เป็นผู้หญิงเก่ง เพอร์เฟกต์อีกคนในวงการบันเทิงสำหรับนางเอกสาว “แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์”ที่ล่าสุดมาเปิดใจในรายการ WOODY INTERVIEW ถึงเรื่องราวดีๆ ชีวิตหลังแต่งงาน กับการที่สามี “พี่หมี สารวัตรหมี พ.ต.ท.ศักดิ์สุนทร เปรมานนท์” ต้องแต่งงานเข้าบ้านตน ใช้ชีวิตเป็นครอบครัวใหญ่ รวมถึงเรื่องราวชีวิตความผูกพันกับ “แม่แพม นวลนงค์ จามิกรณ์”อีกมุมที่ แพนเค้ก ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน
สงสัยมาก ตอนไปงานแต่งของแพนเค้ก ด้วยความที่คุณแม่อยู่เคียงข้างกับแพนมาตลอด พอตอนเห็นพี่หมีเข้ามาในชีวิต เลยรู้สึกว่าพี่หมีเก่งเหมือนกันนะ ?
“แพนว่าแม่คงแฮปปี้มีความสุข กับการที่ลูกมีความสุข ลูกรักใครแม่ก็รักด้วย แล้วรู้จักพี่หมีจากแม่ก่อนคนแรกด้วยนะ จนเวลาผ่านมาต่างๆ สู้กันมาหลากหลายเรื่องราวที่เป็นบทพิสูจน์ แม่ก็คงมีบททดสอบอะไรกับพี่หมีมากมาย จนมาก่อนแต่งงานก็มีอะไรหลายอย่างที่ไม่ได้ราบรื่นซะทุกเรื่อง ต้องผ่านการคุยความเข้าใจ ทุกวันนี้เราก็ยังอยู่ในบริเวณเดียวกันเหมือนเดิม แต่เราจัดสรรพื้นที่ของแต่ละคน เราก็อยู่ของเราหลังหนึ่ง น้องๆ ก็อยู่หลังหนึ่ง คุณแม่ก็อยู่หลังหนึ่ง คุณพ่อก็อีกหลังหนึ่ง”
แล้วแม่คุ้นชินหรือยังกับการที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน?
“ถามเหมือนรู้ใจแม่เลย (หัวเราะ) แม่ใช้เวลาเหมือนกัน เป็น 2-3 ปี จนเขาคิดว่ามันถึงเวลาของลูก แพนคิดแบบนั้น เพราะจริงๆ แพนกับแม่เห็นเราใกล้กันแบบนี้ แต่จริงๆ บางเรื่องเราก็เหมือนไม่กล้าที่จะคุยกันตรงๆ เนื่องจากเราคงใกล้กันแล้วห่วงความรู้สึกกัน แล้วเราก็พยายามปรับตัวกัน แม่ก็พยายามปรับตัว โอเคลูกไปมีครอบครัว มีพี่หมีมาดูแลนะ ปล่อยได้ ปกติ 4 ทุ่มแม่ต้องโทร.แล้วอยู่ไหน ทำไมยังไม่กลับมา ทั้งๆ ที่ผ่านมาคบกันมานแล้ว ก็ยังมีความรู้สึกห่วงและกังวล แต่ว่าพอ ณ วันนี้แต่งงานแล้ว เขาก็ปล่อยให้พื้นที่ ให้ดูแลกันแต่ก็อยู่ในสายตาเขาเหมือนเดิม แม่ไม่เคยพูดอะไรให้เรากังวลหรือรู้สึกไม่สบายใจ ให้เรารู้สึกว่าทำตัวไม่ถูกเหมือนเป็นคนกลางที่แบบ นี่แม่ นี่พี่หมี แม่ไม่เคยพูดให้กังวลหรือรู้สึกไม่สบายใจแบบนั้น”
เราเคยทำอะไรให้แม่เสียใจไหม ที่ถึงวันนี้ก็ยังรู้สึกว่าไม่น่าทำเลย ?
“มีค่ะ แต่ไม่ใช่ถึงกับเป็นลูกที่เถียงแม่ ที่ขึ้นเสียงหรือว่าอาละวาดไม่ได้เป็นคนแบบนั้น แต่ก็จะมีบางอันที่ดื้อเงียบ แล้วก็ไม่ทำ มีพูดอะไรไปแล้วแม่ก็นิ่งไปเลย เราจะไม่ทะเลาะกันด้วยคำพูดที่แว๊ดๆ ใส่กัน ไม่มีคำพูดอะไรรุนแรง เงียบแล้วก็ไม่คุยกัน ซึ่งนั่นเราก็รู้แล้วว่ามันเป็นบรรยากาศที่แย่ยิ่งกว่าการพูดอีก เราก็เลยทิ้งเวลาสักพักเพื่อที่จะค่อยๆ กลับมาคุยหรือพูดคำว่าขอโทษ ที่พูดอะไรไม่ดีออกไปแบบนี้ มีปัญหากับใครก็ได้แต่ไม่ควรมีกับแม่”
เขาคือทุกสิ่งทุกอย่างของคุณไหม คุณโชคดีจังเลยที่มีแม่ที่รักคุณมาก ?
