเราเหนื่อยมาก เรารักลูกมากนะแต่เราเล่นไม่ไหวแล้ว พอเขาเจอเราเขาก็เข้ามาเหมือนเป็นของหายาก เขาวิ่งเข้ามาด้วยความดีใจ ชวนเราเล่น แต่เราไม่ไหวจริงๆ ข้างในเรารู้สึกว่าเราตัวแห้งไปหมดแล้ว บางครั้งด้วยความเหลวไหลของตัวเองก็ยื่นมือถือให้ เพื่อที่ตัวเองจะได้นอนสักครึ่งชั่วโมง แล้วเราก็หลับไป

พอมานึกย้อนกลับไป เราทำสิ่งนี้ที่เราทำพลาด แล้วคิดว่าไม่ใช่เราคนเดียวที่ทำสิ่งนี้ เลยมองว่ามันเป็นปัญหาโลกแตกของพ่อแม่ยุคนี้ ก็ต้องหาวิธีแก้ไขกันไป ตอนนี้ผมก็คิดวิธีให้ทุกอย่างเป็นเกมหมดเลย อะไรที่ยากผมจะทำให้มันสนุก”









กำลังโหลดความคิดเห็น