เม้าท์ ”ไชยา“ โดนทักว่า “แก่” สะเทือนใจจนหยุดเล่นลิเก

“ไชยา มิตรชัย” โต้ข่าวลือ! เลิกเล่นลิเก เพราะโดนทักว่า “แก่” ยอมรับที่หยุดไป เพราะอิ่มตัว ฝากถึงนักแสดงรุ่นใหม่ ต้องดูแลตัวเอง อย่าปล่อยตัว เผยอยากสต๊าฟหน้าตอนนี้เอาไว้

ถ้าพูดถึงพระเอกลิเกในตำนาน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ต้องมีชื่อของ “ไชยา มิตรชัย” พระเอกลิเกเงินล้านชื่อดัง ที่พักหลังๆ จะเห็นเจ้าตัวมาโลดเล่นบทหน้าจอซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ล่าสุดเจ้าตัวก็ยังยืนยันว่ายังรับลิเกอยู่บ้าง แต่อาจจะไม่ได้ออนทัวร์ทุกวันเหมือนแต่ก่อน พร้อมโต้ข่าวลือว่าโดนทักว่าแก่ จนต้องหันหลังให้วงการลิเก

“จริงๆ คำว่าแก่ เวลามีคนมาทัก คือเราเล่นหนังเล่นละครมา เคยเอารูปของตัวเองมาดู มันมีอยู่เรื่องนึงที่เราต้องแต่งเป็นไก่ พระเอกต้องแต่'เป็นไก่ เวลาเรารัดเครื่อง ด้วยวัย 20 ต้นๆ มันแต่ง มันสวยมันหล่อ และพอเขาให้มาเล่นเรื่องนี้อีกในวัย 40 พอ 40 คนเรามันพลาดได้ ไปแต่งลิเกแล้วรู้เลย ไปเล่นทับใคร ไม่เคยกลัว แต่ถ้าทับตัวเอง มันกลัว พ่อแม่สอนตลอดว่า เราเป็นนักแสดง เราก้าวขาออกจากบ้าน เราต้องพร้อม เขาเห็นในจอ เราสวยเรางาม แต่ถ้าเขาเห็นตัวจริง เขาอาจจะหมดศรัทธา โห…ไม่เห็นเหมือนกับในจอเลย พอเราได้ยินคำนี้มา เราก็ใจแป๋วเหมือนกัน หรือบางทีได้ยินคนพูดถึงเราว่าแก่แล้ว มันทำให้เราต้องปรับมาดูแลให้มากขึ้น เข้าฟิตเนสทุกสิ่งอย่าง ให้เป็นไปตามวัย เราไม่ได้ทิ้งร่าง เราต้องอยู่หน้าจอ น้องๆ ที่อยากเป็นศิลปินดาราปล่อยตัวไม่ได้”

“อย่างมีอยู่ช่วงนึง เราหยุดไปเลย แต่ไม่ได้แถลงข่าวว่าหยุดลิเก และมีข่าวลือว่าเราเลิกลิเก แต่เอาจริงๆ เราไม่ได้เลิก ไม่ได้หยุด แต่แค่รับงานหน้าจอมากขึ้น รับงานลิเกน้อยลง คิวทีวีมันจองข้ามปีเหมือนคิวลิเก และมันถึงจุดอิ่มตัวในการเป็นลิเก เราก็จะให้คิวกับทีวีแล้วนะ และการออกสื่อมันเป็นการบังคับว่า เราปล่อยตัวโทรมไม่ได้ ก็เลยกลับมาดูแลจริงจัง”

“ตอนนั้นก็ตัดสินใจไม่ยาก เราไม่ได้เลิกลิเกเพราะคำว่าแก่นะ การหยุดเล่นลิกเกก็ไม่ใช่เพราะคำส่าแก่นะ แต่ที่หยุดคือด้วยอายุงานและความอิ่มตัวกับบทที่เราได้รับ ตอนนี้เราก็ยังรับงานลิเกอยู่ แต่ก็ต้องเลือกรับงาน เพราะเรามีทำข่าวเช้า มีอยู่ครั้งนึงเราไปอ่านข่าว แล้วมือสั่น มันไม่เฟรช แต่เราก็เห็นใจบางเจ้าภาพ ติดต่อมาว่า คุณพ่อคุณแม่เขาสั่งก่อนตายว่าถ้าเผาต้องเอาลิเกเอ ไชยามา แต่บางทีไม่สามารถไปได้ ก็ส่งคลิปไปแทน”

“คือพอเราได้ยินคำว่าแก่มา เราก็ดูแลทุกอย่าง แต่เราโชคดีพี่พ้องน้องพี่ มีแต่คนสร้างรอยยิ้ม เราก็ยิ้มไปกับเขา ทำให้เรามีความสุขในการทำงาน ทุกวันนี้ก้าวขาออกจากบ้าน เราทำงาน เรามีความสุขแล้ว เรื่องไหนไม่ดีมาเข้าหู สักแป๊ป เราก็ปล่อยแล้ว มันก็เลยจากข้างในออกมาสู่ภายนอก”

“และจริงๆ เราก็อยากให้หน้าเราเป็นแบบนี้นะ เราเคยบอกกับตัวเองว่าเอาเท่านี้ อย่าแก่ไปกว่านี้แล้วนะ มันแก่ไปกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ เพราะตอนนั้นไม่รับงานอะไร 4-5 ปี ปล่อยตัวอ้วนเป็นหมู นอนอยู่บ้าน ทำสวน ปลูกต้นไม้เอง แต่พอเรากลับมาในวงการ เราปล่อยไม่ได้จริงๆ ยังสอนลูกสาวเลยว่า การที่เราอยู่วงการ เราต้องทำตัวให้พร้อม พร้อมทุกขณะจิต และเวลาเราไปเดินตลาด คนเข้ามาทักว่าตัวจริงไม่เหมือนในจอเลย ในจอดูแก่มาก เขาอาจจะติดภาพในบางรายการ”

“ตอนนี้เราก็ดูแล กิน นอน ใช้วิถีชีวิตให้มีความสุข ตามที่หมอแนะนำมาเลย อาหารการกินสำคัญที่สุด ร่างกายของเราต้องดูแล เพราะเขาให้คุณกับเรรทุกส่วน เราต้องดูแลเขาเป็นอย่างดีนะครับ”