“ใช่ค่ะ แม่ก็พยายามที่จะดูแลลูกๆ อย่างดีที่สุด ในกำลังที่เขาสามารถทำได้ ทำจนเหมือนเกินกำลังของตัวเองแต่ก็ทำ ลูกต้องดี ลูกต้องโอเค ตั้งแต่เด็กจนโตมา แม่ก็จะโดนตลอดเลยว่าเหมือนสปอยลูก คือดูแลลูกซะเหลือเกิน ระวังลูกจะเสียนิสัยหรืออะไรต่างๆ แต่แม่ก็จะบอกว่าอะไรที่เป็นโอกาสแม่ก็จะต้องทำ ให้ลูกไม่รู้สึกขาดอะไร ในวันนั้นเราก็ไม่เข้าใจหรอก แต่ในวันนี้มองกลับไป ถึงรู้ว่าแม่คงมองแบบนั้น คงพร้อมที่จะให้อย่างเต็มที่ จนเกินตัว จนบางทีเกินกว่าที่แม่จะรับไหว”
แม่อยากได้หลานหรือยัง ?
“แม่บอกว่า แม่ว่าลูกควรมีนะ แต่ว่าแม่พูดกับแพนจนแม่เลิกพูดแล้วพี่วู้ดดี้ ไม่พูดกับแพนโดยตรงแต่จะไปพูดกับพี่หมีแทน (หัวเราะ) แม่ก็มาพูดว่า แม่ว่าควรนะ หรือว่าจะให้แพนเขาไปเก็บไข่ ไปทำอะไรใดๆ ไว้ก่อน แล้วเมื่อไหร่ที่เราพร้อมค่อยมี”
ที่ผ่านมาแพนยังไม่เคยคุยเรื่องนี้เลย เรื่องการมีครอบครัว ตกลงแล้ววันนี้เราตัดสินใจหรือยังว่าจะเดินหน้ายังไง?
“ถามใจเลยจริงๆ รู้สึกว่าแพนกับพี่หมีเราอยู่กันแบบนี้ เพราะรู้สึกว่าวันนี้เรามีหลาน เรามีครอบครัวใหญ่ รู้สึกแฮปปี้แล้ว มีน้องหมาที่เราดูแล อย่างหนึ่งคือเรากลัวการรู้สึกผูกพัน แต่ก็มีบางจังหวะที่เราก็คิดอีกเหมือนกันว่าหรือจริงๆ เราก็น่าจะควรมีนะ เพราะว่าเราอาจจะเป็นคนที่ดีขึ้นก็ได้ แล้วเราก็จะได้ดูแลเขาอย่างดีที่สุด คือสิ่งที่หาคำตอบไม่ได้เลยว่าคืออะไรยังไง คิดว่าก็คงมีและคงสักแป๊บนึง ให้เวลากับตัวเองในการทำสิ่งต่างๆ ที่เราอยากทำ แล้วคนก็บอกว่าเรามีควรมีปีมังกร เพราะเราเกิดปีมังกร แต่ว่าปีนี้ทำไม่ทันแล้ว”
พี่หมีโตในครอบครัวที่ไม่ได้ใหญ่เหมือนแพนเค้ก ปรับจูนกันยังไง ?
“เขาเป็นลูกคนเดียวค่ะ มันใช้เวลาเยอะมากเพราะเขาเป็นลูกคนเดียวที่อยู่ต่างประเทศ ใช้เวลาอยู่กับตัวเองมาเยอะมากๆ เพราะฉะนั้นเวลาที่เขากลับมาเจอในสังคมไทยแท้ๆ อย่างครอบครัวของเรา ซึ่งมีลูกกัน 3 คน พ่อแม่ด้วยเป็น 5 คน ความชุลมุนวุ่นวายมันก็จะมีตลอดเวลาไง พี่แย่งของน้อง น้องแย่งของพี่ พอเขามาเจอเราที่เป็นครอบครัวใหญ่แบบนี้ก็จะตกใจ เขาก็จะรู้สึกว่าทำไมต้องแย่งกัน แล้วทำไมพี่ถึงไม่แบ่งน้อง ทำไมน้องถึงเอาแต่ใจ
ในช่วงแรกๆ เมื่อถึงเวลาหิวทุกคนพร้อมกินข้าว พี่หมีก็จะแบบช็อกนิดหนึ่ง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ใช้เวลานานเหมือนกันกว่าที่จะปรับตัวเข้าใจในวิถีของแต่ละคน ธรรมชาติของแต่ละคนไม่เหมือนกัน คือพี่หมีก็เป็นอีกคนที่ดูแลตัวเองได้หมด ตัดสินใจด้วยตัวเองทุกอย่างผิดถูกก็ตัดสินใจเอง แต่ทางนี้คือพ่อแม่ดูแลตลอดเวลา เพราะฉะนั้นการที่ลูกจะตัดสินใจทำอะไรเองได้เลยก็คือคนละแบบ โตกันคนละรูปแบบกัน”
สามารถติดตาม WOODY INTERVIEW ได้ที่ช่องทาง Facebook: Woody , Youtube: Woody